Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 114 ข้าจะฆ่ามัน!
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 114 ข้าจะฆ่ามัน!
ปีศาจเขาโค้งนากู๋ซื้อคุกเข่าลงกับพื้นคํานับเยี่ยฉวนเป็นเวลานานพร้อมเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง!
แม้ได้ลิ้มรสอานุภาพอันแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงจนพึงใจ ทว่าเขายังไม่รีบร้อนไปจากที่นี่ เขาพยายามทําทุกวิถีทางให้ตนได้อยู่เคียงข้างเยี่ยฉวน!
ก่อนหน้านี้เขายอมเสี่ยงออกมาจากทวีปไร้แสงจันทร์อันเป็นถิ่นกําเนิด และออกท่องยุทธภพเพื่อมองหาโอกาสที่ทักษะของตนจะกลับมาเป็นปกติ เขาปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าบนดินแดนรกร้างแห่งนี้จะมีสมบัติล้eค่าบางชิ้นหรือแม้แต่เคล็ดวิชาโบราณที่สามารถทําให้เขาบรรลุขั้นการฝึกตนในระดับที่สูงขึ้น!
เขาไม่พบดินแดนสวรรค์บนเทือกเขาหมอกเมฆาดังที่ตํานานเล่าขาน ดังนั้นเขาไม่อาจรู้ได้ว่าดินแดนดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ แต่เมื่อเขาได้พบเยี่ยฉวน…ชายผู้นี้ให้เคล็ดวิชาความรู้กับเขาอย่างเหลือคณานับ ในอนาคตหากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงสําเร็จ เขาจะกลายเป็นปีศาจชั้นแนวหน้าที่สมควรได้รับการยกย่องในหมู่ผู้ฝึกมาร ทั้งยังสามารถท้าประลองจอมมารปีศาจตนอื่นที่อยู่ในดินแดนห่างไกล เช่นจักรพรรดิแห่งผู้ฝึกมารหรือแม้แต่ราชาอีกาปีศาจ เมื่อเอาชนะพวกเขาแล้ว ในที่สุดเขาจึงจะตั้งตนเป็นใหญ่ในใต้หล้า!
โอกาสดังกล่าวคือสิ่งที่ปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อใฝ่หามาโดยตลอด!
ส่วนเยี่ยฉวนไม่ปริปากเอ่ยคําใด เขาไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ อย่างเงียบเชียบ..
ปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อมีวรยุทธ์สูงส่งทั้งยังมีความเพียรในการฝึกตนยิ่ง! ทว่าหากจะให้รับเป็นศิษย์เยี่ยฉวนคิดว่าอีกฝ่ายยังขาดคุณสมบัติบางประการ ในภพชาติก่อนมีผู้คนนับ ล้านต้องการฝากตัวเป็นศิษย์ของเขา ทว่าในจํานวนหนึ่งล้านนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่เขายินดีรับเป็นศิษย์ ทั้งพวกเขาเหล่านั้น ยังบรรลุการฝึกตนตั้งแต่ขั้นนักปราชญ์ขึ้นไป นอกจากนี้เขายังแบ่งสาวกออกเป็นสองระดับคือผู้ติดตามใกล้ชิดและบริวารสามัญ ด้วยฐานะที่ดํารงตําแหน่งเป็นมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนรกร้าง เขาจําเป็นต้องคัดกรองศิษย์ แต่ละคนให้ดีเพื่อป้องกันการถูกทรยศในภายหลัง
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าที่เดินตรงมาอย่างเร่งรีบพลันดังขึ้น จากด้านนอกของแนวป่าไผ่ ขัดจังหวะอันน่าอึดอัดนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ!
หนําซ้ำผู้มาเยือนคนใหม่นี้เป็นถึงยอดฝีมือ!
ปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด แม้บริเวณโดยรอบป่าไผ่จะปกคลุมไปด้วยม่านละอองน้ําหนาทึบ แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความแปรปรวนของพลังปราณที่ทรงพลังยิ่งจากอีกฝั่งหนึ่งของหมอกทึบนี้ ขั้นการฝึกตนของบุคคลผู้นั้นสูงส่งทัดเทียมกับเขาเลยทีเดียว!
ผู้ใดกันจะตามหาเยี่ยฉวนพบรวดเร็วถึงเพียงนี้ หรือมือสังหารชราอวี่หานจะย้อนกลับมาเพราะจับได้ว่าตนใช้เล่ห์เหลี่ยมแปลงกายหลอกลวงเขา?!
