Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 152 เตาหลอมระดับสวรรค์
Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 152 เตาหลอมระดับสวรรค์
ห้องโถงใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆาเงียบลงอย่างฉับพลัน
ครั้นภาพเยี่ยฉวนใช้เคล็ดวิชาทรงพลังเคลื่อนย้ายภูเขาและแม่น้ําเพื่อโต้กลับการโจมตีของราชินีอสูรเกศาขาวแวบขึ้นมาในห้วงความคิดเหล่ายอดฝีมือที่แผ่จิตสังหาร แรงกล้าขณะชักดาบออกจากฝึกพลันหยุดชะงักทันที
ราชินีอสูรเกศาขาวผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุดจับจ้องไปที่เยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
นับตั้งแต่นางขึ้นดํารงตําแหน่งราชินีแห่งเผ่าอสูรนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนหาญกล้าท้าทายอํานาจและกล่าววาจา ฉะฉานตอบโต้นางอย่างเจ็บแสบหากคนที่เหิมเกริมคือศิษย์ชั้นสามัญหรือแม้แต่บรรดาผู้อาวุโสของสํานักอสูรเมฆาพวกเขาคงถูกสังหารจนตายตกไปนานแล้วทว่าเยี่ยฉวนผู้นี้เปรียบดังมีหนามแหลมคมอยู่รอบกายจน นางไม่สามารถจัดการใดๆได้
สํานักหมอกเมฆาเสื่อมโทรมลงทุกขณะแต่สนธิสัญญาสัมพันธมิตรระหว่างสองสํานักยังคงอยู่ดังนั้นหากศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนถูกสังหารโดยคนของสํานักอสูรเมฆา ต่อให้ศิษย์ร่วมสํานักของเขาไม่กล้ามาทวงความยุติธรรม สํานักอื่นๆ ในยุทธภพที่รู้ข่าวอาจติฉินนินทาในภายหลัง
เรื่องดังกล่าวเป็นเหตุผลสําคัญที่ทําให้พวกเขาไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้ดั่งใจนึกแม้จะเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม
เยี่ยฉวนบรรลุเพียงขั้นซิวฉือระดับที่สองเท่านั้น ไม่คุ้มค่าแก่การเอ่ยถึงหรือหยิบยกมาใส่ใจ ทว่าเขาสามารถบงการสัตว์ผู้พิทักษ์เช่นนางพญามังกรขาวทั้งยังใช้เคล็ดวิชา เคลื่อนย้ายภูเขาและแม่น้ํา ทําให้เอาชนะบรรดายอดฝีมอชั้นเลิศในสํานักอสูรเมฆาได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ราชินีแห่งเผ่าอสูรผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่สามารถทําอันตรายเขาได้แม้ ปลายเล็บ
ตอนนี้พวกเขาควรทําเช่นไรดี?
ควรนิ่งสงบสยบการเคลื่อนไหวเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆหรือฉวยโอกาสจู่โจมตอนอีกฝ่ายไม่ทันโคจรเคล็ดวิชา?!
อาวุโสเถียนชิงรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ทั่วท้อง นักรบพฤกษาเถียนกู่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของห้องโถงตั้งท่าเตรียมเคลื่อนไหวเพียงราชินีอสูรเกศาขาวออกคําสั่งเขาก็พร้อมจู่โจมทันที!
