Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 120 เคล็ดวิชาไร้พ่าย
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 120 เคล็ดวิชาไร้พ่าย
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนผิวทะเลสาบอันสงบเงียบ
หากมองจากระยะไกล ทะเลสาบแห่งนี้ดูคล้ายกระจกขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่บนผืนโลก ทั้งยังระยิบระยับราวอัญมณีล้ําค่า
คนนอกรีตทั้งเจ็ดยังคงติดตามเยี่ยฉวนมาตลอดทางโดย ไม่ละความพยายาม ครั้นพวกเขาตามมาจนถึงทะเลสาบอมตะอันกว้างใหญ่กลับหยุดชะงักฝีเท้า
ร่องรอยของเยี่ยฉวนพลันหายไปดื้อๆ ราวเขาสามารถซ่อนเร้นกายจากสายตาผู้คนและหายวับไปในอากาศ แม้ชายทั้งเจ็ดกระจายกันค้นหาโดยทั่วทว่ากลับไร้วี่แววของอีกฝ่าย
“จักรพรรดิไพรทมิฬ เราควรทําอย่างไรต่อไปดีขอรับ?”
ทุกคนก้าวเข้าไปยืนล้อมรอบชายที่มีลักษณะเป็นผู้นําซึ่งพวกเขาเรียกขานว่าจักรพรรดิไพรทมิฬ
สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาคาดคิดอย่างสิ้นเชิง ตอนแรกพวกเขาคิดว่าด้วยความสามารถและวรยทธ์อันสูงส่งของยอดฝีมือชั้นเลิศทั้งเจ็ด ในการตามหาชายคนเดียวไม่ใช่เรื่องยากเย็น แต่เมื่อไล่ตามเขามาระยะหนึ่ง กลับไม่พบอีกฝ่ายแม้แต่เงา!
“เขาคือยอดฝีมือ! พวกเราประเมินเขาผิดมหันต์!”
จักรพรรดิแห่งไพรทมิฬเผยสีหน้า เคร่งเครียดขณะกล่าวออก
พวกเขารู้เพียงเยี่ยฉวนเป็นนักปราชญ์ผู้รอบรู้เรื่องสมบัติล้ําค่าต่างๆ สังเกตจากการที่เขาสามารถระบุชื่อและคุณสมบัติของสินค้าทุกชิ้นได้อย่างแม่นยํา แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าวรยุทธ์ของเขาจะยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เห็นทีทักษะคงสูงส่งกว่าขั้นซิวฉือระดับหนึ่งที่เขาบรรลุเสียอีกกระมัง!
จิตใจของจักรพรรดิไพรทมิสเต็มไปด้วยความสับสน
ครั้งนี้พวกเขาอุตส่าห์ดั้นด้นมาจากดินแดนห่างไกลเพื่อตามหานักปราชญ์ผู้รอบรู้ในที่สุดจึงได้พบกับผู้ฝึกตนที่มีความปราดเปรื่องเหนือคนอื่น ถึงกระนั้นพวกเขายังไม่สามารถรั้งเยี่ยฉวนไว้ได้และไขว่คว้าได้เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น หนําซ้ําตอนนี้อีกฝ่ายไหวตัวทันแล้วว่ามีคนสะกดรอยตาม
จักรพรรดิไพรทมิฬผู้มีทักษะพิเศษสามารถเรียกลมฝนรวมถึงพายุจากฝั่งทะเลตะวันออกกลับอยู่ในสภาวะวิตกกังวลยิ่ง! ความรู้สึกไม่สบายใจก่อตัวขึ้นในจิตใจของพวกเขารุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวี
วูบ! ลมเย็นเยือกพัดผ่านผิวน้ําในทะเลสาบจนเกิดระลอกคลื่นราวรอยยับย่นผืนผ้าไหม ใบบัวที่ลอยอยู่ขยับแกว่งไกวไปมา
ท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบที่เงียบสงัด ทันใดนั้นจิตสังหารเย็นชาพลันแผ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า!
จักรพรรดิไพรทมิฬเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเช่นเดียวกับบริวารอีกหกคนที่เผยสีหน้าคล้ําหม่น พวกเขาชักอาวุธสังหารออกและจับด้ามไว้แน่นพลางตั้งท่าพร้อมต่อสู้ เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบจึงพบเข้ากับทางเดินเล็กแคบ ที่จู่ๆก็ปรากฏอยู่ตรงกลางระหว่างทะเลสาบ! เพียงเสี้ยววินาทีทะเลสาบที่เคยสงบเงียบกลับแปรเป็นอันตรายและน่ากลัวราวหลุมลึกที่ไม่อาจหยั่งถึง!