นากู๋ซื้อรู้สึกประหม่าและคาดเดาความน่าจะเป็นไปหลายทาง ทว่าสีหน้าของเขากลับไร้ความตื่นตระหนก ทั้งยังเตรียมพร้อมปกป้องเยี่ยฉวนอย่างมั่นคง!
เขาตระหนักดีว่าตนไม่สามารถต่อสู้กับอวี่หานผู้ทรงพลังคนนั้นได้ หากต้องเผชิญหน้าและต่อสู้แบบตัวต่อตัวแน่นอนว่าเขาย่อมเสียเปรียบ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่อาจทิ้งให้เยี่ยฉวนตกที่นั่งลําบากและหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอดเพียงผู้เดียว แม้รู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้เอาชนะได้ยากยิ่งก็พร้อมยืนหยัดโดยสมัครใจ
“อย่ากังวลไป เขาเป็นฝ่ายเดียวกับเรา”
เขากล่าวเตือนให้ปีศาจเขาโค้งนากู้ซื่อสงบสติอารมณ์ลง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมร้องเรียกเสียงดังกังวาน
เสียงร้องดังลั่นไปทั่วบริเวณแม้แต่ผู้ที่อยู่ด้านนอกป่าไผ่ก็ได้ยินชัดแจ้ง ขณะนั้นชายชราที่มีเคราสีแดงเพลิงจึงกระโจนข้ามม่านหมอกหนาทึบและวิ่งด้วยความเร็วสูงเข้าไปในป่าไผ่ ครั้นเห็นเยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นด้วยท่าทางอิดโรย พร้อมชายแปลกหน้าร่างสูงเกือบสามเมตรที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างจึงจ้องเขม็งอย่างระมัดระวัง เขาโค้งคํานับอย่างนอบน้อม ขณะกล่าวออก “คุณชายผู้ประเสริฐ…ทาสชราผู้นี้มาถึงช้า เกินไป ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?!”
ปีศาจเพลิงอี้เหยียนจอผู้คอยดูแลยอดเขาเมฆาอินทนิล ตามคําสั่งของเยี่ยฉวนมาถึงที่นี่ก่อนผู้อื่น!
ราชันปีศาจวัววิ่งไปแจ้งข่าวร้ายยังสํานักหมอกเมฆาโดยใช้ระยะเวลาครึ่งก้านธูปพอดิบพอดี!
“ข้าปลอดภัยดี! เจ้าทั้งสองรู้จักกันไว้เถิด ชายผู้นี้คือปีศาจเพลิงอี้เหยียนจื่อ ส่วนชายผู้นี้คือปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือ” เยี่ยฉวนแนะนําเป็นประโยคสั้นๆ
ปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายและพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ความหวาดระแวงค่อยจางลง ทว่าต่างคนต่างแผ่จิตสังหารเบาบางออกมาจากร่างด้วยปฏิเสธที่จะเชื่อฟังซึ่งกันและกัน หากไม่มีเยี่ยฉวน…เขาทั้งสองก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้!
ขณะนั้นเองเสียงคํารามก้องกัมปนาทราวฟ้าผ่าดังขึ้นจากด้านนอกของป่าไผ่! พร้อมด้วยเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนจํานวนมากที่มุ่งตรงมาทางนี้
เยี่ยฉวนผงกศีรษะขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยเหล่านั้น
ผู้ที่ตามหลังปีศาจเพลิงอี้เหยียนจื่อมาคือจ้าวต้าจื่อ จูซือ เจีย และบรรดาศิษย์ร่วมสํานักอีกหลายราย ส่วนผู้ที่นั่งอยู่ในเกวียนคือชายชราร่างเล็กหนานกงเหรินผู้แบกจอบขุดสมุนไพรคู่กายไว้บนบ่า ขณะขบวนเคลื่อนเข้ามาในป่าไผ่ ราชันปีศาจวัวที่ไปแจ้งข่าวร้ายยังสํานักหมอกเมฆาก็กลับมาหาผู้เป็นนายเช่นกัน มันวิ่งแซงกลุ่มคนและเกวียนของอาวุโสลําดับสองก่อนเข้าไปหยุดอยู่ข้างเยี่ยฉวน
“เยี่ยมมาก! ผู้ใดกล่าวว่าปีศาจวัวเช่นเจ้าเป็นสัตว์อสูรที่ดื้อรั้นและไร้ประโยชน์? ดูสิ นี่ตรงข้ามโดยสิ้นเชิง!”