ราชินีแห่งเผ่าอสูรยังคงนิ่งสงบ ไม่ปริปากเอ่ยแม้แต่คําเดีย
บรรยากาศตึงเครียดปกคลุมห้องโถงใหญ่แห่งสํานักอสูรเมฆาและหนักอึ้งลงเรื่อยๆ ราวเมฆามืดครึ้มแผ่ขยายไปทั่วบริเวณ ตราบใดที่องค์ราชินีส่งสัญญาณยอดฝีมือทั้งหมดของ สํานักก็พร้อมพุ่งเข้าฉีกร่างของเยี่ยฉวนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เยี่ยฉวนก็ไม่ปริปากเอ่ยคําใดและรอคอยคําตอบอย่างใจเย็นท่าทางที่เขาแสดงออกนั้นสงบนิ่งใครเล่าจะรู้ว่าภายในใจเขาตื่นเต้นและตึงเครียดไม่แพ้คนเหล่านั้น ชูดชั้นในของเขาชุ่มไปด้วยหยดเหงื่อที่ผุดขึ้นจากผิวหนัง
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นบริเวณข้างทะเลสาบมังกรนิทราเยี่ยฉวนสําแดงพลังทรงอานุภาพจนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาฝูงชนจนบรรดาศิษย์สํานักอสูรเมฆาล้วนตกตะลึงยิ่ง! แม้ แต่ราชินีแห่งเผ่าอสูรยังเกิดความวิตกกังวลทว่าสิ่งที่ทุกคนไม่รู้คือเคล็ดวิชาโบราณที่เขาใช้เคลื่อนย้ายภูเขาและแม่น้ําเพื่อโต้กลับการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามทําให้เขาสูญเสียพ ละกําลังไปจนหมดสิ้นทั้งตอนนี้งูเผือกยักษ์ยังอยู่ในสภาพ อ่อนแอไม่พร้อมต่อสู้ ดังนั้นการโคจรเคล็ดวิชาดังกล่าวภายในระยะเวลากระชั้นชิดย่อมเป็นไปไม่ได้เมื่อร่างกายของ เขาอยู่ในสภาวะอ่อนแอเช่นนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการเดิมพัน!เขาสร้างข้อต่อรองต่อราชินอสูรเกศาขาวอาวุโสเถียนชิงรวมถึงศิษย์ยอดฝีมือร่วมสํานักคนอื่นๆ ทําให้ต่างฝ่ายต่างไม่กล้ากระทําการใดจนกว่าปลาจะตายหรืออวนดักปลาขาดเสียก่อน!
ชายหนุ่มยังคงรักษาท่าที่นิ่งสงบ ทั้งยังระมัดระวังไม่เปิดเผยข้อบกพร่องของตนให้ผู้อื่นจับสังเกตแม้ความเป็นจริงจะไร้เรี่ยวแรงต่อสู้เป็นครั้งที่สองถึงกระนั้นเขาก็ยังมีแผน การสํารองเพื่อปกป้องตนเอง
ช่างโชคดีนักที่เขาตัดสินใจสร้างข้อเดิมพัน….ต่อรองสามครั้ง ทบทวนสามครั้ง สํานักอสูรเมฆาไม่กล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดจริงดังที่เขาคาดการณ์
“เจ้าหนู เตาหลอมระดับสวรรค์เป็นทรัพย์สมบัติสงวนไว้เฉพาะสํานักอสูรเมฆาเท่านั้น โดยหลักการแล้วไม่สามารถให้ยืมได้ แต่ยังพอมีหนทางอยู่บ้าง”ในที่สุดราชินีแห่งเผ่าอสูรจึงปริปากเอ่ยทําลายความเงียบ
“องค์ราชินี!”