“ไอ้บัดซบ! แน่จริงก็ออกมาซะ!”
“ท่านจักรพรรดิไพรทมิฬ..”
บริวารทั้งหกรู้สึกกระวนกระวายใจไม่แพ้ผู้นําของพวกเขา ทุกคนล้อมรอบจักรพรรดิไพรทมิฬเพื่อคุ้มกันอย่างร้อนรน
“ออกมาซะ! ไอ้หนุ่ม! ข้ารู้ว่าเจ้าหนีไปไม่ไกลนักหรอก! จงปรากฏตัวเดี๋ยวนี้”
จักรพรรดิไพรทมิฬตะโกนลั่นด้วยหมดความอดทนหลังจากรังรอมาครูใหญ่ เขาใช้แขนข้างหนึ่งผลักบริวารไปให้พ้น ทางก่อนจะใช้มืออีกข้างชักดาบที่อยู่บริเวณบั้นเอวออกมาทันที!
จักรพรรดิไพรทมิฬกวัดแกว่งดาบในมือให้ชี้ไปทางทะเล สาบ แสงสะท้อนของใบดาบเปล่งประกายวาววับและแผ่จิตสังหารเย็นเยียบกัดเซาะไปถึงกระดูก ทันใดนั้นคลื่นน้ําพลันพุ่งสูงขึ้นมากกว่าสิบเมตรทันที! บริเวณกึ่งกลางทะเลสาบดูเหมือนจะผ่าแยกออก จากกันเป็นสองส่วนเมื่อดาบเล่มนี้สําแดงอิทธิฤทธิ์ ท้องน้ําปั่นป่วนเมื่อดาบถูกกวัดแกว่งถึงสิบเจ็ดครั้ง! แม้วรยุทธ์ของเขาไม่สูงส่งทว่าพลังของดาบคู่กายกลับมีอํานาจมหาศาล กระบวนเพลงดาบของเขาแตกต่างจากกระบวนดาบบนแผ่นดินใหญ่อย่างชัดเจน
ระลอกคลื่นที่ซัดถลุ่มหยุดลงแล้ว เมื่อพายุจางหายไปทะเลสาบและบริเวณโดยรอบจึงกลับคืนสู่สภาวะปกติอีกครั้ง!
จักรพรรดิไพรทมิฬหายใจหอบอย่างเหนื่อยอ่อนหลัง ใช้พละกําลังฟาดฟันดาบอย่างเดือดดาล ทว่าร่องรอยของเยี่ยฉวนก็ยังไม่ปรากฏให้เห็นหัวใจของคนทั้งเจ็ดเต้นแรงด้วยความรู้สึกหนักอึ้งและประหม่ายิ่งกว่าเก่า
จิตสังหารที่แผ่ปกคลุมทั่วท้องฟ้ายามราตรียังไม่จางหายไป ทว่ากลับปรากฏความแปรปรวนของพลังปราณบางอย่างที่เบาบางแทรกเข้ามาเพิ่มอีก!
พลังงานดังกล่าวที่พวกเขาสัมผัสได้ไม่พลุ่งพล่านรุนแรงมากนัก ทว่ากลับส่งผลให้ทั้งเจ็ดยิ่งรู้สึกกระสับกระส่าย ยิ่งเวลาผ่านพ้นไปมากเท่าใดมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นราวคลื่นน้ําที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศโดยรอบระทึกราวมีบุคคลนิรนามลั่นกลองสงครามเสียงดังสนั่น!
แม้เยี่ยฉวนเร้นกายจากสายตาผู้คน แต่เขา กลับปลดปล่อยพลังปราณออกมาจนล้นทะลัก รัศมีของยันต์กลืนกินสวรรค์หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ความกดดันมหาศาลในชั้นบรรยากาศกัดกร่อนหัวใจของคนทั้งเจ็ดประหนึ่งเงาแห่งความตายค่อยๆคืบคลานเข้ามา
“พวกเจ้ากําลังตามหาข้าใช่หรือไม่?!”
เสียงปริศนาดังขึ้นขณะที่ทุกคนกําลังหอบหายใจ ทําให้พวกเขาสะดุ้งโหยงราวหัวใจจะหลุดออกจากขั้ว!
