Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 112 ราชาอีกาปีศาจ
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 112 ราชาอีกาปีศาจ
เยี่ยฉวนไม่สามารถรับมือกับใบมีดคมกริบที่อีกฝ่ายเสกขึ้นจากน้ําฝนได้อีกต่อไป ทันทีที่ใบมีดใบที่สามทุ่งตรงเข้าหา เขาทําได้เพียงเบียงกายหลบหลีกพลางถอยกรูดไปหลายก้าวพร้อมกวัดแกว่งหอกโลหิตในมือไปมา
เสียงกึกก้องดังขึ้นเป็นครั้งที่สามพร้อมกับร่างของเยี่ยฉวนที่ถูกพลังที่มองไม่เห็นผลักจนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไผ่หลายต้น เขากัดริมฝีปากล่างแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวดขณะลุกขึ้นยืน ทว่ามือทั้งสองข้างกลับสั่นสะท้าน เลือดแดงสดไหลหยดลงพื้น
เขาไม่ยังไม่รู้ว่าหอกโลหิตของอาวุโสตูแห่งสํานักเครื่องนิลมีอานุภาพร้ายแรงอย่างอื่นอีกหรือไม่รู้เพียงวัสดุที่ใช้นั้น แข็งแกร่งและทานทนต่อแรงกระแทกยิ่ง! แม้โค้งงอถึงหนึ่งร้อยแปดสิบองศาก็ไม่หักออกเป็นสองท่อน ทั้งยังสามารถปัดป้องใบมีดคมกริบที่พุ่งเข้ามาได้อย่างแม่นยํา!
“อะไรกัน!?”
มือสังหารอวี่หานอุทานด้วยความประหลาดใจ!
แม้ขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนไม่สูงส่ง แต่เมื่อเขาเห็นความแข็งแกร่งและกระบวนท่าที่ใช้ในการต่อสู้ก็ยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายบรรลุเพียงขั้นชิวฉือระดับที่หนึ่งเท่านั้น!
ถึงกระนั้นชายชราก็ไม่ได้ตกตะลึงเสียจนหลงลืมภารกิจสําคัญ เขาเปล่งเสียงร้องอย่างเดือดดาลขณะกระโจนเข้าหาอีกฝ่ายและทําการโจมตีอีกครั้งโดยไม่รั้งรอ จิตสังหารที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นใบมีดห้าใบพลันส่งเสียงดังแสบแก้วหูเมื่อแหวกผ่านสายฝนก่อนพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!
เม็ดฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้าคืออาวุธชั้นเลิศของอวี่หาน!
หลายร้อยปีก่อนที่เขาจะวางมือจากการกระทําความชั่ว เขามักเลือกค่ําคืนที่มีฝนตกเพื่อทําการสังหารเป้าหมาย ยิ่งฝนตกหนักเพียงใดพลังยุทธ์ของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่ง! ด้วยเหตุนี้ทําให้ยอดฝีมือหลายรายที่มีวรยุทธ์และระดับขั้นการฝึกตนสูงส่งกว่าจึงถูกเขาสังหารในคืนฝนตก นับจากนั้นเขาจึงได้รับสมญานามว่าปีศาจฝน ความร้ายกาจข้อนี้ทําให้ขุนนางระดับสูง เศรษฐีผู้มั่งคั่ง หรือแม้แต่ยอดฝีมือชั้นเลิศจากสํานักต่างๆ ครั่นคร้ามจนไม่กล้าสัญจรในยามค่ําคืนที่มีฝนตกหนักเพียงลําพัง!
เยี่ยฉวนหดคอพลางถอยหนี ทว่าเม็ดฝนที่ถูกแปรสภาพเป็นใบมีดคมกริบกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่มากกว่าครั้งก่อนเป็นเท่าตัว!
เขาใช้ร่างกายที่อ่อนพลิ้วดุจต้นไผ่เบี่ยงตัวหลบหลีกใบมีดอย่างรวดเร็ว ใบมีดเล่มแรกพุ่งผ่านเขาไป..
ทันใดนั้นเขากวัดแกว่งหอกโลหิตในมือก่อนยกมันขึ้นสูง สิ้นเสียงกระทบกันของอาวุธสองครั้ง ปลายหอกพลันสั่นสะเทือนและโค้งงอยิ่งกว่าเดิมเมื่อปัดป้องใบมีดคมกริบอีกสองเล่มได้สําเร็จ! แต่แล้วใบมีดเล่มที่สี่ก็พุ่งตรงเข้ามาก่อน แทงทะลุไหล่ซ้ายของเขาโดยแรงจนเลือดสาดกระเซ็น! ยังเหลือใบมีดเล่มสุดท้ายซึ่งมีพลังทําลายล้างสูงสุดที่ยังพุ่งมาไม่ถึง!
