Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 95 ระวังท่านจะกลายเป็นขันที!

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 95 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

 

บทที่ 95 ระวังท่านจะกลายเป็นขันที!

 

หงลี่รีบหนีดังแผนการที่ว่า “หากทุกอย่างล้มเหลว จงถอย!? เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เคราะห์ร้ายที่การใช้ไม้ค้ำยันท่ามกลางฝูงชนนั้นสะดุดตาผู้อื่นเกินไป

 

สีหน้าของโท่วปาเซียงไม่สู้ดีนัก หากแต่ยังคงนิ่งสงบและไม่เอ่ยคําใด

 

“ท่านเจ้าสํานักอย่าได้อับอายไปเลย แค่เดิมพันเล็กน้อยเท่านั้น ลืมไปเสียเถิด”

 

เยี่ยฉวนกล่าวอย่างใจเย็น เขามองตามหงลี่ที่เดินจากไปอย่างตื่นตระหนกก่อนจะหันไปมองโท่วปาเซียง และหยุดสายตาอยู่ที่โท่วปาเซียงเนียวผู้อ่อนหวานและสง่างาม “ถึงอย่างไรการกลับคําก็เป็นเรื่องปกติของสํานักเครื่องนิล ข้าชินแล้ว”

 

ใบหน้าของโท่วปาเซียงเนียวขึ้นสีเมื่อนึกถึงเรื่องง่เง่าที่บิ ดาใช้นกอินทรียักษ์ปลอมแปลงเป็นตน

 

“ลืมไปเสียงนหรือ?! ถึงอย่างไรวางเดิมพันไปแล้วก็ต้องทําในสิ่งที่ควรทํา เหตุใดจึงต้องลืม? หงลี่อยู่ไหน?!”

 

โท่วปาเซียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด

 

หงลี่ที่กําลังรีบเร่งตัวสั่นสะท้านทันที่ สายตาของโท่วปาเซียงทําให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากรวบรวมสติ และหันหลังกลับไป ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ขาอ่อนลงทันใด

 

“หงลี่ ทําตามเดิมพันที่เจ้าวางไว้เสีย เป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่ประจําสํานักแต่คิดจะทําให้สํานักเสื่อมเกียรตั้งนหรือ?”

 

โท่วปาเซียงเอ่ยด้วยความโหดเหี้ยมก่อนจะโยนกระบี่จากผู้พิทักษ์ข้างๆ ให้หงลี่

 

“ท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐ ข้า…”

 

ทั้งร่างของหงลี่สั่นเทิ้มและลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาจ้องเยี่ยฉวนเขม็งด้วยสายตาเคียดแค้นก่อนจะคว้ากระบีขึ้นมาตัดแขนตัวเองขาดทันที!

 

เขาทําจริงหรือ?!

 

ฉากนองเลือดทําให้ผู้คนโดยรอบกรีดร้องด้วยความตกใจ

 

“เฮ้อ ทําไมกัน? ไม่จําเป็นเลยแม้แต่น้อย” เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ “ข้าบอกว่าให้ลืมไปเสีย ก็แค่เดิมพันเท่านั้น เหตุใดถึงได้จริงจังนัก?”

 

“พ่อหนุ่มแซ่เยี่ย หนนี้ข้าอาจแพ้ แต่หนหน้าเจ้าต้องเป็นฝ่ายแพ้แน่นอน สักวันหนึ่งหงลี่ผู้นี้แหละจะตัดแขนทั้งสองข้างของเจ้าเอง!” หงลี่ห้ามเลือดที่ไหลราวกับหมูถูกเชือด แม้ร่างกายสั่นเทาจนแทบล้มลงแต่เขากลับไม่รักษาบาดแผลทันที หากแต่จ้องเยี่ยฉวนด้วยแววตาเคียดแค้น

 

เขาไม่บังอาจโกรธเคืองโท่วปาเชียงผู้เป็นถึงเจ้าสํานักเคเรื่องนิล จึงระบายโทสะและความเคียดแค้นทั้งหมดลงที่เยี่ยฉวน

 

“ข้าร่วมประลองกับเจ้าได้ทุกเมื่อ แต่เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสนั้นหรอก” เยี่ยฉวนยิ้มหยัน

 

โท่วปาเซียงออกคําสั่งโดยไม่รอให้หงลี่ตอบโต้ “หงลี่ กลับไปรักษาอาการบาดเจ็บที่สํานักเสีย จากนั้นรายงานหน่วยตระเวนบรรพตว่าจากนี้ไปเจ้ามีหน้าที่อารักขาทางเข้าสํานัก ไม่ต้องกลับมาพบข้า ข้าจะเลือกศิษย์พี่ใหญ่คนใหม่ในภายหลัง!”

.

อะไรกัน? เลือกศิษย์พี่ใหญ่คนใหม่อย่างนั้นหรือ?

 

ใบหน้าของหงสี่ดําคล้ำก่อนจะกระอักเลือดและหมดสติไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและโศกเศร้าเกินบรรยาย

 

สํานักเครื่องนิลให้ความสําคัญกับความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้จะรู้ว่าเจ้าสํานักโท่วปาเซียงไม่พอใจและเขามีโอกาสสูญเสียตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ไปสักวัน แต่เขาไม่คาดฝันว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วเช่นนี้

 

เขาพยายามข่มเยี่ยฉวนและคุยโวไว้มากมายเพื่ออวดตน ต่อหน้าโท่วปาเซียงเนียวแต่สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว บัดนี้เขารู้สึกราวกับร่วงหล่นจากสวรรค์สู่พื้นดิน!

 

“คนเราควรมีความละอายใจและไม่ควรคิดทําร้ายผู้อื่นอยู่ท่าเดียว ไม่เช่นนั้นเรื่องทั้งหมดคงย้อนกลับมาทําร้ายตนเอง” เยี่ยฉวนทอดสายตามองอี้สั่วที่ถูกพันธนาการอยู่อย่างเฉยเมย

 

ใบหน้าของอี้สั่วพลันซีดเผือดไร้สีเลือด

.

นี่คือผลลัพธ์ของการเป็นศัตรูกับศิษย์พี่ใหญ่!

 

ปีศาจเขาโค้งสังหารกู่ชานเหลิงศิษย์พี่ใหญ่สํานักเบญจลักษณ์ไปแล้วในกระบวนท่าเดียว หงลี่ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเครื่องนิลก็ถูกจัดการไปแล้วเช่นกัน แล้วตัวเขาเล่า? ศิษย์พี่ใหญ่จะจัดการกับเขาอย่างไร?

 

อี้สั่วเคร่งเครียดและทั้งร่างสั่นสะท้าน ตอนนี้ความหวังเดียวของเขาคือจินจือคุนเจ้าแห่งหอแปรธาตุ เขาหวังว่าจินจื่อคุนจะแจ้งอาวุโสอันดับสามผู้อยู่เบื้องหลังให้จัดการทุกสิ่งในสํานักหมอกเมฆาโดยเร็วที่สุดเพื่อหาวิธีกําจัดเยี่ยฉวน

 

“ไอ้หนู เจ้าแค่โชคดีเท่านั้น! การประลองครั้งยิ่งใหญ่ยังไม่จบ ยังเหลือการประลองสติปัญญาอยู่ เจ้ากล้าเข้าร่วมการประลองนี้ด้วยตนเองหรือไม่?” โท่วปาเชียงย่างเท้าเข้า หาด้วยสีหน้าดุดัน ความโกรธสุมแน่นอยู่ในอก

 

“ไม่มีปัญหา นั่นเป็นหน้าที่ของข้าในฐานะศิษย์พี่ใหญ่” เยี่ยฉวนตอบตกลงโดยไม่คาดคิด

 

“ศิษย์พี่ใหญ่”

 

จ้าวต้าจื่อ จูซือเจีย และผู้อื่นร้องเรียกด้วยความกังวล

 

ผาปากอินทรีไม่ได้มีเพียงสังเวียนแห่งความเป็นตาย หากแต่ยังมีซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่ของค่ายกลโบราณก่อตัวขึ้นเป็นเขาวงกต ผู้ที่เข้าไปจะเผชิญกับภาพลวงตาหนาแน่นซึ่งน้อยคนนักจะฝ่าไปได้ ผู้ที่ต้านทานภาพลวงตาเหล่านี้ไม่ไหวจะถูกบังคับให้ออกจากเขาวงกตโดยมีผลข้างเคียงอย่างเบาคือสูญเสียพลังชีวิตและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนผลข้างเคียงอย่างหนักคือเกิดอาการวิกลจริตหรือจิตวิญญาณถูกทําลายอย่างรุนแรง

 

ในการประลองครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างสามสํานัก การประลองวิทยายุทธ์จะจัดขึ้นที่สังเวียนแห่งความเป็นตาย ในขณะที่การประลองสติปัญญาคือการเข้าไปในเขาวงกตนี้ เพื่อทดสอบว่าผู้ใดสามารถเดินเข้าไปได้ลึกที่สุดและยืนหยัดอยู่ข้างในได้นานที่สุด

 

การประลองวิทยายุทธ์จบลงโดยสํานักหมอกเมฆาพลิกสถานการณ์มาเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง จูซือเจียและคนอื่นๆ ทั้งภาคภูมิใจและปิติยินดีอีกทั้งยังกระหายอยากจะเข้าร่วม การประลองต่อไปแล้ว ถึงแม้ศิษย์พี่ใหญ่จะเก่งกาจด้านการวางอุบายทว่าขั้นการฝึกตนของเขายังด้อยกว่าศิษย์แทบจะทั้งสํานัก เขาจะรอดพ้นจากภัยอันตรายในเขาวงกตได้อย่างไร?

 

“ไม่เป็นไร วางใจเถิด ศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้ารู้ดีว่าสิ่งใดควรมิควร!” เยี่ยฉวนโบกมือ

 

“ฮ่าๆๆ เยี่ยมไปเลยไอ้หนู! เจ้ากล้าหาญนัก แต่คนพรรค์นี้ก็มักจะตายเร็วนักเช่นกัน ฮ่าๆๆ!”

 

โท่วปาเซียงหัวเราะด้วยไม่คาดคิดว่าเยี่ยฉวนจะตกหลุมพรางง่ายดายเช่นนี้ ครั้งนี้เขาไม่รอดแน่ โท่วปาเซียงเอ่ย ด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “ไอ้หนู เรามาวางเดิมพันเช่นเดียวกับ การประลองวิทยายุทธ์ดีหรือไม่? ผู้ใดแพ้ต้องตัดขาข้างหนึ่ง!”

 

“การตัดขาข้างหนึ่งจะไปมีความหมายอะไร? หากใคร่จะตัดก็ใช้กระบี่ตัดขาที่สามเป็นการตอนตัวเองต่อหน้าสาธารณชนเสีย ท่านเจ้าสํานักคิดเห็นอย่างไร?”

 

คําพูดของเยี่ยฉวนทําให้ทุกคนตกตะลึงใบหน้าของโท่วปาเซียงบิดเบี้ยวในทันใด

 

การตัดขาตนเองนั้นเป็นสิ่งที่พอรับได้ แต่การตอนตัวเองต่อหน้าสาธารณชนเห็นที่จะเกินไปเสียหน่อย! หากทําเช่นนั้นเขาจะเปลี่ยนจากเจ้าสํานักกลายเป็นขันที ถึงอย่างไรเขาก็คงไม่ต้องตอนตัวเองในเมื่อเยี่ยฉวนต้องแพ้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นเล่า?

 

โท่วปาเซียงไตร่ตรองด้วยท่าที่คลางแคลงใจ ในฐานะเจ้าสํานัก การเอ่ยปากเดิมพันเช่นนี้ถือเป็นศักดิ์ศรีของเขา เขาไม่อาจเปลี่ยนใจปฏิเสธโดยบอกว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่นได้ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้ผู้คนคงพากันชี้มาที่เขาและบอกว่านี่คือผู้ที่เกือบเดิมพันจะตอนตัวเองในที่สาธารณะกับศิษย์น้อง แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน?

 

“ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น ท่านเจ้าสํานักอย่าจริงจังนักเลย เรื่องรุนแรงอย่างการฆ่าตัดมือ หรือตัดแขนมันน่าเบื่อเสียแล้ว คราวนี้เรามาเดิมพันกันด้วยเหมืองแร่ดีหรือไม่? ท่าน คิดว่าอย่างไร?” เยี่ยฉวนยิ้ม เขาจงใจพูดเรื่องการตอนเมื่อครู่เพื่อหลอกโท่วปาเซียงเท่านั้น

 

โท่วปาเซียงทั้งวางอุบาย กดขี่จัดการเรื่องต่างๆ โดยไม่สนถูกผิด และหลอกลวงผู้อื่นมาตลอดชีวิตของเขา แต่ครั้งนี้เยี่ยฉวนหลอกลวงให้เขาอับอายในที่สาธารณะ 

 

“ได้ เหมืองแร่! เจ้าแพ้แน่ไอ้เด็กเหลือขอ!”

 

โท่วปาเซียงจ้องเยี่ยฉวนด้วยแววตาดุดันก่อนจะหันหลังจากไปเพื่อจัดเตรียมกําลังคนเข้าสู่เขาวงกต

 

เขาพ่ายแพ้ในการประลองวิทยายุทธ์ไปแล้วจึงต้องพลิกกลับมาชนะในการประลองสติปัญญาให้ได้และจําเป็นต้องชนะอย่างขาดลอย อีกทั้งยังต้องหาโอกาสสังหาร เยี่ยฉวนในเขาวงกตอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

 

“ในเขาวงกตเห็นที่จะอันตรายมากเพราะตาแก่โท่วปาเซียงต้องเล่นไม่ซื่อเป็นแน่ เยี่ยฉวน เจ้าคิดดีแล้วหรือ?” อาวุโสอันดับสองมองเยี่ยฉวนด้วยความกังวล

 

“ข้าคิดดีแล้ว” เยี่ยฉวนพยักหน้า

 

“ถ้าเช่นนั้นก็พาหนานเทียนโตวและ… ศิษย์น้องผู้นั้นของเจ้าไปด้วย” อาวุโสอันดับสองเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองดูปีศาจเขาโค้งในร่างอู่หย่งศิษย์ชั้นนอก ตอนนี้ปีศาจเขาโค้งไม่อาจปิดบังร่างเดิมของเขาได้อีกต่อไปและสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรจากที่เดิมเตี้ยกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร

 

เคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงลึกซึ้งยิ่งนัก ปีศาจเขาโค้งได้เรียนรู้เพียงแค่กฎหลักข้อแรกและยังเริ่มฝึกตนได้ไม่นานจึงไม่สามารถจําแลงกายตามต้องการได้

 

“ไม่จําเป็น ข้าจะเข้าร่วมการประลองนี้เพียงผู้เดียวอู่หย่ง เจ้าถอนตัวได้เลย”

 

เขาปรายตามองปีศาจเขาโค้งพลางออกคําสั่งแผ่วเบา นากู๋ซือหัวเราะก่อนจะกลับสู่ร่างเดิมและหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตาเพื่อหาที่ซุ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงต่อไป

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด