Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 251 ปวดร้าวเกินทน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 251 ปวดร้าวเกินทน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 251 ปวดร้าวเกินทน

เยี่ยฉวนสบโอกาสที่จุดสนใจของผู้คนเปลี่ยนไปถอยออกมาเพื่อหนีไปให้ไกลจากสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยปัญหา

ทันใดนั้นสตรีผู้หนึ่งพุ่งพรวดออกมาจากฝูงชนและกรีดร้อง“ฝ่าบาทอย่าปล่อยให้ไอ้สารเลวแซ่เยี่ยหนีไปได้นะเพคะ!นี่ต้องเป็นแผนการของมัน
แน่!”

สตรีผู้นี้มีรูปลักษณ์สง่างามยิ่ง แม้จะร่างเล็กแต่มีสัดส่วนโค้งเว้าและท่อนขาที่เรียวยาวเป็นพิเศษท่อนบนสวมใส่ชุดเกราะหนังรัดรูปขณะที่ท่อนล่างสวมใส่กระโปรงหนังที่ไม่อาจสั้นไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วรูปร่างของนางช่างน่าอัศจรรย์ใจ ทว่า เส้นผมยาวกลับยุ่งเหยิงและนัยน์ตาแดงก่ําซ้ํายังมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนไปทั้งกาย ใบหน้าทรงเสน่ห์ฉายแววดุดันและซีดเซียวชอบกลนางจ้องมองเยี่ยฉวนด้วยแววตาโหดเหี้ยมราวกับเจ็บปวด และเสียสติ

หลิวหงงั้นหรือ?

เยี่ยฉวนประหลาดใจด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้พบนางมารร้ายในที่แห่งนี้อีกครั้ง เขาส่งสัญญาณให้ปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งเร่งฝีเท้าขึ้น

หลิวหงมักใส่ใจเครื่องแต่งกายและเครื่องสําอางบนใบหน้าอยู่เสมอนางเชี่ยวชาญการวางอุบายและล่อลวงผู้คนมิหนําซ้ํายังถนัดใช้ความงาม ยั่วยวนบุรุษมากฝีมือทว่าสภาพของนางในตอนนี้แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวผ่านความขมขื่นแสนสา หัสมาตลอดทางและก้าวเข้าสู่เส้นทางปีศาจอย่างแท้จริง

ช่างน่าเสียดายที่หญิงสาวผู้งดงามและอ่อนเยาว์ได้แปรเปลี่ยนเป็นนางมารชั่วร้ายไปเสียแล้ป

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ เขาคาดการณ์สิ่งนี้ไว้แล้วหลังสลักเคล็ดวิชาขนปักษาสีครามลงบนก้อนผลึกมนุษย์ก้อนใหญ่ในป่าหินเพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ความโลภความชิงชังและความบ้าคลั่งของหลิวหงทําให้นางเลือกทางเดินผิดและเร่งจุดจบของนางให้มาถึงเร็วขึ้น

“เจ้าเป็นใคร?” องค์รัชทายาทต้าฉันขมวดคิ้ว

ความงามของหลิวหงก่อนเข้ามายังอาณาจักรสวรรค์อาจกระตุ้นความสนใจของเขาได้แต่สภาพวิกลจริตและป่าเถื่อนของนางในตอนนี้คง ทําได้เพียงทําลายความอยากอาหารของผู้คนเท่านั้นโดยเฉพาะเมื่อมีสตรีพรหมจรรย์หงจื่อ เซียผู้สูงศักดิ์และบริสุทธิ์อยู่ตรงนี้หญิงอื่นจึงแลดูจืดชืดในสายตาขององค์ชายรัชทายาทไปโดยปริยาย

ชายผู้เกิดในราชวงศ์อย่างเขาอยากแต่งงานกับหญิงสาวอย่างสตรีพรหมจรรย์ชายหนุ่มย่อมได้สตรีที่หมายปองมาครอบครองอย่างง่ายดาย โดยอาศัยรูปลักษณ์ขั้นการฝึกตนและชาติตระกูลอันสูงส่งยิ่งไปกว่านั้นยังปรารถนาจะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิต้าฉันองค์ต่อไปในภายภาคหน้า!

