Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 109 ชาตินักรบ
บทที่ 109 ชาตินักรบ
ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรสามารถตั้งกระบวนทัพได้อย่างนั้นหรือ?
หงลี่และพรรคพวกเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“ถอย! จัดทัพ!”
หงลี่คํารามขึ้นเป็นคนแรก
หลังการประลองครั้งยิ่งใหญ่ หงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังสูญเสียแขนไป แต่ขันการฝึกตนที่สูงส่งในหมู่จอมยุทธ์รุ่นเยาว์ทําให้เขามีประสบการณ์มากกว่าและสัมผัสถึงอันตรายร้ายแรงจากสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรตัวเดียวนั้นไร้ประโยชน์ แม้จะมึงสิบตัวก็ยังถูกสังหารได้โดยง่าย แต่ปีศาจวัวรวมกันพันตัวกลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงจนหงสี่และพรรคพวกรู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักอึ้ง
“ถอย!”
“จัดกระบวนทัพประตูนิลสังหาร!”
ยอดฝีมื่อสิบสามคนจากสํานักเครื่องนิลล่าถอยอย่างรวดเร็วก่อนจะสลับตําแหน่งเพื่อจัดกระบวนประตูนิลสังหารซึ่งสามารถโจมตีและตั้งรับได้ในเวลาเดียวกัน
“ พร้อมหรือยัง?”
เยี่ยฉวนเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่งขณะกวาดตามองยอดฝีมือมากกว่าสิบคนจากสํานักเครื่องนิลด้วยท่าที่เคร่งขรึมประหนึ่งเผชิญหน้ากับศัตรูผู้น่าเกรงขาม รู้สึกเป็นการเสื่อมเกียรติหากจะลอบโจมตีอีกฝ่ายยามที่กําลังล่าถอยและจัดกระบวนทัพใหม่
“เปลี่ยนตําแหน่งและฆ่ามัน!”
หงลี่สั่งการด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
เขาไม่อาจบรรยายภาพตรงหน้าและไม่รู้ว่าเยี่ยฉวนได้ ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรมากมายมาจากที่ใด แต่ตราบใดที่สังหารเยี่ยฉวนได้ก็เพียงพอแล้วสําหรับเขา!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! เสียงลมพัดแสบแก้วหูดังขึ้นอีกครั้งเมื่อยอดฝีมือแห่งสํานักเครื่องนิลทั้งสิบสามพุ่งตัวไปข้างหน้าเป็นขบวน
ครั้งนี้พวกเขาดุดันและว่องไวกว่าเดิม เกิดเสียงก้องเมื่อหม้อสัมฤทธิ์หนักหนึ่งพันจินพุ่งตรงมายังเยี่ยฉวนด้วยความเร็วสูงพร้อมประกายวาววับของกริชและกระบี่ ทั้งสิบสามคนร่วมมือกันเพื่อเปิดฉากการโจมตีที่รุนแรงที่สุดโดยปิดกั้นทางหนีทั้งหมดไม่ให้เยี่ยฉวนหลุดรอดไปได้
“มาถูกเวลาพอดี แต่น่าเสียดาย…”
เยี่ยฉวนมองดูยอดฝีมือทั้งสิบสามพลางสั่นศีรษะ
แสงสีครามระยิบระยับพาดผ่านท้องฟ้าทันใด
เสียงคํารามของราชันปีศาจวัวผู้ยิ่งใหญ่ดังก้องขึ้น เหล่าปีศาจวัวแถวแรกล้มตัวลงนอนและปล่อยลําแสงสีฟ้าออกจากดวงตา
หัวใจของหงลี่บีบรัดราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาคว้าเอาไว้
แม้ความแม่นยําของลําแสงสีฟ้าจะต่ํากว่าความรุนแรงนั้นไม่อาจประมาทได้ ลําแสงสีฟ้าเหล่านั้นแลดูงดงามเมื่อปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรกว่าร้อยตัวโจมตีพร้อมกัน!
“เปลี่ยนกระบวนทัพ!”
ยอดฝีมือทั้งสิบสามคํารามด้วยความโกรธเกรี้ยวและเปลี่ยนตําแหน่งอีกครั้งขณะพุ่งตรงมายังเยี่ยฉวนไม่หยุดยั้ง
การโจมตีของปีศาจวัวกว่าร้อยตัวพลาดเป้าทั้งหมด!
หงลี่เห็นดังนั้นจึงหัวเราะสุดเสียงด้วยความฮึกเหิม เป็นที่รู้กันว่าการเคลื่อนไหวของปีศาจวัวนั้นเชื่องช้านัก เมื่อการโจมที่ล้มเหลวเช่นนี้เยี่ยฉวนจะป้องกันการจู่โจมถึงตายจากสํานักเครื่องนิลได้อย่างไร?