อาวุโสเถียนชิงร้องอุทานอย่างตื่นตระหนก! ยังไม่ทันกล่าวคําใดต่อเพื่อห้ามปรามราชินีอสูรเกศาขาวกลับ โบกมือเป็นเชิงให้สงบคําเพราะการตัดสินใจของนางถือเป็นที่สิ้นสุด
“องค์ราชินี…ท่านต้องการครอบครองเคล็ดวิชาเรียกใช้อาณาเขตโบราณนั้นหรือไม่?” เยี่ยฉวนเอ่ยถามเพื่อหยั่งเชิ งความคิดของอีกฝ่ายการนําเตาหลอมระดับสวรรค์ มาแลกเปลี่ยนกับเคล็ดวิชาโบราณอันทรงพลังยิ่งที่สามารถสั่นสะเทือนภูเขาและแม่น้ําไม่ได้ขาดดุลต่อสํานักอสูรเมฆามากจนเกินควร
“นับเป็นความคิดที่ดีไม่น้อยว่าอย่างไร? เจ้าคิดใช้เล่ห์เหลี่ยมกับข้ากระนั้นหรือ?!” ราชินีแห่งเผ่าอ สูรมองเยี่ยฉวนพลางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“หามิได้! การมอบตําราเคล็ดวิชาให้แก่ท่านไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดอันที่จริงเคล็ดวิชาเรียกใช้อาณาเขตโบ ราณอันทรงพลังนี้เป็นของสํานักอสูรเมฆาโดยชอบอยู่แล้ว…”
เยี่ยฉวนเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงผ่อนคลายลง เขาสะบัดปลายนิ้วหนึ่งครั้งทันใดนั้นแผ่นหยกขนาดประมาณลําต้นไม้ไผ่พลันปรากฏขึ้นและลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าองค์ราชินี
ขณะนั้นเอง…ดวงตาของสตรีผู้สูงศักดิ์พลันเปล่งประกายสว่างไสวนางใช้กระแสจิตบริสุทธิ์สํารวจสมบัติตรงหน้าภายในพริบตาแผ่นหยกพลันสลายและร่วงลงพื้นเป็นผุยผง ทว่านางซึมซับเคล็ดวิชาเหล่านั้นประทับแน่นในจิตใจเปลือกตาปิดสนิทครู่หนึ่ง จากนั้นนางค่อยๆ ดืมตาขึ้นพร้อมกล่าวออก “ประเสริฐยิ่ง! เคล็ดวิชาเรียกใช้อาณาจักรโบราณข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสํานักอสูรเมฆาจะทิ้งมรดกอันล้ําค่านี้ไว้ให้แก่ชนรุ่นหลัง!เจ้ามีนามว่าเยี่ยฉวนใช่หรือไม่? เหตุใดเจ้าจึงรับรู้การมีอยู่ของเคล็ดวิชาลึกลับนี้?!”
องค์ราชินี้ใช้เวลาไม่นานนักก็เรียนรู้ทุกก ระบวนของเคล็ดวิชาทรงพลังนั้นด้วยระดับขั้นการฝึกตนที่สูงส่งประกอบกับคําใบ้บางประการเพื่อเพิ่มความเข้าใจเคล็ดลับต่างๆ จนกระจ่างชัดนางจึงเรียนรู้สารพันทักษะได้อย่างรวดเร็วเหนือคนทั่วไป
“หากข้าตอบว่ารู้มาจากการอ่านตํารา องค์ราชินีเชื่อข้าหรือไม่?!” ใบหน้าของเยี่ยฉวนปรากฏรอยยิ้ม
“ข้าเชื่อ!”
ราชินีแห่งเผ่าอสูรพยักหน้ารับด้วยไม่ต้องการสืบสาวราวเรื่องให้มากความ ไม่ว่าเยี่ยฉวนจะเรียนรู้เคล็ดวิชาดังกล่าว มาจากที่ใดล้วนไม่สําคัญเพราะการได้สัมผัสมันอีกครั้งนางก็ มีความสุขจนเต็มล้นในที่สุดไพ่ยิปซีนําโชคของสํานักอสูรเมฆาก็ปรากฏ!
“องค์ราชินีเช่นนั้นข้าสามารถนําเตาหลอมระดับสวรรค์กลับไปยังสํานักของข้าได้แล้วใช่หรือไม่?!” เยี่ยฉวนเอ่ยถามพร้อมเตรียมใช้เคล็ดวิชายกเตาขนาดใหญ่ออกไป
“ช้าก่อน” ราชินีอสูรเกศาขาวโพล่งขึ้นเสียก่อน
สีหน้าของเยี่ยฉวนพลันแปรเปลี่ยนทันที เขาหันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชาก่อนกล่าวออก “ว่าอย่างไร?องค์ราชินี…ท่านจะกลับคําพูดงั้นรึ?”
ในฐานะที่นางดํารงตําแหน่งเป็นถึงราชินีแห่งเผ่าอสูรผู้ยิ่งใหญ่ของสํานักอสูรเมฆา นางควรมีสัจจะและกล่าววาจา เฉียบขาดไม่กลับกลอกเยี่ยฉวนนึกไม่ถึงว่านาง จะกลับคําพูด ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เสียเปรียบ…เพราะมีเคล็ดวิชาเรียกใช้อาณาจักรโบราณอันทรงพลังอยู่ในกํามือสมองของเขาคิดประมวลผลหาหนทางเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว
เคล็ดวิชาอีกหนึ่งอย่างพลันแวบเข้ามาในห้วงความคิด… อานุภาพของมันแตกต่างจากเคล็ดวิชาเรียกใช้อาณาจักรโบราณที่สามารถส่งแรงกระเทือนต่อขุนเขาและแม่น้ําอย่างสิ้นเชิงเป็นสิ่งที่เขาไม่แม้แต่จะคิดถ่ายทอดมันให้ราชินีอสูรเนตรสีครามผู้เป็นบริวารในภพอดีต
ส่วนเคล็ดวิชาทรงพลังที่เขาเคยมอบเป็นของกํานัลแก่ราชินีอสูรเนตรสีครามเมื่อครั้งสํานักอสูรเมฆาเพิ่งถูกก่อตั้งทั่วทั้งยุทธภพมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทําลายขีดจํากัดของมันได้โดยสมบูรณ์หากราชินีอสูรเกศาขา วผู้เป็นทายาทรุ่นปัจจุบันไม่รักษาคําพูดเขาจะทําลายรากฐานของสํานักอสูรเมฆาให้ย่อยยับโดยไม่ออมมือให้อี กต่อไป สํานักไร้เทียมทานที่หวังขึ้นสู่จุดสูงสุดในใต้หล้าจะพังทลายและเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!
“เหตุใดข้าจะเปลี่ยนแปลงวาจาไม่ได้เล่า!?” ใบหน้าของ ราชินีแห่งเผ่าอสูรแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดและเย็นชาปราศจากความเป็นมิตรอีกต่อไป
สตรีพรหมจรรย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังอาจารย์ของนางเผยสีหน้ากระตือรือร้นทันที! นางชักอาวุธสังหารออกมาเพื่อเตรียมพร้อมหากองค์ราชินีส่งสัญญาณเพียงครั้งเดียวนางจะ ทุ่มแรงกําลังทั้งหมดพุ่งเข้าโจมตีเยี่ยฉวนส่วนศิษย์ยอดฝีมือ ที่ยืนอยู่สองฝั่งของห้องโถงก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกันจิตสังหารรุนแรงแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้าง ตอนนี้ไม่ว่ามนุษย์หนึ่งชีวิตหรือแม้แต่แมลงวันหนึ่งตัวก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้
หากศิษย์สํานักอสูรเมฆาลงมือสังหารเยี่ยฉวนโดยพลการครั้นข่าวแพร่งพรายออกไปศิษย์นอกสํานักจะต้องประณามพวกเขาอย่างแน่นอนในทางกลับกันหากเป็นคําสั่ง จากราชินีแห่งเผ่าอสูร พวกเขาจะสามารถสังหารอีกฝ่ายโดยไร้ข้อกังขา
“อย่างนั้นหรือ?! เช่นนั้นก็ลองดู! ท่านคงไม่ลืมใช่หรือไม่ว่าข้าบรรลุเคล็ดวิชาเรียกใช้อาณาจักรโบราณถึงระดับสูงสุด ข้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ท่านได้แต่ก็ทําลายขีดจํากัดของมันจนย่อยยับได้เช่นกัน! สํานักอสูรเมฆาของเจ้าจะถูกทําลายจนถึงรากฐานจนหมดสิ้น!”เยี่ยฉวนกล่าวตอบด้วยน้ําเสียงเย็นเยือกแม้อยู่ในวงล้อมของบรรดายอดฝีมือจํานวนมากของสํานักอสูรเมฆาการแสดงออกของเขาก็ยังไร้ความตื่นตระหนก
สิ้นคํากล่าวของเขา หัวใจของยอดฝีมือหลายรา ยพลันสั่นคลอนด้วยความหวาดหวั่นทันที!
ทําลายงั้นหรือ?! แม้พวกเขาไม่รู้แน่ชัดว่าเยี่ยฉวนมีพลังทําลายล้างสูงถึงเพียงนั้นจริงหรือไม่ทว่าวรยุทธ์ของเขาซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาฝูงชนในเหตุการณ์เมื่อครู่ ทําให้พวกเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าชายหนุ่มบ้าบินผู้นี้สามารถทําได้อย่างแน่นอน!
“ฮ่าๆๆ! คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาเปี่ยมล้มไปด้วยพรสวรรค์เพียงนี้! เจ้าอย่าได้ขุ่นเคืองไป..ตราบใดที่ข้าเอ่ยปากแล้วจะกลับคําอย่างไรได้ ข้าเพียงล้อเจ้าเล่นเท่านั้นไม่มีนัยอื่นแอบแฝง…”
ราชินีมองท่าทางขึงขังของอีกฝ่ายก่อนเปล่งเสียงหัวเราะอย่างจริงใจนางมองสํารวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมปรับระดับเสียงให้กลับมานุ่มนวลดังเดิม“ถึงกระนั้นเตาหลอมระ ดับสวรรค์ก็เป็นสมบัติล้ําค่าที่ผูกพันต่อสํานักอสูรเมฆาของเรามากนักคําขอของเจ้าครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แม้ข้าอนญาตให้เจ้ายืมไปได้แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าว่าจะสามารถนํามันไปได้หรือไม่? ดังนั้นข้าต้องการให้เจ้าและหงจือเซียศิษย์เอกของข้าทําการประลองว่าฝ่ายใดสามารถดํารงตนอยู่ในเตาหลอมได้นานกว่าหากเจ้าเป็นผู้ชนะจึงจะนํามันออกไปได้โดยชอบ!”
ราชินีแห่งเผ่าอสูรไม่ได้กลับคําพูดแต่อย่างใด ทว่าให้เยี่ยฉวนเผชิญกับสถานการณ์อันยากลําบาก
คําประกาศขององค์ราชินีทําให้ดวงตาของยอดฝีมือทุกรายเปล่งประกายไหววูบอย่างปีติยินดีการเคลื่อนไหวของ นางครั้งนี้อาจทําให้เยี่ยฉวนตกที่นั่งลําบากและพ่ายแพ้
แม้ทั้งสองเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ ทว่าระดับขั้นการฝึกตนระหว่างสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียและเยี่ยฉวนนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ช นะในครั้งนี้
อาวุโสเถียนชิงเป็นที่รู้จักในฉายาจิ้งจอกเฒ่าแห่งสํานักอสูรเมฆา เนื่องจากเขาเป็นผู้ทั้งยังมีไหวพริบหลักแหลมและเจ้าเล่ห์เพทุบายแต่เมื่อเปรียบเทียบกับราชินีอสูรเกศาขาวซึ่งบําเพ็ญตบะอย่างสันโดษมาเป็นระยะเวลาหนึ่งพันปีวรยุทธ์ของนางสูงส่งจนสามารถเรียกเมฆด้วยมือข้างหนึ่งส่วนฝ่ามืออีกข้างใช้เรียกลมฝน ดังนั้นชายชรายังมีประสบการณ์ที่ห่างชั้นนักแผนการของนางจึงแยบยลกว่าหลายเท่า!
คอมเม้นต์