Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 262 ไม่ได้เจตนาแต่อย่างใด

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 262 ไม่ได้เจตนาแต่อย่างใด อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 262 ไม่ได้เจตนาแต่อย่างใด

องค์ชายรัชทายาทหลีก่วงซ่านซึ่งยังยืนนิ่งอยู่ที่เก่าใช้เคล็ดวิชาลับเคลื่อนกายไปด้านหน้า โดยที่ร่างกายส่วนล่างไร้การขยับเขยื้อน

วูบ… ขณะนั้นเองลมกระโชกแรงพลันพัดเข้าปะทะใบหน้าของเยี่ยฉวนโดยแรง!
องค์ชายหลีก่วงฮ่านไม่ได้เร่งฝีเท้าไปที่โลงศพหิน ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นบูชาแต่อย่างใด ทว่าเคลื่อนกายย้อนกลับมาทางเยี่ยฉวนด้วยสีหน้าโหดเหี้ยมเพราะจิตสังหารที่มากล้น!
แม้ก่อนหน้านี้ ณ ปากทางเข้าห้องโถงมังกรปีศาจ เขาไม่สามารถสังหารเยี่ยฉวนได้ ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ละทิ้งความอาฆาตแค้น ทันทีที่สบโอกาส เขาจึงมุ่งสังหารเยี่ยฉวนให้ตายตกไปก่อนทําภารกิจอื่น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จนสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียยังไม่อาจไหวตัว

ทัน!

“ไอ้เด็กเหลือขอ! คราวนี้ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะหลบหลีกไปจากเงื้อมมือของข้าได้อย่างไร! ฮ่าๆๆ”

ครั้นเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ฉายแววตื่นตระหนกออกมาอย่างชัดแจ้ง องค์ชายจึงระเบิดเสียงหัวเราะดึงกึกก้องอย่างสาแก่ใจ!

หากเขาสังหารเยี่ยฉวนสําเร็จเมื่อไร สมบัติล้ําค่าภายในโลงศพหินนั้นก็จะกลายเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ รวมถึงหงจือเซียผู้งดงามและสง่าผ่าเผยก็จะตกเป็นของเขาด้วย! อีกทั้งนับจากนี้ ยังไม่ต้องกังวลว่าตนจะถูกศิษย์ชั้นสามัญของสํานักไร้ชื่อเสียงย้อนกลับมาล้างแค้นในภายหลัง!
สตรีพรหมจรรย์!

หากนางตกเป็นภรรยาของเยี่ยฉวนจริง ทั้งชีวิตของเขาคงเต็มไปด้วยความไร้เกียรติที่พ่ายแพ้ให้อีกฝ่ายแม้กระทั่งเรื่องสตรี! ต่อให้เขามอดม้วยจนสิ้นชื่อ…ความอัปยศดังกล่าวอาจติดตัวเขาไปจนวันตาย!
“หลีก่วงซ่าน! หยุดนะ!”
หงจอเซียร้องตะโกนลั่นพลางตั้งท่
าก้าวออกไปด้านหน้า หมายหยุดยั้งการกระทําขององค์ชาย ทว่าขอบเขตป้องกันของห้องโถงมังกรปีศาจแห่งนี้ทําให้การเคลื่อนไหวของนางยากเย็นนัก แม้ต้องการยกเท้าและก้าวไปด้านหน้ายังอาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต นางจึงทําได้เพียงมองดูองค์ชายที่พุ่งเข้าจู่โจมเยี่ยฉวนอย่างป่าเถื่อน โดยที่ตนไม่อาจช่วยเหลือใดๆได้
เยี่ยฉวนเริ่มเคลื่อนไหว เขาไม่ถอยหนีแต่กลับก้าวไปด้านหน้า…

ขณะที่หมัดหนักหน่วงขององค์ชายกําลังเคลื่อนเข้ามากระทบใบหน้า ร่างกายท่อนล่างของเขากลับนิ่งสนิท สองข้ายืนหยัดอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง ราวถูกตะปูตอกตรึงไว้ แต่ร่างกายส่วนบนตั้งแต่ต้นขาขึ้นไปโน้มเอนไปด้านหลังเพื่อหลบเลี่ยงหมัดของอีกฝ่ายจนเป็นแนวขนานไปกับพื้น ทันใดนั้นแสงสะท้อนสว่างวาบของใบมีดโลหะทั้งเจ็ดเล่มพลันปรากฏขึ้นตามช่องระหว่างนิ้วมือของเขา!