องค์รัชทายาทแห่งต้าฉันมองดูหงจือเซียด้วยสายตาร้อนแรงเขามองว่าสตรีพรหมจรรย์แลดูงดงามแม้ในยามเกรี้ยวกราดวินาทีที่หมวกไม้ไผ่ลอยหลุดจากศีรษะของนางไปทําให้หัวใจของเขาเต้นระรัวชายหนุ่มคงคิดหาวิธีสานสัมพันธ์กับนางไปแล้วหากไม่ต้องคอยพะวงกับการชิงหอคอยาวหลงคืนมา

“หม่อมฉันมีนามว่าหลิวหง เป็นบุตรสาวของเจ้าสํานักเบญจลักษณ์เพคะฝ่าบาท” หลิวหงตอบพลางโน้มกายเข้าใกล้องค์รัชทายาทและเอื้อมมือไปปัดผมยุ่งเหยิงปรกหน้าผากด้วยกิริยายั่วยวน

นางถูกต้นขาที่เพิ่งกอดได้ไม่นานอย่างมู่หรงจุยเฟิงทอดทิ้งเสียแล้ว หญิงสาวผู้ซึ่งกําลังตกที่นั่งลําบากจึงวิ่งเข้าหาต้นขาที่แข็งแกร่งกว่าเดิมขององค์ชายรัชทายาทหากได้โอกาสทําความรู้จักแล้วนางไม่มีวันปล่อยไปแน่!

หลิวหงคุ้นเคยกับวิธีการทําให้บุรุษหลงใหลและตายใจเป็นอย่างดี เคราะห์ร้ายที่องค์รัชทายาทแห่งต้าฉันไม่ใช่ต้นขาธรรมดาเขาผ่านหญิงงามมาอย่างโชกโชนทั้งยังเพิ่งจิตใจสั่นไหวกับสตรีพรหมจรรย์ไปไม่นานรูปลักษณ์ของหลิวหงในยามนี้ไม่อาจเทียบกับความงามก่อนหน้านี้ได้เลยการกระทําของนางจึงรังแต่จะสร้างความเกลียดชังเท่านั้น

“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสียไปให้พ้น!”

องค์รัชทายาทแสดงท่าทีรังเกียจอย่างไม่ปิดบังและไม่แยแสหลิวหงอีกต่อไป

หลิวหงที่คิดว่าตนเองงดงามยิ่งและวาดฝันถึงต้นขาใหม่เอาไว้ตะลึงงันไปครู่ใหญ่นางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและกระอักกระอ่วนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวได้แต่ขบกรามแน่นอย่างเงียบเชียบต่อให้มีความกล้ามหาศาลก็ไม่ บังอาจทําฉุนเฉียวใส่องค์รัชทายาทจึงโยนความผิดทั้งหมดไปให้เยี่ยฉวนและแทบรอนั่นเขาเป็นแปดชิ้นด้วยน้ํามือตนเองไม่ไหว!

“หม่อมฉันพูดความจริงนะเพคะฝ่าบาทไอ้บัดซบเยี่ยฉวนนี่เจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมถวายหอคอยจหลงให้พระองค์ด้วยตนเองต้องเป็นแผนการของเขาแน่นอนอย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้นะเพคะ!”

นี่เป็นโอกาสครั้งที่สามหรือครั้งที่สี่กันนะ? นางจะทําโอกาสทองเช่นนี้หลุดมือไปอีกหรือไม่?

หลิวหงลืมไปแล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าใดแต่สิ่งเดียวที่รู้คือหากปล่อยโอกาสทองหลุดมือหนนี้และเยี่ยฉวนหนีรอดไปได้อย่างไร้รอยขีดข่วนนางจะไม่มีโอกาสสังหารเยี่ยฉวนอีกตลอดกาล

หลิวหงสังเกตเห็นพัฒนาการอันน่าทึ่งของเยี่ยฉวนทุกครั้งที่เผชิญหน้ากันเช่นเดียวกับโท่ว

ป่าเชียง ขั้นการฝึกตนและออร่าที่แผ่ออกมาจากเขาเปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคง บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ในไม่ช้าเมื่อถึงตอนนั้นแม้แต่องค์รัชทายาทแห่งต้าฉันก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้!