เยี่ยฉวนปรากฏตัวอยู่บนใบบัวขนาดใหญ่บริเวณด้านซ้ายของทะเลสาบ ร่างกายแข็งแรงของเขาเบาดุจขนนกเพราะไม่จมลงไปในท้องน้ํา เขาลืมตาขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มมุมปากอันร้ายกาจ ส่วนคนนอกรีตทั้งเจ็ดเบิกตากว้างราวพบเจอกับศัตรูที่ตนไม่อาจต่อกร
“จับมัน!”
จักรพรรดิไพรทมิฬตะโกนออกคําสั่งเสียงกร้าวด้วยความโกรธายิ่ง!
ขณะนั้นคนนอกรีตจากต่างแดนทั้งเจ็ดพลันหายตัวไปพร้อมกัน บรรยากาศรอบกายเยี่ยฉวนบิดเบี้ยว แสงสีซีดเป็นประกายวาววับจากใบดาบคมกริบทั้งเจ็ดปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน!
เคล็ดวิชาวายุวิถี!
พวกเขาใช้เคล็ดวิชาลับเพื่อเริ่มต้นการจู่โจมอย่างดุดัน ลักษณะกระบวนเคล็ดวิชาดูคล้ายกับวายุวิถีของสํานักเบญจลักษณ์ ทว่าเรียบง่ายและโหดเหี้ยม ทั้งยังรวดเร็วกว่าหลายเท่า!
“ทักษะอ่อนหัดไร้ความเจริญเยี่ยงนี้ คิดหรือว่าห้าวหาญพอจะเอาชนะเคล็ดวิชาบนแผ่นดินใหญ่ได้?!”
เยี่ยฉวนยกยิ้มด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะเบียงกายหลบคม ดาบของคนทั้งเจ็ดไปทางซ้ายและขวา
“นะ..นี่เขารู้เคล็ดวิชาไร้พ่ายด้วยหรือ?!”
รูม่านตาของทุกคนหดตัวลงอย่างกะทันหัน พวกเขากระโดดหลบไปด้านข้างและรวมตัวกันอยู่บนทางเดินแคบๆด้วยความตื่นตระหนก!
“ฮ่าๆๆ! จับตามองให้ดี นี่ต่างหากจึงจะเรียกว่าเคล็ดวิชาไร้พ่ายโดยแท้!”
เยี่ยฉวนระเบิดเสียงหัวเราะดังกึกก้อง ร่างกายของเขาจางหายลับไปในอากาศก่อนปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ซึ่งห่างไกลออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตรบนทางเดินแคบเช่นเดียวกับคนทั้งเจ็ด แสงสว่างสีฟ้ากะพริบอยู่เบื้องหลัง ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรตัวหนึ่งปรากฏขึ้น และเพิ่มจํานวนขึ้น จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสาม ในระยะเวลาเพียงพริบตาเดียวปีศาจวัวมากกว่าหนึ่งพันตัวจึงรวมตัวกันบนทางแคบนั้นและแผ่จิตสังหารคุกคามอีกฝ่ายเป็นระยะ
ตอนนี้เขาบรรลุเพียงขั้นอู่เจือ เขาไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาต่างๆ เนื่องจากข้อจํากัดทางร่างกายหลายประการ แต่เมื่อบรรลุสู่ขั้นซิวถือกลับแตกต่างออกไป แม้แต่เคล็ดวิชาเดียวกันเขากลับสําแดงฤทธิ์ได้ดีกว่าคนนอกรีตทั้งเจ็ดเสียอีก
“ท่านจักรพรรดิระวังขอรับ!”
กลุ่มไพรทมิฬอุทานออกเมื่อสัมผัสถึงอันตรายที่อยู่ตรงหนา
แสงสีฟ้ากะพริบพร่างพรายไปทั่วบริเวณจนท้องฟ้าสว่างไสว
ปีศาจวัยนัยน์ตาอสูรจัดกระบวนทัพให้อยู่ในรูปแบบค่ายกลอันทรงพลังยิ่ง! พวกมันตอบโต้การโจมตีจากอีกฝ่ายอย่างดุร้าย บนทางเดินเล็กแคบปรากฏพลังงานที่สาดกระทบกันไปมา คนนอกรีตทั้งสี่ใช้เคล็ดวิชาวายุวิถีในหลากหลายกระบวนท่าที่แตกต่างกันไปเพื่อหลบหนีการโจมตีระลอกแรก บางคนโยกตัวไปด้านข้างทั้งซ้ายและขวา บางคนกระโดดลงไปในทะเลสาบเพื่อใช้เคล็ดวิชาธาราวิถี การโจมตีระลอกที่สองยังคงตามมาอย่างต่อเนื่อง แสงสีฟ้าจากดวงตาของเหล่าปีศาจวัวที่พุ่งไปด้านหน้าทําให้บริวารกลุ่มไพรทมิฬตายตกร่วงลงไปในทะเลสาบ โลหิตสีแดงฉานลอยอยู่เหนือผิวน้ําอย่างน่าสยดสยอง
“ฆ่า! ฆ่ามันซะ!”
จักรพรรดิไพรทมิฬออกคําสั่งให้สังหารอีกฝ่ายด้วยน้ําเสียงเกรี้ยวกราด! จากนั้นจึงพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมบริวารขนาบข้าง ทิ้งบริวารอีกสามคนให้รั้งรออยู่ด้านหลัง
เดิมที่เขาตั้งใจจะจับตัวเยี่ยฉวนมาเค้นถามว่าสมบัติที่ซ่อนอยู่ในกล่องไม้คือสิ่งใดกันแน่ แต่ตอนนี้ความตั้งใจนั้นมลายหายไปสิ้น เขาต้องการเพียงสังหารอีกฝ่ายให้ตายคามือเท่านั้น!
บรรยากาศโดยรอบแปรปรวนและบิดเบี้ยวอย่างกะทันหัน คลื่นหลายลูกปรากฏขึ้นในทะเลสาบกว้างใหญ่ราวพายุโหมกระหน่ํา ทุกสิ่งอย่างเคลื่อนที่ไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง
จักรพรรดิไพรทมิฬรวมถึงบริวารทั้งหกต่างใช้เคล็ดวิชาวายุวิถีและเคล็ดวิชาธาราวิถีในการโจมตีอีกฝ่ายอย่างเต็มกําลัง เป้าหมายคือสังหารเยี่ยฉวนที่บังอาจใช้เล่ห์เหลี่ยมปั่นหัวพวกเขา!
ส่วนเยี่ยฉวนที่กําลังโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์อย่างบ้าคลั่ง รู้สึกถึงพลังปราณที่แปรปรวนพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย วรยุทธ์ของเขาทวีขึ้นอย่างมากเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้ ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรนับพันตัวกรูขึ้นมาล้อมรอบผู้เป็นนายไว้พลางเบิกตากว้างเพื่อปลดปล่อยลําแสงสีฟ้าจู่โจม!
เป็นครั้งแรกที่เหล่าปีศาจวัวตอบสนองต่อจิตสังหารจากอีกฝ่ายและเตรียมพร้อมโจมตีกลับโดยที่เยี่ยฉวนยังไม่ทันส่งกระแสจิตสั่งการใดๆ
ส่วนเยี่ยฉวนก็วางแผนพร้อมเคลื่อนไหวเช่นกัน ใบมีดบางเฉียบทั้งแปดในมือซ้ายและขวาของเขาหมุนเคว้งและเปล่ง แสงสะท้อนวาววับขณะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนนอกรีตทั้งสี่คน ตอนนี้เขาไม่หวั่นเกรงใดๆ เพราะมีทั้งเคล็ดวิชาอันทรงพลังอยู่ในมือ ทั้งยังมีกองทัพปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรคอยช่วยเหลือ
ทันใดนั้นหมอกหนาทึบพลันลอยขึ้นจากท้องทะเลสาบโดยไร้ที่มา!
หมอกนั้นปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วขัดขวางการโจมตีหมายเอาชีวิตระหว่างทั้งสองฝ่าย ชั่วพริบตาทั่วทั้งทะเลสาบกลับปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบบดบังวิสัยทัศน์ ภยันตรายที่มองไม่เห็นคืบคลานเข้ามาใกล้จนทุกคนสัมผัสได้ จิตใจของเยี่ยฉวนและกลุ่มคนนอกรีตทั้งสี่ที่แยกตัวออกมาเกิดความรู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อรับรู้ว่าหมอกนั้นเป็นฝีมือของบุคคลที่สาม!
คอมเม้นต์