Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 127 การเคลื่อนไหว อันร้ายกาจของสุนัขเฒ่า
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 127 การเคลื่อนไหว อันร้ายกาจของสุนัขเฒ่า
เยี่ยฉวนมองดูผู้อาวุโสลําดับสามจอมเสแสร้งก่อนจมหายไปในห้วงความคิดของตน
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป
สํานักเครื่องนิลและสํานักหมอกเมฆาไม่ลงรอยกันราวน้ำกับไฟ อีกทั้งเจ้าสํานักโท่วป่าเชียงยังจัดการปัญหาต่างๆ โดยไม่เลือกวิธีการ การส่งคนออกมาทําเรื่องพรรค์นี้จึงไม่น่าประหลาดใจนัก สิ่งที่น่าแปลกใจคือสํานักหมอกเมฆามีอาณาเขตป้องกันหลายต่อหลายชั้นทั้งยังมีทหารลาดตระเวนจํานวนมาก แล้วคนจากสํานักเครื่องนิลลอบเข้ามาลงมือจนสําเร็จอย่างง่ายดายไร้อุปสรรคได้อย่างไร?
“หรือว่าไป๋เยี่ยนหู ไอ้หมานั่น…”
เยี่ยฉวนมองไป๋เยี่ยนหูหัวจรดเท้าพลางแอบคาดเดาในใจ
หากคนนอกต้องการลอบเข้ามาจะต้องผ่านด่านตรวจหลายชั้น แต่หากมีผู้ทรยศย่อมแตกต่างออกไป!
เยี่ยฉวนมองเห็นแสงสว่างเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตน
อี้สั่วและจินจื่อคุนตายตกไปแล้ว ทิ้งไป๋เยี่ยนหูไว้กับเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด ชายชราย่อมไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้ลงมือได้และเยี่ยฉวนได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาได้ปล่อยเหยี่ยว นกแก้วปากแดง และสัตว์เล็กหลากชนิดไว้ทั่วยอดเขามังกรสวรรค์ ไม่เพียงเพื่อป้องกันภูตทะเลที่ลึกลับเกินคาดเดาแต่เพื่อป้องกันไป๋เยี่ยนหูผู้นี้อีกด้วย ซึ่งวิธีนี้ได้ผลจริงๆ ด้วยชื่อเสียงของราชาอีกาปีศาจทําให้เขาข่มขวัญอีกฝ่ายได้สําเร็จ
แม้จะเตรียมการเอาไว้เรียบร้อย แต่เยี่ยฉวนไม่คิดว่าไป๋เยี่ยนหูจะทําเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ หากไม่จัดการให้ดี สํานักหมอกเมฆาไม่เพียงจะเสียหายอย่างหนักแต่อาจถูกทําลายด้วยน้ำมือของคนรุ่นนี้
ชายแก่ผู้นี้ไม่ได้ต้องการแย่งชิงอํานาจและปกครองสํานักหรอกหรือ?
ด้วยการบ่อนทําลายสํานักเช่นนี้ เขาไม่กังวลว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือเพียงเปลือกเปล่าๆ ให้ครอบครองหรือ?!
บ้าไปแล้ว! สุนัขเฒ่าเสียสติไปแล้วจริงๆ!
เยี่ยฉวนทําท่าที่สงบนิ่งเมื่อมองจากภายนอก แต่ในใจกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารและความเสียดายที่ไม่คิดฆ่าไป๋เยี่ยนหูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ แม้จะเตรียมการไว้แล้วก็ยังประเมินสุนัขเฒ่าวิกลจริตตําไป!
“เอาล่ะ เราควรทําอย่างไรต่อไปดี?”
อาวุโสสูงสุดผู้นิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยปากขึ้นในที่สุด เขากวาดตาดูผู้คนก่อนสายตาจะหยุดลงที่อาวุโสลําดับสอง หนานกงเหริน “หนานกง เอ่ยความเห็นของเจ้ามา”
“สิ่งที่ต้องทําอย่างเร่งด่วนที่สุดคือส่งคนไปขอเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิต้าฉินที่เมืองหลวงและขอให้พระองค์ลดหรือเพิกถอนการส่งส่วยไปก่อน หรืออย่างน้อยช่วยยืดเวลาอันมีค่าด้วยการเลื่อนไปเป็นปีหน้าก็ยังดี” หนานกงเหรินตอบ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมต่างไปจากเมื่อก่อนยามที่เขาสนใจเพียงแค่การปลูกสมุนไพรเท่านั้น
“ใช่ๆ ไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิต้าฉินที่เมืองหลวง!”
“นี่เป็นหนทางเดียวเท่านั้น!
แววตาของผู้คนลุกโชนขณะประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นใครจะเป็นตัวแทนไป?” อาวุโสสูงสุดพยักหน้า
–
หอหมอกเมฆาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ภารกิจการไปเมืองหลวงในครั้งนี้สําคัญมาก ผู้ที่รับภารกิจนี้อาจไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก พระราชโองการของจักรพรรดิมีน้ำหนักยิ่งยวด ในเมื่อสํานักหมอกเมฆาตกลงที่จะส่งบรรณาการให้ภายในครึ่งปีแล้วพระองค์จะทรงยอมรับการเลื่อนเวลาออกไปได้อย่างไร? ผู้ที่ไปอ้อนวอนขอความเมตตาอาจถูกตัดคอกลางแจ้งก่อนจะพูดจบเสียอีก แม้ขั้นการฝึกตนจะสูงส่งเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยมังกรและพยัคฆ์ร้ายแฝงกายอยู่ อีกทั้งจักรพรรดิต้าฉินยังมียอดฝีมือมากมายอยู่ข้างกาย ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาเกณฑ์ยอดฝีมือทั้งก่อนและหลังขึ้นครองบัลลังก์จํานวนเท่าใด ดังนั้นต่อให้ส่งยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ไปก็ไม่อาจรอดพ้นจากอันตรายได้
เยี่ยฉวนนิ่งเงียบเช่นกันขณะลอบมองอาวุโสลําดับสาม
เป้าหมายของชายชราผู้นี้ไม่ใช่การทําลายเตาหลอมหากแต่เป็นการทําให้ทุกสิ่งยุ่งยากขึ้นเพื่อกําจัดเยี่ยฉวนต่างหาก เมื่อโอกาสมาถึงเช่นนี้ เขาย่อมบังคับให้เยี่ยฉวนไปยังเมืองหลวงเพื่อยืมมือผู้อื่นสังหารภัยคุกคามผู้นี้!
แน่นอนว่าอาวุโสลําดับสามลุกขึ้นกวาดตาดูผู้คนโดยรอบก่อนจะหยุดสายตาที่เยี่ยฉวนครู่หนึ่ง “ท่านอาวุโสสูงสุด การไปเยือนเมืองหลวงและเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์ไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าเกรงว่าคนธรรมดาไร้ฝีมือคงไม่อาจรับผิดชอบหน้าที่อันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ ข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสมไปกว่าท่านอีกแล้ว!”
อะไรกัน?!
เกิดความโกลาหลขึ้นในสํานักหมอกเมฆา ผู้คนต่างตื่นตกใจ
อาวุโสสูงสุดต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการควบคุมดูแลสํานักมาเป็นเวลาหลายปีนับตั้งแต่เจ้าสํานักจากไป หากเขาประสบเหตุร้ายในเมืองหลวงจะไม่เป็นไรหรือ
แม้จะตกตะลึง ทว่าคําพูดของอาวุโสลําดับสามนั้นมีเหตุผลเมื่อไตร่ตรองให้ดี มีเพียงอาวุโสสูงสุดที่มีความสามารถพอจะเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อขอลดหรือยกเลิก การส่งส่วยได้การเดินทางไปด้วยตนเองจะยิ่งทําให้คําขอนั้นมีน้ำหนักมากขึ้นไปอีก หากส่งศิษย์รุ่นเยาว์ไปคงไม่พ้นโดนประหารตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิ
เยี่ยฉวนมองไป๋เยี่ยนหูด้วยความประหลาดใจ
เดิมที่เขาคิดว่าชายชราจะฉวยโอกาสโยนหน้าที่นี้ให้เขา แต่กลับแนะนําให้ผู้อาวุโสสูงสุดไปด้วยตนเองโดยไม่คาดคิด เป็นไปได้ไหมว่าไป๋เยี่ยนหูหมดความเคลือบแคลงในตัวเยี่ยฉวน? หรือสุนัขแก่ตัวนี้ยังมีแผนการร้ายอื่นหลงเหลืออยู่?
“ตกลง ข้าจะไปเมืองหลวงด้วยตนเอง! ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ อาวุโสลําดับสองจะเป็นผู้ดูแลสํานัก จงเชื่อฟังและห้ามขัดขืนเด็ดขาด!”