เยี่ยฉวนยื่นมือออกไปลูบหัวราชันปีศาจวัวอย่างชื่นชม หากเทียบกับปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อและบริวารคนอื่นๆ สัตว์อสูรที่เขาเลี้ยงไว้ย่อมเชื่องกว่าเป็นไหนๆ
แม้ภพชาติที่แล้วบริวารผู้ติดตามของเขาล้วนดุร้ายและเหี้ยมโหด แล้วอย่างไรล่ะ?!
มนุษย์ที่เป็นบริวารผู้จงรักภักดีอาจหักหลังผู้เป็นนายได้ในภายหลัง ซึ่งนั่นอาจเป็นผลมาจากความซื่อสัตย์ของคนเหล่านั้นมีน้อยเกินไป หรืออาจเป็นเพราะผู้เป็นนายให้ความไว้วางใจไม่เพียงพอ แตกแต่งจากสัตว์อสูรที่เขาขัดเกลาพวกมันจนว่าง่าย ต่อให้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงพวกมันก็ไม่มีวันทรยศอย่างแน่นอน!
เคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ที่เขาได้พบจากสุสานเทพเจ้า ทําให้เขาได้เข้าสู่โลกแห่งการฝึกตนใบใหม่ และให้ความคาดหวังใหม่ว่ามันจะนําพาเขาไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง!
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
“ศิษย์พี่ใหญ่..ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?!”
จ้าวต้าจื่อ จูซือเจียและศิษย์คนอื่นๆ ตะโกนร้องเรียกขณะวิ่งกรูเข้ามาในป่าไผ่ จากนั้นพวกเขาจึงผ่อนลมหาย ใจออกอย่างโล่งใจครั้นเห็นว่าเยี่ยฉวนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่อันตรายถึงชีวิต
ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นราชันปีศาจวัววิ่งตรงเข้าไปในสํานักหมอกเมฆาก็หวาดผวาเป็นอย่างยิ่งด้วยไม่รู้ว่ามัน าดีหรือมาร้าย ทั้งยังไม่เคยพบเห็นมันเดินเพ่นพ่านอยู่ในบริเวณนี้มาก่อน ทว่าลักษณะการเดินไปมาอย่างปั่นป่วนพร้อมใช้ปากฉุดกระชากแขนเสื้อของทุกคนราวต้องการให้ ตามมันไปยังที่ใดสักแห่ง จูซือเจียและเจ้าอ้วนซึ่งสัมผัสถึงกลิ่นอายบางอย่างที่คุ้นเคยจากลําตัวของมันจึงตระหนักทันทีว่าเกิดเรื่องใดขึ้น พวกเขาจึงเดินตามมันไปด้วยความกระสับกระส่าย
“นี่แน่ะ! หลังจากนี้ข้าจะคอยดูว่าเจ้ายังจะกล้าปลีกวิเวก เข้าไปฝึกตนในเทือกเขาหลังสํานักอีกหรือไม่?!” จูซือเจีย กล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แม้นางจะปากร้ายกว่า จิตใจกลับอ่อนโยนนัก คําสบถที่กล่าวออกตรงข้ามกับสิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดโดยสิ้นเชิง หญิงสาวเร่งหยิบยาหลากชนิดออกมาเพื่อทําการรักษาบาดแผล นางฉีกเสื้อด้านซ้ายของเขาออก ทันใดนั้นร่องรอยการถูกของมีคมแทงทะลุไหล่ เป็นแผลฉกรรจ์ทําให้นางตระหนกยิ่งจนหัวใจร้าวระบม “ใครบังอาจทําร้ายเจ้าเช่นนี้?”
“ไม่มีอะไรหรอก อุบัติเหตุเล็กน้อย…ข้าเก็บสมุนไพรอยู่ แต่ไม่ทันระวังจึงถูกเขี้ยวหมูแทงเข้า”
เยี่ยฉวนยกเหตุผลอื่นมาอ้างแทน ตอนนี้มีคนเยอะเกินไป เขาเกรงว่าหากเล่าตามจริงข่าวจะแพร่กระจายเป็นวงกว้างจึงไม่อธิบายรายละเอียดทั้งหมด แต่เมื่อเห็นใบหน้างามของจูซือเจียงองด้วยความกังวลเช่นนั้น เขาจึงส่งยิ้มบางๆ ให้พร้อมเอ่ยคําเบา “ศิษย์น้องเจียเจียดีกับข้าเหลือเกิน แปลกจริง! ไม่ว่ามือน้อยๆ ของเจ้าจะสัมผัสบริเวณใด ความเจ็บปวดที่ข้าได้รับก็มลายไปจนสิ้น…”
“พูดบ้าอะไรน่ะ!”