เมื่อเขาเริ่มโจมตีกลับ เสียงแผดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดพลันดังสนั่นไปทั่วห้องโถงมังกรปีศาจ!

เยี่ยฉวนส่งใบมีดทั้งเจ็ดเล่มให้พุ่งตรงไปทางองค์ชายหลีก่วงซ่าน คมมีดทั้งเจ็ดเฉือนผิวหนัง ทิ้งรอยบาดแผลลึกไว้บนท่อนขาอีกฝ่าย ใบมีดเล่มหนึ่งเชือดถูกเส้นเอ็นของศัตรูทําให้ร่างกายที่เคยยืนตรงอย่างสง่างามและแข็งแกร่งมหาศาลทรุดฮวบแทบทรงตัวไม่อยู่ บาดแผลฉกรรจ์ส่งผลให้ท่อนขาของเขาเกือบขาดออกจากกัน องค์ชายเกือบกลายเป็นคนพิการเช่นเดียวกับมู่หรงจุ้ยเฟิงเสียแล้ว!

เคล็ดวิชาลับของหลีก่วงซ่านทรงพลังมหาศาลยิ่ง! แม้แต่สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียยังไม่กล้าพุ่งเข้าไปขัดขวางหมัดจักรพรรดิของเขา เพราะเคล็ดวิชาที่มีไม่เปี่ยมอานุภาพพอที่จะต่อต้าน ทว่าสําหรับเยี่ยฉวนแล้วกลับต่างออกไป…พื้นที่ในเขตอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้ซึ่งมีความพิเศษส่งเสริมให้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามเกิดการพัฒนา และขัดเกลาตนเองเพิ่มเติม ทําให้เกิดเคล็ดลับในการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีรูปแบบยืดหยุ่นสูง ความว่องไวเมื่อเรียกใช้ผนวกกับการเคลื่อนที่ซึ่งทําให้ศัตรูไม่อาจจับทางหนีทีไล่ เป็นสิ่งที่หงจื่อเซียและองค์ชายรัชทายาทซึ่งเป็นยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ยังไร้หนทางโต้กลับ!

“อ๊าก… ไอ้สารเลว! เจ้ากล้าทําร้ายข้ารี!”

องค์ชายรัชทายาทโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด! เขาหันหลังกลับพร้อมพุ่งตัวเข้าจู่โจมอย่างเดือดดาลหมัดอันทรงพลังชกต่อยมวงอากาศอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดกระแสลมแรงกระแทกเข้าไปที่ร่างเยี่ยฉวนโดยตรง!

หงจือเซียโกรธาไม่แพ้กันในความไร้ สามัญสํานึกขององค์ชายสูงศักดิ์ผู้นี้ นางเอื้อมมือ คว้าอาวุธสังหารประจํากายก่อนจ้วงแทงไปที่หัว ใจของอีกฝ่ายโดยไม่รอช้า!

แม้การโจมตีกลับของเยี่ยฉวนนับเป็นสิ่งที่อยู่ เหนือความคาดหมาย แต่เมื่อเทียบกับความแข็ง แกร่งขององค์ชายหลีก่วงซ่านแล้วระดับขั้นการ ฝึกตนของเขายังต่ําต้อยกว่า อานุภาพทําลายล้างมหาศาลของเคล็ดวิชาหมัดจักรพรรดิสร้างมวลอากาศซึ่งเป็นแรงส่งหนักหน่วงไปทางเขาจนไม่อาจทานทน ทันทีที่เขาซวนเซจากแรงกระแทกดังกล่าวจนขาทั้งสองขยับเคลื่อนไปจากจุดเดิมที่ยืนหยัดอยู่ ทําให้เผลอกระตุ้นขอบเขตป้องกันของสถานที่แห่งนี้สู่มหันตภัยร้ายที่ไม่อาจคาดเดา!