อาวุโสสูงสุดซู่โกวหงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจฉับพลัน
“ท่านอาวุโสสูงสุด เท่านี้ยังไม่พอหรอก”
แววตาของอาวุโสลําดับสามทอประกายวูบไหวขณะทอดมองอาวุโสสูงสุด “มันเสียงเกินไปที่จะฝากความหวังไว้กับจักรพรรดิต้าฉินผู้โหดเหี้ยมเพียงผู้เดียว เราต้องวางแผนรับมือผลที่ตามมาหากภารกิจนี้ล้มเหลว”
“ว่ามา” อาวุโสสูงสุดกล่าว เขาพร้อมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในสถานการณ์ซับซ้อนเช่นนี้
ไป๋เยี่ยนหูกวาดตาดูผู้คนโดยรอบอีกครั้งก่อนกล่าวออก “เรายังมีหนทางทําตามคําสั่งของจักรพรรดิต้าฉินได้โดยการหาเตาปรุงยามาแทนให้เร็วที่สุด เตาปรุงยาขั้นปถพีนั้นหายากอีกทั้งยังมีเวลาไม่มากนัก แต่เราสามารถส่งคนไปขอยืมเตาหลอมระดับสวรรค์จากพันธมิตรในอดีตของเราอย่างสํานักอสูรเมฆาได้ ถึงอย่างไรก็เป็นเตาหลอมที่ถูกส่งต่อมานับล้านปี หากเรายืมมาได้ อย่าว่าแต่หนึ่งเดือนเลย แค่ครึ่งเดือนก็เพียงพอสําหรับการปรุงยาบรรณาการแล้ว!”
สํานักอสูรเมฆา?
สีหน้าของอาวุโสสูงสุดและอาวุโสลําดับสองแปรเปลี่ยนโดยเฉพาะอาวุโสสูงสุดซึ้งแลดูเศร้าหมอง
หากยืมเตาหลอมระดับสวรรค์มาได้ย่อมเป็นหนทางที่ดีที่สุดและสามารถแก้ไขปัญหาตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย ปัญหาคือผู้ใดจะเป็นคนเดินทางไปยืมเตาหลอมระดับสวรรค์กัน?
นานแสนนานมาแล้ว สํานักหมอกเมฆาเป็นสํานักชั้นเลิศของทวีปอัคคีสวรรค์ ส่วนสํานักอสูรเมฆาเป็นเพียงสํานักเล็กๆ ที่อยู่ติดกันเท่านั้น
ต่อมาสํานักหมอกเมฆาเริ่มเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสองนิกายยืนหยัดเท่าเทียมกันและกลายมาเป็นพันธมิตร ทว่าสํานักหมอกเมฆายังคงทรุดโทรมลงอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถครองพื้นที่ทั้งเทือกเขาหมอกเมฆาได้ ความรุ่งเรืองและก้าวหน้าของสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ยิ่งทําให้สํานักหมอกเมฆาตกต่ำลงไปอีก แต่สํานักอสูรเมฆายังคงดําเนินไปอย่างมั่นคงดังดวงอาทิตย์ในยามเที่ยงวันจนเริ่มก้าวสู่การเป็นสํานักชั้นเลิศแห่งทวีปอัคคีสวรรค์ ทั้งสองสํานักไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าสํานักอสูรเมฆาได้ละทิ้งสนธิสัญญาพันธมิตรไปแล้วหรือยัง อีกทั้งสํานักหมอกเมฆายังอับอายเกินกว่าจะอ้างถึงสายสัมพันธ์กับสํานักระดับสูงเช่นนั้น
เมื่อคํานึงถึงความสัมพันธ์ในกาลก่อนและชื่อเสียงของสํานัก สํานักอสูรเมฆาอาจอนุญาตหากพวกเขาบากหน้าไปขอยืมสมบัติชิ้นสองชิ้น แต่จะให้ยืมเตาหลอมระดับสวรรค์อย่างนั้นหรือ? เตาหลอมระดับสวรรค์เป็นสมบัติล้ำค่ามาแต่โบราณ ตํานานเล่าขานว่ามันกุมโชคชะตาของสํานักอสูรเมฆาเอาไว้และจะถูกนําออกมาในเทศกาลบวงสรวงปีละครั้งเท่านั้น การขอยืมกะทันหันเช่นนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?
อาวุโสสูงสุดไม่เอ่ยคําใดเป็นเวลานาน เจตนาของอาวุโสลําดับสามนั้นดีแต่เคราะห์ร้ายที่โอกาสสําเร็จนั้นยากเหลือเกิน ยากกว่าการไปเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์ที่เมืองหลวงเสียอีก ผู้ที่เดินทางไปสํานักอสูรเมฆาเพื่อยืมเตาหลอมระดับสวรรค์ไม่เพียงแต่จะโดนเย้ยหยันเท่านั้น แต่อาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และทําลายจิตวิญญาณจนย่อยยับด้วยความโกรธเกรี้ยวของปรมาจารย์แห่งสานักอสูรเมฆาก็เป็นได้
คอมเม้นต์