จูซือเจียเลิกคิ้วก่อนฟาดฝ่ามือเข้าที่ไหล่ซ้ายของเยี่ยฉวนเต็มแรง ไม่นานนักจึงรู้ตัวและลูบรอบบาดแผลของเขาอย่างเร่งร้อนเพราะกลัวแรงฟาดจะทําให้แผลยิ่งอักเสบ ใบหน้าแปรเปลี่ยนสีแดงก่ําทันที่ด้วยความเขินอาย
จ้าวต้าจือลอบยกนิ้วโป้งเป็นเชิงชื่นชมศิษย์พี่ใหญ่ของเขา พร้อมขยิบตาข้างหนึ่ง จากนั้นจึงกระซิบบอกทุกคนให้ถอยออกไป ป่าไผ่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบจึงเหลือเพียงเยี่ยฉวนและจูซือเจีย ไม่นานนักทั้งคู่ซึ่งนั่งอยู่บนหลังของราชันปีศาจวัวจึงออกมาจากม่านละอองน้ําด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม พอคนครบแล้วพวกเขาจึงเดินทางกลับไปยังสํานักหมอกเมฆา
ณ ห้องโถงบนยอดเขาพยัคฆ์ขาว ขณะที่คณะของเยี่ยฉวนเดินทางกลับมายังสํานักอย่างปลอดภัย อาวุโสลําดับสามไปเยี่ยนหูกลับเผยสีหน้ามืดมนด้วยความเคร่งเครียด เหล่าทหารอารักขาคนสนิทที่คุกเข่าอยู่กับพื้นต่างกระสับกระส่ายและหวั่นเกรงยิ่ง!
“ล้มเหลว?! ปีศาจฝนอวี่หานผู้เป็นมือสังหารระดับมหากาฬผู้นั้นน่ะทําภารกิจล้มเหลว!? เป็นไปได้อย่างไร!?”
อาวุโสลําดับสามเผยสีหน้าบิดเบี้ยวขณะคํารามลั่นห้องโถงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด!
แม้แต่อวี่หานยังฆ่าไอ้สารเลวเยี่ยฉวนไม่สําเร็จ! เด็กนั่นโชคดีเกินไปหรือเขาโชคร้ายกันแน่?!
ข่าวความล้มเหลวที่ชายชราได้รับรายงานจากทหารอารักขา ทําให้เขาเดือดดาลยิ่งและยากจะยอมรับ!
“ท่านอาวุโส มีสาส์น สาส์นจากผู้ส่งข่าวรายงานว่าไอ้เด็กบัดซบเยี่ยฉวนนั่นลี้ภัยอยู่ในที่พํานักของราชาอีกาปีศาจ ผู้นําแห่งทวีปไร้แสงจันทร์ ดังนั้นอวี่หานจึงไม่อาจ…” ทหารอารักขากล่าวอย่างติดขัดเพราะหวาดกลัวว่าไปเยี่ยนหูจะระบายความคับข้องใจลงกับตน ทว่ารายงานยังไม่ทันจบสาส์นในมือกลับถูกชายชราคว้าไปเสียแล้ว! อาวุโสลําดับสามอ่านเนื้อความที่เขียนอยู่ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาพลันคล้ำหม่นลงเรื่อยๆ
“ไอ้เด็กนั่นฉลาดหาที่ลี้ภัยกับราชาอีกาปีศาจนั่นเอง มิน่า เล่า! ตาเฒ่าหงําเหงือกนี้จึงไม่กล้าลงมือที่! ไอ้คนทรยศนั่น น่าขยะแขยงสิ้นดี! มันคงคิดว่าตนอยู่เหนือกฎมณเฑียรบาลสินะจึงคิดทําตามใจตนเช่นนี้! คอยดูเถิด…หากข้ารวบรวมหลักฐานจนเพียงพอเมื่อใดจะจัดการเจ้าถึงตายให้จงได้! ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั้นก็เช่นกัน! กล้าดีอย่างไรจึงคิดต่อกรกับข้า!?”
อาวุโสลําดับสามไปเยี่ยนหูขบกรามแน่น ใบหน้าของเขา บิดเบี้ยวอย่างโหดเหี้ยมยิ่งกว่าครั้งใด จิตสังหารที่ทวีความรุนแรงทําให้เหล่าทหารอารักขาหมอบลงกับพื้นอย่างเร่งร้อนด้วยความหวาดผวาจนร่างกายสั่นสะท้าน!
คอมเม้นต์