แม้แต่ใบมีดเล่มที่สี่เยี่ยฉวนยังไม่สามารถปัดป้องได้แล้ว เขาจะรอดพ้นจากใบมีดคมกริบเล่มสุดท้ายที่มีอานุภาพร้ายแรงกว่าได้อย่างไร?!
ใบหน้ามือสังหารชราประดับด้วยรอยยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ยต่อชะตากรรมอันน่าอนาถของเยี่ยฉวน
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานเขาทําอาชีพมือสังหารเกือบทั้งชีวิต ได้พบเจอกับยอดฝีมือชั้นเลิศมากมาย หลายคนมีความสามารถที่น่าฟังยิ่งกว่าเยี่ยฉวนเสียอีก เพราะสามารถหลบหลีกการโจมตีด้วยใบมีดคมกริบทั้งสี่ใบได้อย่างง่ายดายแม้ยังไม่บรรลุการฝึกตนถึงขั้นซิวถือก็ตาม ทว่าต่อให้เก่งกาจเพียงใดพวกเขาต่างพลาดท่าและถูกสังหารจนสิ้นชื่อด้วยใบมีดเล่มสุดท้าย ความจริงแล้วใบมีดสี่เล่มก่อนหน้าเป็นเพียงขั้นตอนทําลายความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เท่านั้น เมื่อฝ่ายตรงข้ามงัดทุกกระบวนวิชาออกมาเพื่อปัดป้องสําเร็จพวกเขาจะอ่อนแรงลง ในที่สุดใบมีดเล่มที่ห้าก็จะเชือดเฉือนขีดจํากัดสุดท้ายของคนเหล่านั้นจนขาดสะบั้น!
เยี่ยฉวนที่ไหล่ซ้ายชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงสดทรุดกายลงกับพื้นด้วยทรงตัวต่อไปไม่ไหว เขาเห็นใบมีดใบที่ห้าพุ่งตรงมาอย่างชัดเจนทว่าท่าทีของเขากลับสงบนิ่งไร้ความตื่นตระหนก จากนั้นจึงตั้งรับโดยการยกนิ้วขึ้นเพียงหนึ่งนิ้ว
เขาไม่ยกหอกขึ้นมาแต่กลับยกนิ้วขึ้นปัดป้อง ชายผู้นี้จนตรอกถึงขั้นเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?!
อวี่หานหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว…เยี่ยฉวนตายแน่!
วูบ! ทันใดนั้นลมพายุกระโชกรุนแรงพลันเกิดขึ้นในป่าไผ่อย่างกะทันหัน! ลมเย็นเยือกพัดหอบละอองน้ําฝนให้ม้วนตัวจนเกิดเป็นหมอกหนาทึบ!
หมอกหนาที่ก่อตัวอย่างบ้าคลั่งแปรสภาพเป็นรูปร่างมือ และนิ้วขนาดมหึมา พลังปราณปีศาจหนาแน่นทําให้ใบมีดเล่มสุดท้ายที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วชนเข้ากับนิ้วปีศาจโดยแรง! ชิ้ง! ใบมีดคมกริบซึ่งเป็นอาวุธสังหารร้ายแรงของอวี่หานแปรสภาพกลับเป็นหยดน้ําฝนไหลลงกระทบพื้นตามเดิม จากนั้นหมอกนิ้วปีศาจของเยี่ยฉวนจึงสลายตัว
หัตถ์มารลวงตา!
ในสถานการณ์ที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นตาย เยี่ยฉวนรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่โคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งสองใบจนไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนใช้เคล็ดวิชาที่ร้ายกาจอย่างหัตถ์มารลวงตาซึ่งได้มาจากจอมมารปีศาจในภพชาติที่แล้วเพื่อปกป้องชีวิตตนจากการโจมตีอันโหดเหี้ยมจากอีกฝ่าย ครั้นเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลงใบหน้าของเขา แปรเป็นซีดเซียวไร้เลือดฝาดราวคนตาย! เมื่อพลังยุทธ์ในร่างถูกใช้ไปจนหมดตอนนี้แม้แต่กระดิกนิ้วยังทําได้ยากยิ่ง!
เขาทรุดกายลงกองกับพื้นและไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกต่อไป ส่วนมือสังหารชราอวี่หานกลับยืนนิ่งอย่างมึนงงและเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง!
ก่อนหน้านี้เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าภารกิจจะต้องลุล่วงอย่างแน่นอน อย่างไรเยี่ยฉวนก็ต้องตายด้วยใบมีดคมกริบเล่มสุดท้ายซึ่งเป็นไม้ตายของเขา แต่สถานการณ์กลับพลิกผันโดยสิ้นเชิง! เยี่ยฉวนผู้ไร้วรยุทธ์สูงส่งทั้งยังบาดเจ็บหนักสามารถรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายและใช้เคล็ดวิชาต่อต้านการโจมตีของเขาได้สําเร็จ!
“ไม่! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! เจ้าต้องบรรลุการฝึกตนสูงกว่าขั้นชิวฉือระดับที่หนึ่งเป็นแน่! เจ้าต้องไม่ใช่ศิษย์สามัญของสํานักหมอกเมฆาอย่างแน่นอน! บอกมา…เจ้าเป็นใครกัน? ใครเป็นผู้ชี้แนะเคล็ดวิชาปีศาจเมื่อครูให้กับเจ้า?!”
อวี่หานสะบัดความตื่นตระหนกทิ้งก่อนเดินเข้าหาเยี่ยฉวนทีละก้าว พลางเผยสีหน้าเคร่งเครียดระคนตกตะลึง!
แม้เยี่ยฉวนหมดเรี่ยวแรงจนไม่สามารถต่อกรได้อีก ชายชรากลับไม่ใส่ใจใช้โอกาสนี้ฆ่าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย! ดวงตาของเขายังคงฉายแววพิศวงงงงวย ยิ่งพินิจเด็กหนุ่มที่ร่างโชกเลือดเขายิ่งประหลาดใจ!
แม้แต่ยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ยังไร้ความสามารถและพ่ายแพ้ให้กับใบมีดคมกริบเล่มที่ห้าของเขา แล้วเยี่ยฉวนเอาชนะมันได้อย่างไร?! หมอกทึมรูปมือปีศาจที่ปรากฏเมื่อครูคือเคล็ดวิชาใดกันแน่?!
ยามนี้ความสับสนที่ก่อเกิดขึ้นในจิตใจมีน้ําหนักมากกว่าการทําภารกิจให้เสร็จสิ้น!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผิดประหลาดเกินกว่าที่ชายชราจะทําใจยอมรับ ลางสังหรณ์บางอย่างบ่งบอกว่าเคล็ดลับที่จะทําให้เขาบรรลุจากขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่เจ็ดสู่ขั้น นักปราชญ์อยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาต้องเค้นเอาคําตอบจากเยี่ยฉวนออกมาให้จงได้ นี่เป็นโอกาสที่เขารอคอยมานานหลายร้อยปีแล้ว!
ยอดฝีมือทุกรายมักมีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลม เมื่อโอกาสบางประการปรากฏขึ้นจึงไม่อาจปล่อยผ่านโดยง่าย! :
อวี่หานเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตน
“ท่านอวี่หานช่างปราดเปรื่องข้าไม่ใช่ศิษย์สามัญของสํานักหมอกเมฆาแต่มีฐานะเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานัก! ทั้งยังเป็นศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวของเจ้าสํานักหยุนเฟยหวู่ ท่านเคยได้ยินเรื่องนี้หรือไม่?!”
เยี่ยฉวนกล่าวคําเบาตอบคําถามอีกฝ่าย เขานอนนิ่งอยู่บนพื้นพลางหายใจรวยรินไหล่ซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ตอนนี้เขาไม่สามารถโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์หรือขยับร่างกายได้อีกต่อไป ถึงกระนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าอวี่หานเขากลับเผยรอยยิ้มเรียบเฉย ไม่ได้ร้องคร่ําครวญของความเมตตาให้ไว้ชีวิตหรือตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาไม่กลัวมือสังหารชราปล่อยให้ตนทุกข์ทรมาน สิ่งที่เขากลัวคือการที่อีกฝ่ายฆ่าเขาอย่างเลือดเย็นโดยไม่ปริปากเอ่ยคําใด!
ตราบใดที่อวี่หานยังตั้งคําถามและมีท่าทีพิศวงเช่นนี้ นับว่าเขายังเหลือทางรอดอยู่บ้าง!
เยี่ยฉวนรักษาท่าที่นิ่งสงบ ทว่าจิตใจและห้วงความคิดกําลังทํางานอย่างหนักเพื่อเฟ้นหาคําพูดหว่านล้อมอีกฝ่าย!
“อย่าคิดจะเล่นแง่กับข้า! ไม่มีประโยชน์! ต่อให้อาจารย์ของเจ้าหรือแม้แต่ยอดฝีมือคนอื่นๆ มาถึงที่นี่ก็ไม่อาจช่วยเหลือเจ้าได้ กลับไปยังผาผนึกดาบพิษกับข้า….หากข้า ต้องการให้เจ้าพูด เจ้าก็ต้องพูด! แต่ถ้าเจ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไร ข้าจะได้ปาดคอเจ้าทิ้งเสีย!”
มือสังหารชราเผยรอยยิ้มเย็นชาเมื่อล่วงรู้ความคิดของเยี่ยฉวน ครั้นกล่าวจบจึงพุ่งตัวเข้าหาพร้อมเอื้อมมือออกไปหมายจะคว้าร่างของเขาและพากลับไปยังที่พํานักของตน แต่ก่อนที่ปลายนิ้วจะสัมผัสถูกร่างอีกฝ่าย ร่างกายของเขากลับแข็งที่ออย่างฉับพลันเมื่อสัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่าง! ขณะนั้นลมพายุกระโชกแรงพัดผ่านมาจนใบไม้ปลิวว่อน เข็มสีดําสนิทเคลือบพิษร้ายแรงพุ่งแหวกอากาศตรงมาโดยเจตนาทําร้ายถึงตาย!
“ใคร?!” อวี่หานตะโกนถามพลางกวาดสายตามองโดยรอบ
“กา กา กา! อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว..แย่จริง!”
เสียงแหบพร่าเย็นเยือกดังขึ้น ท่ามกลางม่านละอองน้ําหนาทึบที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณทําให้ชายชราไม่รู้แน่ชัดว่าเสียงปริศนานั้นดังมาจากทิศทางใด ทันใดนั้นเสียงเดิมพลันดังขึ้นอีกครั้ง “ให้ตายเถอะ! ข้าจําศีลเป็นเวลาหลายร้อยปี ครั้นกลับมาบนดินแดนรกร้างแห่งนี้อีกครั้งกลับไม่มีผู้ใดรู้จักข้าด้วยซ้ํา! แม้แต่เข็มอีกาปีศาจก็ถูกหลงลืมไปสิ้น! แย่จริง แย่จริง…”
เข็มอีกาปีศาจงั้นหรือ?!
“ยะ…อย่าบอกนะว่านั่นคือเสียงของเขา!” อวี่หานก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวโดยเร็วอย่างตื่นตระหนก! เขาทบทวนสิ่งที่เสียงปริศนากล่าวพลางมองไปที่เข็มสีดําสนิทเล่มนั้นซึ่งมีพลังปราณปะทุออกมาและโชยกลิ่นเหม็นสาบ จอมมารปีศาจตนหนึ่งที่เขาเคยรู้จักปรากฏขึ้นในความทรงจํา ราชาอีกาปีศาจผู้นํายิ่งใหญ่แห่งผู้ฝึกมารในทวีปไร้แสงจันทร์!
มือสังหารชราเผยสีหน้าเคร่งเครียดด้วยตื่นตระหนกยิ่ง! การที่ราชาอีกาปีศาจมาปรากฏตัวถือเป็นเรื่องใหญ่!
หลายร้อยปีก่อนสมัยที่เขายังหนุ่มแน่นและมีพละกําลังมหาศาล เขาเดินทางไปทั่วทุกแว่นแคว้นเพื่อสังหารยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่งจํานวนหลายคน จิตใจของเขาเหี้ยมโหดและบ้าบินยิ่ง แม้แต่ทวีปไร้แสงจันทร์ของเหล่านี้อาจอสุรกายเขาก็เดินทางไปถึงโดยไร้ความหวั่นเกรง! ทว่าหลังจากนั้นเกือบร้อยปีเขาวางมือจากการสังหารคนและปลีกตัวฝึกตนอย่างสันโดษบนหน้าผาผนึกดาบพิษ ไม่คาดคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมานานโข เมื่อเขาลงจากหน้าผาที่พํานักและกลับมาทําอาชีพเดิมอีกครั้ง ราชาอีกาปีศาจแห่งทวีปไร้แสงจันทร์ยังไม่ตาย ทั้งยังจําศีลอยู่บนเทือกเขาหมอกเมฆาแห่งนี้
คอมเม้นต์