Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 129 วารีโอสถทิพย์
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 129 วารีโอสถทิพย์
หลังออกจากหอหมอกเมฆา เยี่ยฉวนตรงไปยังทุ่งสมุนไพรของอาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินเพื่อขุดพลับพลึงวารี อายุแปดร้อยปีขึ้นมาก่อนจะกลับไปกลั่นวารีโอสถทิพย์ที่ยอดเขามังกรสวรรค์
เดิมที่การกลั่นวารีโอสถทิพย์ไม่เพียงต้องการสมุนไพรชั้นยอดแต่ยังต้องการเตาหลอมชั้นเลิศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในการขัดเกลาอีกด้วย ทว่าด้วยเวลาที่จํากัดทําให้เยี่ยฉวนจําต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
ปีศาจเพลิงคอยช่วยเหลือเยี่ยฉวนอย่างเต็มที่ เขาปล่อยเปลวไฟสีแดงอมม่วงออกจากฝ่ามือเพื่อให้ความร้อนแก่เตาหลอมจนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เมื่อรักษาหัวใจปีศาจได้แล้ว อี้เหยียนจื่อไม่เพียงผ่านพ้นหายนะเท่านั้นแต่การฝึกตนยังสมบูรณ์ขึ้นอีกด้วย กายหยางศักดิ์สิทธิ์ของเขายิ่งแข็งแกร่งและเริ่มก้าวผ่านสภาวะตีบตันได้แล้ว
เขารินน้ำจากน้ำพุแห่งเทือกเขาหมอกเมฆาลงในเตาหลอมและให้ความร้อนจนกระทั่งเดือดปุด จากนั้นจึงใส่ดอกไวโอเล็ต น้ำขิงสีคราม ผลไม้ทองคํา และสมุนไพรอื่นๆ มากมายลงไปพร้อมกัน หลังจากเคี่ยวเป็นเวลาสี่ชั่วโมงก็ใส่ผงกระดองเต่ากลายพันธุ์แห่งดินแดนรกร้าง พลับพลึงวารีอายุแปดร้อยปี และน้ำลายมังกรที่สกัดจากอาวุโสลําดับสาม จากนั้นจึงเดี๋ยวอีกสี่ชั่วโมงก่อนเติมหญ้าฝรั่น ดอกลําโพง กานพลู และส่วนประกอบอื่นๆ ลงไป
เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิข้างเตาหลอมขณะใส่ส่วนผสมสารพัดชนิดลงไปทีละอย่าง ทักษะการปรุงยาของเขาเข้าขั้นปรมาจารย์เฝ้ที่เดียว ยาน้ำในเตาค่อยๆ หมุนวนทําให้สมุนไพรทั้งหมดผสมเข้าด้วยกันก่อเกิดปราณแห่งจิตวิญญาณโลกอันบริสุทธิ์ที่ละน้อย
เคล็ดวิชานี้เป็นเคล็ดวิชาโบราณเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว มันถูกขนานนามว่าเคล็ดวิชาหัตถ์เจียระไนเพราะต้องใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงในเตาตลอดเวลาและคอยปรับเปลี่ยนสูตรตามความเหมาะสม แม้สํานักหมอกเมฆาจะมีเคล็ดวิชามากมายเพื่อขัดเกลายาทว่าหัตถ์เจียระไนถือเป็นเคล็ดวิชาที่สําคัญที่สุด ราชาโอสถหัตถ์วิญญาณผู้ก่อตั้งสํานักชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้าในการบรรลุเคล็ดวิชาหัตถ์เจียระไนขั้นสูงสุด แต่ที่ผู้คนไม่รู้คือราชาโอสถหัตถ์วิญญาณได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาที่เขาภูมิใจหนักหนานี้มาจากเยี่ยฉวน!
เคล็ดวิชานี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นภายในสํานักหมอกเมฆา แต่เมื่อเยี่ยฉวนถูกขังอยู่ในสุสานเทพเจ้าและราชาโอสถหัตถ์วิญญาณหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกทั้งปรมาจารย์รุ่นเก่าในสํานักก็ตายตกไปทีละคน เคล็ดวิชานี้จึงค่อยๆ สาบสูญไปในที่สุด เหล่าปรมาจารย์ในรุ่นของเจ้าสํานักหยุนเฟยหวู่จึงรู้เคล็ดวิชาปรุงยาเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น
ปีศาจเพลิงนั่งขัดสมาธิตรงข้ามกับเยี่ยฉวนโดยมีเตาหลอมที่กําลังลุกไหม้กั้นกลางเอาไว้ ในตอนแรกปีศาจเพลิงใช้เคล็ดวิชากายสุริยันแผดจ้าช่วยเยี่ยฉวนกลั่นยาอย่างใจเย็น แต่แล้วก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ!
เขาไม่รู้จักเคล็ดวิชาที่เยี่ยฉวนใช้ในการปรุงยา แต่เขามั่นใจว่ามันเป็นเคล็ดวิชาชั้นยอดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน! เมื่อเตาปรุงยาและสมุนไพรที่แสนธรรมดาผ่านมือของเยี่ยฉวนกลับก่อให้เกิดกระบวนการกลั่นยาที่ไม่ธรรมดา!
ปีศาจเพลิงผู้เคยร่อนเร่ในทวีปอัคคีสวรรค์มาหลายปีตกตะลึงมากขึ้นเรื่อยๆ
กลิ่นหอมฉุนในกระท่อมไม้ซุงหลังเล็กรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนจะแพร่ออกไปยังหุบเขามังกรปีศาจจนทั่วทั้งยอด เขามังกรสวรรค์หรือแม้กระทั่งทั้งสํานักหมอกเมฆา!
บรรดาทหารลาดตระเวนที่ตีนเขาเงยหน้าขึ้นมองและสูดหายใจลึก
ณ ยอดเขาสูงตระหง่านหลายแห่ง แม้แต่อาวุโสสูงสุด อาวุโสลําดับสามและคนอื่นๆ ยังได้กลิ่นหอมหวนนี้และหันไปมองยอดเขามังกรสวรรค์โดยพร้อมเพรียงกัน
เยี่ยฉวนกําลังกลั่นวารีโอสถทิพย์จริงหรือ?
เหล่าผู้อาวุโสพากันตื่นตกใจ พวกเขาคิดว่าเยี่ยฉวนเก่งแต่ปากเท่านั้นโดยไม่คาดฝันว่าชายหนุ่มจะลงมือทําจริง เขาทําสําเร็จภายในไม่กี่ชั่วโมงได้อย่างไร? อ่านตําราอีกแล้วหรือ? หรือค้นพบตําราปรุงยาลึกลับที่ปรมาจารย์รุ่นก่อนทิ้งไว้กันแน่?
อาวุโสสูงสุดจมอยู่ในห้วงความคิดของตนส่วนอาวุโสลําดับสามมีสีหน้าหดหู เขาต้องการไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตาตนเอง แต่เมื่อหวนนึกถึงการเผชิญหน้ากับราชาอีกาปีศาจก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคืองใจ
เขาฝืนจนสุดขีดจํากัดของตนเองเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำลายมังกร อีกทั้งยังต้องยั่วยุศัตรูที่น่าเกรงขามนับไม่ถ้วนและใช้เวลาเกือบร้อยปีในการต่อสู้กับพวกมัน วารีโอสถทิพย์จากน้ำลายมังกรหม้อนี้ควรเป็นของเขา! การต้องแสร้งทําใจกว้างและมอบน้ำลายมังกรให้เยี่ยฉวนเพื่อให้เขาทําภารกิจได้สําเร็จยิ่งทําให้ไปเยี่ยนหูเคียดแค้นมากขึ้นไปอีก
เพล้ง!
แก้วเหล้าองุ่นในมือไปเยี่ยนหูแตกเป็นเสี่ยง ชายชราขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยโทสะ
ณ ยอดเขามังกรสวรรค์
ขณะที่อาวุโสลําดับสามกําลังขบฟันด้วยความโกรธนั้น เยี่ยฉวนก็ทําสําเร็จ! เขาชุบตัวลงในหม้อที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวารีโอสถทิพย์อย่างรวดเร็ว
ฉับพลันเยี่ยฉวนรู้สึกว่ารูขุมขนทั้งหมดในร่างเปิดออกฤทธิ์ยาซึมซาบเข้าสู่ผิวหนัง อวัยวะภายใน กระดูก และกล้ามเนื้อจากทุกทิศทาง เขารู้สึกสบายตัวอย่างไม่อาจบรรยาย ประกายแวววาวสีทองอร่ามไหลเวียนอยู่บนร่างกายโลหิตสูบฉีดไปทั่วกล้ามเนื้อจนขยายใหญ่ราวกับทุกตารางนิ้วคือภูเขาไฟที่พร้อมปะทุ!
กล้ามเนื้อขยายจนถึงขีดสุดและคงอยู่เช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหดลงอย่างรวดเร็วเพื่อขับสิ่งเจือปนในผิวหนังและกล้ามเนื้อออก จากนั้นจึงขยายขึ้นอีกครั้งเป็นวัฏจักรเช่นนี้ไปเรื่อยๆ การยืดหดอย่างรวดเร็วของกล้ามเนื้อทําให้เกิดเสียงดังกึกก้องจนปีศาจเพลิงที่ยืนอยู่ตะลึงจนพูดไม่ออก
การฝึกตนของเยี่ยฉวนอยู่เพียงขั้นซิวฉือระดับหนึ่งซึ่งแทบไม่มีค่าพอให้กล่าวถึงในสายตาของปีศาจเพลิง ทว่าเคล็ดวิชาที่มีรวมถึงความแข็งแกร่งของร่างกายกลับทําให้จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับห้าตื่นตาตื่นใจได้! วารีโอสถทิพย์ที่เยี่ยฉวนกลั่นขึ้นมานี้ส่งผลให้ร่างของเขาสั่นระริกด้วยความปรารถนาจะกระโจนลงไปในหม้ออย่างแรงกล้า
ติ๊ง!
เกิดเสียงดังกังวานขึ้นจากในร่างของเยี่ยฉวน
แหวนอัฐิโพธิสัตว์บนนิ้วที่แลดูธรรมดาพลันเปล่งแสงเรืองรองและปรากฏร่างของพระโพธิสัตว์ทั้งปางนั่งและยืน บ้างมีผนึกเวทย์ลี้ลับ บ้างถือเจดีย์ บ้างนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ดอกบัว ก่อนที่กระแสพลังงานโบราณมหาศาลจะปะทุขึ้นและไหลรินเข้าสู่ร่างของเยี่ยฉวนพร้อมเสียงสวดมนต์ดังก้อง
วารีโอสถทิพย์ที่เดือดปุดอยู่ในหม้อนี้ไม่เพียงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเยี่ยฉวนหากแต่ยังเผยพลังที่แท้จริงของแหวนอัฐิโพธิสัตว์ที่เขาชิงมาจากเหล่าผู้ฝึกตนต่างแดนอีกด้วย!
เยี่ยฉวนหลับตาลงขณะแช่อยู่ในวาริโอสถทิพย์ทั้งตัว ร่างกายของเขาไร้การเคลื่อนไหวแต่ปราณ ณ จุดตันเถียนกลับหมุนวนรวดเร็วราวพายุและหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ลมปราณนี้แปรเปลี่ยนรูปร่างนับพันครั้งในชั่วพริบตาก่อนจะค่อยๆ สงบลงและก่อรวมขึ้นเป็นรูปพระโพธิสัตว์เลือนราง พระพักตร์พร่ามัวและทั้งร่างถูกห่อหุ้มด้วยความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ได้ ทว่ารูปร่างที่ก่อรวมขึ้นนี้กลับมีพลังมหาศาลไร้ขอบเขต เมื่อหมุนวนจะเกิดพลังงานหนักแน่นราวภูเขาไท่และเมื่อหยุดนิ่งจะสงบราวทะเลยามไร้คลื่น
ยันต์พระโพธิสัตว์!
ยันต์กลืนกินสวรรค์ใบที่สามก่อตัวขึ้นในที่สุด!
อันที่จริงยันต์พระโพธิสัตว์นี้ไม่นับว่าเป็นยันต์ที่แท้จริง เพราะยังไม่สมบูรณ์และมีเพียงครึ่งใบเท่านั้น ทว่าพลังของมันกลับแข็งแกร่งที่สุดในบรรดายันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งหมดที่เยี่ยฉวนครอบครอง!
คอมเม้นต์