แสงสีฟ้าที่ส่องประกายยิ่งกว่าเดิมปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรแถวที่สองแสดงพลัง ครั้งนี้วัวปีศาจไม่ต่ํากว่าสองร้อยตัวโจมตีอย่างต่อเนื่อง ลําแสงสีฟ้าที่ทวีคูณขึ้นเป็นสองเท่ารวมเข้าด้วยกันและให้พลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิม!
“อ๊าก…”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องในปาเมื่อมีผู้เคราะห์ร้ายถูกลําแสงจนเกิดเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ที่กลางอก อีกคนนั้นโชคร้ายยิ่งกว่าเมื่อศีรษะเกินครึ่งถูกตัดออกไป! แม้ความ แม่นยําจะต่ําแต่อานุภาพนั้นรุนแรงเสียยิ่งกว่าลูกธนูจากหน้าไม้ จํานวนลําแสงที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทําให้การเคลื่อนย้ายตําแหน่งไม่ได้ผลและไม่สามารถหลบหลีกได้ทั้งหมด
“ฆ่ามัน!”
“เร่งความเร็วขึ้นอีก! ฆ่ามัน!”
เหล่ายอดฝีมือสํานักเครื่องนิลที่เหลืออยู่ตะโกนลั่นขณะพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างดุดันต่อไป ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากเยี่ยฉวนเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เลือดเนื้อของสหายที่สูญเสียไปกระตุ้นให้ทั้งหมดโหดเหี้ยมและว่องไวยิ่งกว่าเดิม
ทว่าลําแสงสีฟ้าที่รุนแรงขึ้นพุ่งมาทางพวกเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้ปีศาจวัวสามร้อยตัวร่วมกันโจมตีทําให้พลังน่าหวั่นเกรงยิ่งกว่า เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งเมื่อยอดฝีมือสี่คนร่วงหล่นไป การสูญเสียเพียงแขนหรือขานับว่าเป็นโชคดีแต่ ชายผู้โชคร้ายทั้งสี่นั้นตายคาที่!
ฟิ้ว! เสียงลมที่ก้องกังวานกว่าเก่าดังขึ้น
ยอดฝีมือสํานักเครื่องนิลทั้งเจ็ดที่เหลืออยู่โกรธจัด พวกเขาพุ่งทะยานเข้าไปโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยจนเยี่ยฉวนอยู่ห่างออกไปเพียงเจ็ดก้าว เพียงแค่กระโจนไปข้างหน้าก็จะถึงตัวและสามารถฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ได้! แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ทําเช่นนั้น
แสงสีฟ้าสว่างวาบอีกครั้งเมื่อปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรกว่าห้าร้อยตัวเริ่มโจมตีพร้อมกัน ลําแสงสีฟ้ารุนแรงพุ่งตรงไปทางเหล่ายอดฝีมือและกลืนกินร่างทั้งเจ็ดโดยสมบูรณ์ ปลายกระบี่ของยอดฝีมือผู้อยู่หน้าสุดห่างจากปลาย
จมูกของเยี่ยฉวนไปเพียงครึ่งนิ้วแต่ระยะห่างเพียงเท่านี้กลับทําให้ความพยายามทั้งหมดของเขาสูญเปล่าโดยไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก
ยังดื่มชาได้ไม่ถึงครึ่งถ้วย ศิษย์สํานักเครื่องนิลทั้งสิบสามคนล้วนบาดเจ็บและตายตกไปจนสิ้น
เยี่ยฉวนยืนนิ่งไม่ขยับแม้ปลายนิ้วตั้งแต่ต้นจนจบ ศัตรูของเขาถูกจัดการจนหมดสิ้นโดยไม่ต้องลงมือเอง!
“เป็นไปไม่ได้! เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร เหตุใด…”
หงลี่ตะลึงงันจนพูดไม่ออก
ศิษย์ชั้นเลิศจากสํานักเครื่องนิลทั้งสิบสามคนถูกฝูงปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรจัดการ จะมีผู้ใดเชื่อคําบอกเล่านี้?
หงลี่ไม่สามารถเอาชนะศิษย์ชั้นเลิศทั้งสิบสามคนนี้ได้แม้ จะไม่บาดเจ็บและอยู่ในยุครุ่งเรืองของตน แต่ฝูงปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรที่อยู่เบื้องหลังเยี่ยฉวนทําได้! สัตว์อสุรกายชั้นต่ําที่ เขาเคยมองข้ามสามารถรวมตัวกันเพื่อดึงพลังการต่อสู้อันน่าเหลือเชื่อออกมาได้
“ข้าไม่ได้บอกหรือว่าเจ้าจบเห่ตั้งแต่บีบให้ขาใช้ท่าไม้ตายแล้ว เฮ้อ…”
เยี่ยฉวนมองดูร่างของเหล่าศิษย์ชั้นเลิศที่กลิ้งอยู่บนพื้นพลางสายศีรษะ “น่าเสียดายจริงๆ อัจฉริยะที่มีขั้นการฝึกตนโดดเด่นตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ คงยากนักกว่าพวกเขาจะฝึกตนมาถึงขั้นนี้ได้ แต่คุณชายดูท่าจะเชี่ยวชาญด้านการสังหารอัจฉริยะสิ้นะ”
“กระบวนท่านี้คืออะไร?” หงลี่ถามด้วยดวงตาแดงฉานบัดนี้หัวใจของเขาทั้งหนักอึ้งและขมขื่น
“ชาตินักรบ!”
เยี่ยฉวนตอบอย่างเฉยเมย “อันที่จริงการตายด้วย กระบวนทัพนี้ถือเป็นเกียรติของเจ้า ในชีวิตของคนทั่วไปคงไม่มีโอกาสได้เห็นกระบวนสังหารเช่นนี้เป็นแน่”
“ข้าจะจดจําไว้ ชายแซ่เยี่ยผู้เข่นฆ่าศิษย์ชั้นเลิศแห่งสํานักเครื่องนิลถึงสิบสามคน ท่านเจ้าสํานักต้องจัดการ เรื่องนี้และล้างแค้นให้พวกข้าเป็นแน่!”
หงลี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะหันหลังวิ่งหนี แม้ไม้ค้ํายันของเขาจะร่วงลงบนพื้นก็ยังพยายามวิ่งกะเผลกต่อไป ศิษย์ชั้นเลิศทั้งสี่ที่บาดเจ็บสาหัสต่างพยายามกระเสือกกระสนตามไปเช่นกัน เมื่อวิ่งออกมาราวหนึ่งกิโลเมตรและพบว่าเยี่ยฉวนไม่ได้ไล่ตามมาจึงพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แล้วพลันเกิดเสียงปรบมือจากเบื้องหน้า เยี่ยฉวนขี่ราชันปีศาจวัวออกมาจากป่าและขวางทางพวกเขาเอาไว้
“เจ้าคิดจะทําอะไร?” หงอี้ชะงักฝีเท้า ทั้งร่างสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
“ข้าคิดจะทําอะไรงั้นหรือ? อีกไม่นานก็รู้”
เยี่ยฉวนยิ้มเจ้าเล่ห์พลางตบราชันปีศาจวัวใต้ร่างอสูรกาย ร่างยักษ์พุ่งเข้าชนหงลี่และพรรคพวกที่กําลังตื่นตระหนกอย่างรุนแรงจนพวกเขารู้สึกราวกับกระดูกทั้งร่างแตกละเอียด
“คุณชายหง ช่วยข้าส่งจดหมายให้เจ้าสํานักของเจ้าและ โท่วปาเชียงเนียวที”
เยี่ยฉวนใช้เถาองุ่นที่เหนียวและหนามัดมือของหงสี่และ พรรคพวกเอาไว้ก่อนจะดึงกางเกงของพวกเขาลงและจัดให้ยืนเรียงแถว ขณะที่หงสี่และคนอื่นๆ กําลังกระอัก กระอ่วนอยู่นั้น เยี่ยฉวนก็คว้ากระบี่ขึ้นสลักคําลงบนบั้นท้าย ขาวกระจ่าง บนบั้นท้ายข้างซ้ายสลักว่า ‘ขอบคุณ ท่านเจ้า สํานัก’ และอีกข้างสลักว่า ‘ข้ารักเจ้า เซียงเนียว’
“กลับไปบอกเจ้าสํานักของเจ้าและโท่วปาเซียงเพียวว่า เยี่ยฉวนคิดถึงพวกเขา”
เยี่ยฉวนปัดฝุ่นออกจากแขนเสื้อพลางยกยิ้มร้ายเมื่อมองดูถ้อยคําบนบั้นท้ายขาวนั้นก่อนจะขี่ราชันปีศาจวัวจากไป
เบื้องหลังของเขาคือหงสี่และพรรคพวกที่รีบหนีเอาชีวิตรอดทั้งบั้นท้ายเปล่าๆ ด้วยความอับอายเกินบรรยาย
คอมเม้นต์