“เจ้าพิสูจน์ได้หรือว่านี่คือแผนการ? แผนการของเยี่ยฉวนหรือของเจ้ากันแน่? เจ้าคิดว่าผู้อื่นปัญญาทึบอย่างนั้นหรือ?” องค์รัชทายาทแสยะยิ้มเย็นเยียบก่อนส่งสัญญาณให้ยอดฝีมือแห่งวังหลวงสองคนก้าวออกมาขนาบข้างหลิวหงและ คว้าแขนของนางหมายจะโยนไปให้ไกล

“ช้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาท…ข้าพิสูจน์ได้

ฉับพลันแว่วเสียงดังขึ้นท่ามกลางฝูงชนตามด้วยร่างของคนผู้หนึ่งตะเกียกตะกายคืบคลานออกมาเยี่ยฉวนหันไปมองจึงได้เห็นใบหน้าที่คุ้น เคยเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมู่หรงซุ้ยเฟิงในสภาพไร้ขาทั้งสองข้างเขายังไม่ตายและมาที่นี่พร้อมกับหลิวหง!

“มู่หรงซุ้ยเฟิง… นั่นเจ้าหรือ?!” องค์รัชทายาทรองขึ้นพร้อมกับขยี้ตา

ตระกูลขุนนางมู่หรงเป็นผู้สนับสนุนที่จงรักภักดีและพึ่งพาได้ของราชวงศ์มาโดยตลอดมู่หรงจุ้ยเฟิงถือเป็นสหายคนสนิทขององค์ชายรัชทายาทที่คอยรับฟังเขาทุกคําสั่ง

หนึ่งในสามปรมาจารย์รุ่นเยาว์มากฝีมือตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร?!

องค์ชายรัชทายาทไม่อยากเชื่อสายตาว่ามู่หรงจัยเพิ่งจะถดถอยกลายเป็นคนพิการเช่นนี้

“ฝ่าบาท กระหม่อมเอง กระหม่อม…”

มู่หรงซุ้ยเฟิงคลานไปอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทพร้อมกับกอดขาขวาและเริ่มร้อง คร่ําครวญ

การปะทะในช่วงสองวันที่ผ่านมาเปรียบเสมือนฝันร้ายสําหรับเขา
ในยามที่เข้ามายังอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้ชายหนุ่มเต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยานและความตั้งใจแน่วแน่ที่จะชิงขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์และนําเกียรติยศกลับไปสู่บรรพบุรุษเพื่อให้ผู้อาวุโสจารึกคุณงามความดีของเขาเอาไว้ตลอดทางเต็มไปด้วยภยันตรายและเรื่องไม่คาดฝันนานัปการแต่เขาก็เอาชนะอุปสรรคทั้งหมดได้ทว่าทุกสิ่งกลับพลิกผันหลังจากเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวนความใฝ่ฝันของเขาพังทลายและต้องกลายเป็นชายพิการ!

“เกิดเหตุอันใดขึ้น? บอกข้ามา ใครตัดขาเจ้า?ผู้ใดบังอาจทําเรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้?”

องค์รัชทายาทโกรธจัด มู่หรงซุ้ยเฟิงเป็นบริวารของเขาส่วนตระกูลมู่หรงเป็นผู้สนับสนุนเขาเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจและอิทธิพลการทําให้มู่หรง จุยเฟิงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ไม่เป็นเพียงการหยามเกียรติตระกูลมู่หรงแต่ยังเป็นการตบหน้าองค์รัชทายาทอย่างเขาอีกด้วย!

“เป็นมัน… ไอ้สารเลวเยี่ยฉวน! พระองค์ต้องช่วยข้าแก้แค้นฝ่าบาท..”

มู่หรงซุ้ยเฟิงตะโกนลั่นพลางชี้ไปทางเยี่ยฉวนและขบกรามแน่น หยาดน้ําตาไหลรินอาบแก้ม

องค์รัชทายาทแห่งต้าฉันจ้องมองเยี่ยฉวนอย่างดุดันพร้อมพลังปราณภายในร่างที่เดือดพล่านและปะทุขึ้นเขาย่างสามขุมเข้าหาด้วยจิตสังหาร แรงกล้า

“ไอ้เด็กเหลือขอเจ้าไม่ตายดีแน่!”

หลิวหงแสยะยิ้ม นางรอเวลานี้มานานเหลือเกินไม่ว่าจะต้องอับอายขายหน้าสักเพียงใดก็คุ้มค่าหากเยี่ยฉวนสิ้นชีพวันนี้!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด