Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 31 อาณาจักรสวรรค์
บทที่ 31 อาณาจักรสวรรค์
เยี่ยฉวนสำรวจเชิงเขาอย่างระแวดระวัง หนึ่งชั่วยามผ่านไปจนแสงแรกแห่งรุ่งอรุณเริ่มสาดส่อง ก็ยังไม่พบร่องรอยของเหอไท่ซวี ทว่าเขากลับพบเจ้าอ้วนจ้าวต้าจื่อเข้าโดยบังเอิญ
“ศิษย์พี่ใหญ่ขอรับ เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่แต่เช้าเช่นนี้?” จ้าวต้าจื่อเอ่ยถามด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง
“ข้าลงเขามาเพื่อกำจัดพวกยุงน่ะ เจ้าล่ะ?”
เยี่ยฉวนพิเคราะห์ดูเจ้าอ้วนผู้มักจะตื่นสายเป็นประจำ ก่อนจะแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ “เจ้าอ้วน เจ้าขึ้นมาบนยอดเขาในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ ศิษย์น้องหญิงคนใดกันหนอที่เจ้าเกิดชอบพอเข้า แล้วพากันไปพลอดรักที่ใด?”
“ข้าเปล่านะขอรับ ข้าจะมีโชคดีถึงเพียงนั้นได้อย่างไรเล่า? ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ามาตามหาท่านต่างหาก เมื่อคืน….” เจ้าอ้วนพึมพำ ลอบมองไปรอบๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูของเยี่ยฉวน “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเคยได้ยินเรื่องอาณาจักรสวรรค์หรือไม่?”
“มันคือสิ่งใดหรือ?” เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ”
“เมื่อคืนหลังจากที่กองทัพสำนักเครื่องนิลกลับไป ก็มีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วสำนักขอรับ”
จ้าวต้าจื่อหยุดมองหน้าเยี่ยฉวน ก่อนจะกระซิบต่อ “ลือกันว่า… ในตอนที่ศิษย์พี่ใหญ่ออกไปเก็บสมุนไพร ท่านได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์โดยบังเอิญ และได้รับสืบทอดพลังผู้เป็นอมตะแห่งเต๋าในตำนานจากที่แห่งนั้น ซ้ำยังเจอขุมทรัพย์ที่ซุกซ่อนอยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงตื่นรู้ขึ้นมาและการฝึกตนของท่านก็ก้าวหน้าอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ว่ากันว่าผู้ใดชิงสมบัติเหล่านั้นจากท่านได้จะสามารถสัมผัสนภาได้ภายในอึดใจเดียว นี่คือสิ่งที่ผู้คนลือกันไปทั่วทั้งสำนัก”
“อาณาจักรสวรรค์? ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่?
เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว เขาเข้าใจทุกอย่างในทันที
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเหตุใดแขกไม่ได้รับเชิญมากมายจึงมาเยือนเมื่อวาน ปรากฏว่าพวกเขาไม่ใช่นักฆ่าอย่างที่คาดคิด หากแต่เป็นผู้คนทั่วไปที่พากันมาขโมยสมบัติที่ไม่มีอยู่จริง ไม่แปลกใจว่าเหตุใดระดับขั้นการฝึกตนของพวกเขาจึงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
ผิดแล้ว!
เริ่มจากให้บรรดาศิษย์สามัญมารบกวนการฝึกตนอันแสนสงบของเขา และเมื่อเขาเริ่มคุ้นชินและไม่ทันระวังตัวก็ลอบส่งปรมาจารย์มาสังหาร ด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถใส่ร้ายศิษย์สามัญสักคนให้รับผิดชอบเรื่องนี้ได้ ช่างเป็นแผนการที่ชั่วช้าเสียจริง!
ความคิดของเยี่ยฉวนราวกับไฟฟ้าที่กระตุ้นให้ชาวาบไปทั้งร่าง บัดนี้เขารู้แล้วว่าเบื้องหลังข่าวลือคือเจตนาหมายจะปลิดชีพเขา
“เหอ…ไท่…ซวี!” เยี่ยฉวนเอ่ยชื่อทีละคำ ดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ ในยามนี้เขาตระหนักได้ว่าที่ปรึกษาเหอไท่ซวีชั่วช้าเลวทรามกว่าจินหัวหลายเท่านัก!
เขาเชื่อว่าหลังจินหัวสิ้นชีพ เหอไท่ซวีผู้เป็นที่ปรึกษาข้างกายก็จะจากไปตามทางของตนเอง ทว่าชายผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่กลับตัวกลับใจ แต่กลับทวีความชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น
“เหอไท่ซวี? ข้าก็เอาแต่คิดว่าเหตุใดข่าวลือจึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักได้เพียงชั่วคืน ที่แท้ตาแก่นั่นก็เล่นสกปรกอยู่เบื้องหลังนี่เอง” คำใบ้เพียงนิดก็ทำให้จ้าวต้าจื่อเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด แม้จะอ้วนฉุ แต่สติปัญญาไม่อ่อนด้อย เขามองเยี่ยฉวนด้วยสีหน้าเป็นกังวล ก่อนจะกล่าวเสริม “ศิษย์พี่ใหญ่ เท่าที่ข้ารู้ มีศิษย์ในสำนักจำนวนมากที่หลงเชื่อจนถึงขั้นที่ศิษย์ขั้นซิวฉือบางคนพร้อมที่จะก่อความวุ่นวายแล้ว ศิษย์หอแปรธาตุดูจะเป็นพวกที่ถูกยั่วยุมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นยังลือกันว่าผู้ที่สามารถหาแม้แต่เบาะแสอาณาจักรสวรรค์จากร่างของท่านได้จะได้ฝึกเคล็ดวิชาขั้นปถพีทันที ศิษย์พี่ใหญ่ หนนี้ท่านต้องระวังตัวให้มากนะขอรับ หากเป็นไปได้ก็ย้ายไปอาศัยกับอาวุโสอันดับสองเสีย”
จ้าวต้าจื่อกังวลและร้อนใจเป็นอย่างมาก ข่าวลือกำลังกระจายไปทั่วทั้งสำนักว่าในเทือกเขาหมอกเมฆาอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีถ้ำที่ผู้เป็นอมตะแห่งเต๋าเคยอาศัยอยู่ตั้งแต่สมัยโบราณกาล ผู้ใดได้เข้าไปจะได้รับสืบทอดทรัพย์สมบัติของผู้เป็นอมตะแห่งเต๋า
ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีตำนานกี่เรื่องที่เล่าขานต่อกันรุ่นสู่รุ่นในสำนักหมอกเมฆา ผู้คนมากมายจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเมื่อที่ปรึกษาเหอไท่ซวีแอบกระจายข่าวลือนี้ออกไป แต่เมื่อใคร่ครวญถึงศิษย์พี่ใหญ่และภาพลักษณ์ของเขาในอดีตก็ยากที่จะไม่หลงเชื่อ
ในยามที่เผชิญหน้ากับโท่วป่าเซียงและจินหัวผู้ร้ายกาจ เยี่ยฉวนต่อสู้ด้วยสติปัญญาอย่างกล้าหาญและทำลายแผนการของพวกเขาอย่างเด็ดขาด ความสามารถอันยอดเยี่ยมทำให้เขาเป็นที่ยกย่องและเคารพนับถืออย่างสุดซึ้ง แต่ขณะเดียวกันก็กลับซ่อนปัญหาเอาไว้ แม้เยี่ยฉวนจะอธิบายโดยทั่วแล้วว่าเขากินผลไม้ลึกลับเข้าไปโดยบังเอิญทำให้การฝึกตนของเขารุดหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เห็นได้ชัดว่าผู้คนพากันเชื่อข่าวลือของเหอไท่ซวีมากกว่าคำพูดของเขา
“ได้ ข้าจะระวังตัว ขอบใจมากเจ้าอ้วน”
เยี่ยฉวนหยิบยาเม็ดสีเขียวอมฟ้าออกมาก่อนจะส่งให้จ้าวต้าจื่อ “ข้ารีบร้อนออกมาจึงไม่ได้เตรียมของดีมาให้เจ้าเลย จงรับยาเม็ดชำระไขกระดูกนี่ไปเสีย”
“ศิษย์พี่ใหญ่ นี่…นี่มันยาเม็ดชำระไขกระดูกที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดให้เจียเจียมอบให้ท่านไม่ใช่หรือ? ไม่ได้ ข้ารับไว้ไม่ได้” เจ้าอ้วนร้องด้วยความตกใจพลางส่ายหัวปฏิเสธสุดกำลัง
แม้สำนักหมอกเมฆาจะเป็นเลิศด้านการปรุงยา แต่ยาดีที่แท้จริงนั้นแม้แต่ศิษย์ในสำนักก็ยังไม่มีโอกาสได้รับ ยาเม็ดชำระไขกระดูกนี้จะช่วยก่อรากฐาน ชำระล้างเส้นเอ็นและไขกระดูก เป็นยาหายากระดับสูง มีมูลค่าในโลกนี้อย่างน้อยแปดร้อยยี่สิบตำลึงเงิน เจ้าอ้วนจึงไม่อาจรับของขวัญที่แสนเอื้อเฟื้อเช่นนี้โดยง่าย
“รับไปเสีย ยาพรรค์นี้ไม่มีประโยชน์กับข้า ขืนเก็บไว้ก็เสียเปล่า” เยี่ยฉวนวางยาลงบนมือของจ้าวต้าจื่อก่อนจะหันหลังจากไป
“ขอบคุณขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่!”
จ้าวต้าจื่อสุขล้นจนแทบคลั่งเพียงได้กลิ่นอ่อนๆ โชยจากยาเม็ดชำระไขกระดูกขณะที่หันหลังเดินกลับไป เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเข้ารับการฝึกอย่างสันโดษเพื่อขัดเกลายาเม็ดนี้
หลังจากขัดเกลายาเม็ดชำระไขกระดูกขั้นที่หนึ่ง การฝึกตนของเขาย่อมก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงจนถึงขั้นที่เขาคาดหวังว่าจะทะลุสภาวะตีบตันไปสู่ขั้นซิวฉือและกลายเป็นศิษย์ชั้นเลิศได้สำเร็จ
เยี่ยฉวนรีบรุดกลับไปยังลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิล ทว่าเขาไม่ได้ฝึกตนอย่างสันโดษดังเช่นเคย แต่กลับคว้าไม้กวาดนามว่าแส้เทวะก่อนจะเดินลงเขาไป
จะต่อกรกับน้ำต้องใช้เขื่อน จะต่อกรกับกองทหารต้องใช้อาวุธ เมื่อถึงเวลาต้องสู้ เขาก็จำเป็นต้องลงมือ!
เมื่อเข้าใจแล้วว่าทั้งหมดเป็นแผนการร้ายของเหอไท่ซวี คนอย่างเยี่ยฉวนจะไม่นั่งรอความตายอยู่เฉยๆ แน่ แม้จะขับไล่บรรดาแขกไม่ได้รับเชิญทั้งหลายออกไปได้ครั้งหนึ่ง กลุ่มอื่นๆ ก็จะตามมาอีกไม่จบสิ้น หากเป็นเช่นนั้นเขาไม่เพียงแต่จะไม่สามารถฝึกตนได้ แต่ยังต้องคอยตั้งรับการบุกรุกจากปรมาจารย์ทั้งวัน แม้แมลงกลายพันธุ์ฝูงใหญ่ภายใต้การควบคุมของราชันจักจั่นทองคำจะต้านแขกไม่ได้รับเชิญเหล่านั้นเอาไว้ได้ แต่สถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ
ยอดเขานับไม่ถ้วนตั้งตระหง่านเรียงรายในสำนักหมอกเมฆา ปรมาจารย์ผู้แกร่งกล้าส่วนมากจะมียอดเขาของตนเพื่อฝึกปรือวิชา หอฝึกซ้อมแต่ละหอถูกสร้างขึ้นบนยอดเขาด้วยปราณวิญญาณแน่นหนา
ในยามนี้ เยี่ยฉวนนำแส้เทวะตรงไปยังยอดเขาปีกสิงขรอันเป็นที่ตั้งของหอแปรธาตุ
ข่าวลือเริ่มต้นจากหอแปรธาตุของเหอไท่ซวี และบรรดาศิษย์ในหอแปรธาตุต่างหลงเชื่อและสนใจข่าวลือนี้มากที่สุด หากต้องการหาทางออกให้กับความวุ่นวายนี้ก็ควรเริ่มจากหอแปรธาตุ
ยามเช้าตรู่ เหล่าศิษย์สามัญกำลังกวาดพื้นบริเวณลานหน้าหอแปรธาตุ มีทหารอารักขากลุ่มหนึ่งยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู หัวหน้าทหารอารักขาจำเยี่ยฉวนได้ทันทีก่อนจะก้าวเข้ามาขวางทางเขาไว้ “ศะ…ศิษย์พี่ใหญ่? เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ขอรับ?”
ในอดีต เยี่ยฉวนแทบจะไม่เคยลงจากยอดเขาเลย เขาฝึกตนอย่างสันโดษบนยอดเขาหมอกเมฆาตลอดทั้งปี การพบเขาอย่างกระทันหันในยามเช้าตรู่เช่นนี้จึงทำให้ผู้คนตกใจอย่างมาก
“เวลาห้าวันล่วงไปครบแล้ว ข้ากำลังมองหาสักคนเพื่อแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาเสียหน่อย” เยี่ยฉวนตอบ
วันนี้ เวลาแห่งการท้าประลองได้มาถึงอีกครั้ง และใครบางคนมาหาเขาถึงที่
“อะไรกัน…”
หัวหน้าทหารอุทาน เยี่ยฉวนลงเขามาตอนเช้าตรู่ถือว่าเป็นสิ่งที่พบได้ยากแล้ว แต่การเริ่มท้าประลองนั้นถือว่าเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว “ศิษย์พี่ใหญ่…ท่านอยากประลองกับผู้ใดหรือขอรับ?”
“เจ้า เริ่มที่เจ้า!”
เยี่ยฉวนยิ้มเหี้ยมเกรียม ก่อนจะตวัดไม้กวาดหลังจากโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์โดยไม่รอฟังคำตอบจากหัวหน้าทหาร
แม้การฝึกตนของหัวหน้าทหารผู้นี้จะอยู่ในระดับดีและบรรลุถึงขั้นอูเจ๋อระดับหกแล้ว เขาก็ไม่อาจต้านทานไม้กวาดของเยี่ยฉวนที่หนักเทียบเท่าภูเขาไท่และถูกฟาดลงไปกองกับพื้นทันที เมื่อเห็นหัวหน้าของพวกเขาหลั่งเลือด ทหารอารักขาและศิษย์ทั้งหลาย ณ ที่นั้นต่างอ้าปากค้าง ชาวาบไปทั้งกะโหลก ไม่กล้ากระทำการผลีผลามใดๆ
“ต่อจากนี้จงจำไว้ให้ดี ไม่ว่าศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าจะไปที่ใดและจะตามหาใคร อย่าเข้ามาขวางทาง”
เยี่ยฉวนปัดมือ ก่อนจะย่างเท้าเข้าไปในหอแปรธาตุพร้อมแส้เทวะในมือ
ทหารอารักขาที่มองตามหลังเยี่ยฉวนไปฟื้นคืนสติและรีบรุดไปแจ้งข่าวทันที
คอมเม้นต์