“ฝ่าบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง! ท่านทั้งสองสามารถสู้รบกันไปพลางๆก่อน ส่วนข้าขอตัวไปสํารวจยังโลงศพหิน ในที่สุดมรดกเก่าแก่แห่งอาณาจักรสวรรค์นี้ก็เป็นของข้า! ฮ่าๆๆ! เมียจ๋า…ข้าขอฝากสุนัขบ้าตัวนี้ไว้ให้เจ้าจัดการทีเถิด! ฮ่าๆๆ”

เยี่ยฉวนโค้งคํานับพร้อมรับแรงส่งจากหมัดจักรพรรดิขององค์ชายรัชทายาท ทําให้ร่างของเขาเคลื่อนรุดหน้าอย่างรวดเร็วสู่โลงศพหินซึ่งตั้งอยู่ในส่วนท้ายของห้องโถงทันที!

ห้องโถงมังกรปีศาจเต็มไปด้วยอันตรายเกินหยั่งรู้ เพราะไม่เคยมีผู้ฝึกตนคนใดเคยเข้ามาถึงจุดนี้และพบเจอขอบเขตป้องกันดังกล่าวมาก่อน แม้แต่องค์ชายรัชทายาทและสตรีพรหมจรรย์ยังไม่กล้ากระทําการทุ่มบ่าม ส่วนเยี่ยฉวนเลือกใช้โอกาสนี้พุ่งตรงไปสํารวจโลงศพหิน

หงจือเซียและองค์ชายรามือจากการโจมตีพร้อมกันก่อนวิ่งไล่หลังเยี่ยฉวนไป ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขามากกว่าชายหนุ่มหลายเท่า!

เหตุใดพวกเขาจึงเสี่ยงชีวิตตนเข้ามาสู่อาณาจักรสวรรค์แห่งนี้?!

แน่นอนว่าเพื่อหวังจะได้ครอบครองมรดกชิ้นสําคัญในอาณาจักรสวรรค์! ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเยี่ยฉวนกําลังจะช่วงชิงไป ทั้งสองจึงไม่อาจนิ่งเฉยปล่อยให้สมบัติหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา!

องค์ชายหลีก่วงฮ่านไม่มีวันยอมให้ศัตรูมีชัยเหนือกว่า…หงจือเซียก็เช่นกัน! ในช่วงสถานการณ์วิกฤตนางยินดีช่วยเหลือเยี่ยฉวนเมื่อเขาตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ถึงกระนั้นนางก็ไม่อาจปล่อยให้เขาได้รับมรดกแห่งอาณาจักรสวรรค์ไปครอบครองโดยง่าย หากนางได้รับมรดกแห่งอาณาจักรสวรรค์ ไม่แน่ว่าโชคชะตาทั้งมวลของสํานักอสูรเมฆาอาจแข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาลจนกลายเป็นสํานักผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งในใต้หล้า ทั้งตัวนางเองจะได้รับผลพลอยได้จากการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่นั้น โดยอาจก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋หรือทะลวงสู่ขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดเฉกเช่นราชินีอสูรเกศาขาวก็เป็นได้

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงช้าเกินไป…จ่อเซีย เจ้าคิดแก่งแย่งมันไปจากข้าด้วยเหตุใดกัน? หากสามีของเจ้าทําสําเร็จมีหรือเจ้าจะไม่ได้รับผลประโยชน์? เมื่อได้รับตําราเคล็ดวิชาอันทรงคุณค่า ถึงอย่างไรเราก็สามารถทําการฝึกฝนร่วมกันได้!”

เยียฉวนหันกลับไปเย้ยหยันทั้งสองพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างร้ายกาจ ทันใดนั้นเปลวไฟความสูงประมาณสิบเมตรพลันพวยพุ่งขึ้นจากฝ่ามือของเขา จากนั้นจึงออกแรงส่งมันไปที่พื้นดินจนเกิดเป็นแนวเพลิงป้องกันการรุกรานจากอีกฝ่าย แม้เคล็ดวิชาหัตถ์เพลิงกัมปนาทเป็นวิชาสามัญที่ไม่ได้วิเศษมากมาย ทว่ากลับมีประโยชน์อย่างยิ่งในการถ่วงเวลาศัตรูไม่ให้เข้าถึงตัวโดยง่าย เมื่อเรียกใช้อย่างฉับพลันอาจได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล!

“ไอ้บัดซบเอ๊ย!”

ความโกรธเกรี้ยวขององค์ชายรัชทายาทพุ่งทะยานถึงขีดสุด หากเขาวิ่งอ้อมแนวเพลิงดังกล่าว คงสูญเสียเวลาไปไม่น้อยและไม่สามารถจับตัวเยี่ยฉวนได้ เขาขบกรามแน่นขณะตัดสินใจกระโดดข้ามเข้าไปในเปลวไฟที่โหมกระหน่ําอย่างรุนแรงโดยไม่คํานึงถึงอันตรายใดๆ ทันทีที่กระโจนผ่านแนวเพลิงเขาจึงร่อนลงต่อหน้าเยี่ยฉวนอย่างพอดิบพอดี ความแข็งแกร่งและวรยุทธ์อันสูงส่งของขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับที่เจ็ดสําแดงอิทธิฤทธิ์อย่างเต็มที่! เยี่ยฉวนซึ่งสัมผัสถึงอันตรายรีบหันหลังกลับเพื่อตั้งรับ

“องค์ชายวิปลาส! พระองค์อยากลากพวกเราให้ลงนรกไปพร้อมท่านหรืออย่างไร?!”

เยี่ยฉวนไม่ทันตั้งรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเดือดดาลจนไม่สนใจขอบเขตป้องกันของห้องโถงมังกรปีศาจแห่งนี้! เมื่อเขาถูกประชิดตัวอย่างกะทันหันจึงไม่สามารถหลบหนีได้ทันการณ์ ทําได้เพียงยกแขนสองข้างขึ้นสกัดกั้น โครม! เขาถูกหมัดทรงพลังขององค์ชายกระแทกจนร่างกระเด็นไปปะทะกับร่างของสตรีพรหมจรรย์ที่เพิ่งกระโจนข้ามแนวเพลิงเข้ามาอีกฝั่ง แรงกระแทกดังกล่าวส่งผลให้มวลอากาศโดยรอบระเบิดออกเป็นวงกว้างทันที!

ความยืดหยุ่นของเนินเนื้อที่ใหญ่โตราวภูเขาสองลูกกระเทือนบริเวณด้านหลังศีรษะของเยี่ยฉวนโดยตรง สัมผัสอันหอมละมุนและอ่อนนุ่มที่ได้สัมผัสทําให้เขาเกิดความอัศจรรย์อย่างประหลาด!

“เยี่ยฉวน! ไอ้คนอัปรีย์!”

หงจือเซียแค่นเสียงสาปแช่งอย่างโกรธจัด ขณะโลหิตแดงสดไหลรินลงจากมุมปาก สัมผัสลามกจากเพศตรงข้าม ทําให้นางอับอายจนอยากใช้อาวุธคมกริบในมือตัดศีรษะของเยี่ยฉวนทิ้งเสียเดี่ยวนี้!

ชายหนุ่มที่เพิ่งตระหนักจากคําสบถของนางว่าศีรษะของตนสัมผัสถูกสิ่งใดทําให้เขายิ้มเจื่อน ด้วยความเขินอาย ครั้งนี้เขาไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินของสงวนนางแต่อย่างใด หากนางจะถือโทษโกรธเคืองก็ควรโทษองค์ชายหลีก่วงซ่านที่โจมตีราวคนบ้าคลั่ง

“มรดกของอาณาจักรสวรรค์ทั้งหมดจะต้องเป็นของข้า! เยี่ยฉวน…อย่างไรชีวิตของเจ้าก็ต้องถูกสังเวยเสียที่นี่!”

จิตสังหารขององค์ชายรัชทายาททะยานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี! ดวงตาฉายแววเข้มจ้าเมื่อโจมตี เยี่ยฉวนให้พ้นทางสําเร็จ ทว่าเมื่อเขากําลังจะก้าวไปด้านหน้าเพื่อสังหาร ฝีเท้ากลับหยุดชะงักอย่างกะทันหัน เมื่อสัมผัสถึงรัศมีบางอย่างที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่ใต้ฝ่าเท้า จากนั้นเสียงแผดคํารามดังกึกก้องจนดวงจินปั่นป่วน ที่มาพร้อมแรงสั่นสะเทือนมหาศาลพลันปรากฏขึ้นจากใต้ผืนพิภพ ประหนึ่งสัตว์อสุรกายโบราณถูกปลุกให้ตื่นฟื้นขึ้นโดยมนุษย์ผู้บุกรุกทั้งสาม!

ขอบเขตป้องกันของอาณาจักรสวรรค์ในด่านสุดท้ายบังเกิดขึ้นแล้ว!

เวลานี้คนทั้งสามไม่สามารถต่อสู้กันเองได้อีกต่อไป สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดโดยพลัน!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด