Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 167 สํารวจหูบเขามังกรปีศาจยามราตรี
Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 167 สํารวจหูบเขามังกรปีศาจยามราตรี
ไปเยี่ยนหูตายตกไปแล้ว สถานการณ์ทั้งหมดจึงคลี่คลาย
ความขัดแย้งภายในสํานักมลายหายไปอย่างรวดเร็วสํานักหมอกเมฆาที่สูญเสียอย่างใหญ่หลวงกลับมาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องภายใต้การนําของเยียฉวน
ทว่าผลกระทบกลับฝังรากลึกในระยะยาว
เยี่ยฉวนก้าวจากการเป็นศิษย์พี่ใหญ่สู่ผู้กุมอํานาจหลักในสํานักที่แท้จริงเขารวมการปกครองทั่วทั้งสํานักเพื่อให้สานักหมอกเมฆากลับเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้งชายหนุ่มเลื่อนตําแหน่งผู้อาวุโสลําดับสี่และห้าขึ้นเพียงแค่ในนามแต่กลับลด บทบาทของพวกเขาลง อีกทั้งยังเลื่อนตําแหน่งศิษย์รุ่นเยาว์ในสํานักจํานวนมากด้วยความช่วยเหลือของอาวุโสลําดับสอง ส่วนจูซื้อเจียผู้หลักแหลมและเจ้าอ้วนก็ได้รับการอวยยศอย่างล้นหลามเจ้าอ้วนได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์ชั้นในสมใจป รารถนาและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลหอแปรธาตุโดยมีหน้าที่ช่วยจูซื้อเจียปกครองหอแปรธาตุ ด้านผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงได้รับตําแหน่งที่สําคัญยิ่งโดยถูกโยกย้ายจากหน่วยตระเวนบรรพตมาเป็นผู้พิทักษ์ประจําสํานัก
หลังการก่อกบฏเยี่ยฉวนได้ชําระสะสางคครั้งใหญ่ทั้งภายในและภายนอกสํานัก บรรดาศิษย์ที่ไม่ภักดีถูกขับออกไปจนหมดสิ้นไม่มีผู้ใดอยากยอมสยบโดยง่ายทว่าการเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวนผู้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมทําให้พวกเขาไม่มี ทางเลือกนอกจากต้องยอมจํานนต่อโชคชะตาในเมื่ออาวุโสสูงสุดยังไม่กลับมาและอาวุโสลําดับสามได้ตายตกไปแล้วเยี่ยฉวนจึงเป็นบุคคลที่สําคัญที่สุดทั้งในนามและในความ เป็นจริงแม้จะอยู่เพียงขั้นซิวฉือระดับสองแต่เมื่อมีปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋อยู่เคียงข้างพร้อมด้วยสตรีพรหมจรรย์เถียนกู่และสํานักอสูรเมฆาคอยหนุนหลังชายหนุ่มก็ยิ่งใหญ่เกรียงไกรดุจดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
สามวันที่ผ่านมาไม่มีร่องรอยของความขัดแย้งหลงเหลืออยู่เลยตรงกันข้ามศิษย์แต่ละคนต่างทําหน้าที่ของตนด้วย รอยยิ้มซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีในการฟื้นฟูสํานักขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ยามราตรีเมื่อลมหนาวพัดผ่านผืนดิน เยี่ยฉวนขึ้นไปบนยอดเขามังกรสวรรค์และมุ่งหน้าไปยังหุบเขามังกรปีศาจเขามองดูหุบเหวที่เดือดพล่านด้วยปราณและโลหิตภายใต้แสงจันทร์กระจ่างอย่างเงียบๆ ใคร่กระโจนลงไปดูว่ามีสิ่งใด อยู่ ณ ก้นบึงภายใต้หมอกโลหิตหนานี้ เขาอยากรู้ว่ามีความลับใดที่ซุกซ่อนอยู่และอยากตามหาร่างของหนานเทียนโตวแต่ต้องระงับความปรารถนาเอาไว้
หว่างคิ้วของชายหนุ่มกระตุกไม่หยุดทุกครั้งที่เขายืนอยู่ตรงปากเหวมังกรปีศาจเป็นการบ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายมากเพียงใดสัญชาตญาณบอกเขาว่าหากผลีผลามกระโดดลงไปอาจถูกขังอยู่ภายในอีกหลายล้านปีเช่นเดียวกับในสุสานเทพเจ้าหรืออาจถึงขั้นดวงจิตแตกสลาย
เยี่ยฉวนทอดถอนใจและยืนนิ่งตรงปากเหวอยู่ครู่ใหญ่
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้จัดการปัญหาในสํานักมามากมายแม้จะสามารถขึ้นกุมอํานาจในสํานักและเริ่มมองเห็นความหวังในการฟื้นฟูทว่าภายในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งทุกครั้งที่หวนนึกถึงการก่อกบฏ
แม้อาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินจะมองโลกในแง่ดีและดําเนินชีวิตต่อไปตามปกติ แต่จซื้อเจียมักร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าทุกครั้งเมื่อเห็นร่างที่เหลือเพียงครึ่งเดียวของ เขาเยี่ยฉวนเองก็ไม่เป็นสุขเช่นกัน ผู้พิทักษ์หยางตาบอดแต่ยาเม็ดอาจช่วยให้เขาหายดีได้ต่างจากอาวุโสลําดับสองที่เหลือเพียงร่างกายท่อนบนไม่ว่ายาชนิดใดคงไม่อาจช่วยให้ขาทั้งสองงอกกลับคืนหนทางเดียวที่เหลืออยู่คือการบรรลุสู่ขั้นมหาปราชญ์เพื่อสร้างร่างกายตนเองขึ้นมาใหม่เท่านั้น
สภาพของหนานกงเหรินว่าน่าเศร้าแล้ว แต่เทียบไม่ได้เลยกับหนานเทียนโตว.
การกระโดดลงไปในหุบเขามังกรปีศาจไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเป็นที่รู้กันในสํานักหมอกเมฆาตั้งแต่โบราณกาลว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชีวิตรอดกลับออกมา
แม้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เยี่ยฉวนได้รู้จักกับหนาน เทียนโตวแต่เด็กหนุ่มได้ทิ้งความประทับใจอันลึกซึ้งเอาไว้ช่างน่าเสียดายที่ต้องจากไปแต่ยังเยาว์โดยไม่มีโอกา สสําเร็จเคล็ดวิชาเก้ากระบี่สะท้านสวรรค์ขั้นสูงสุดเสียด้วยซ้ํา
ยามดึก ยอดเขาทั้งหลายในสํานักเงียบสงัด ศิษย์ในสํานักต่างฝึกตนอย่างเงียบเชียบหรือเข้าสู่ห้วงนิทรา
ฉับพลันแว่วเสียงกรอบแกรบแผ่วเบาจากเบื้องหลังเยี่ย ฉวน…
เยี่ยฉวนหันไปพบชายชราร่างผอมในชุดคลุมสีครามที่ปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังโดยไม่รู้ตัวกิริยาท่าทางของเขาแลดูสูงส่งและสง่างามประหนึ่งพระอรหันต์
“อาวุโสลําดับเจ็ดงั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนประหลาดใจเล็กน้อยก่อนรีบโค้งคํานับ “ศิษย์เยี่ยฉวนคารวะท่านผู้อาวุโส”
ตอนนี้เยี่ยฉวนอยากรู้ตัวตนที่แท้จริงของชายชุดคลุมสี ครามผู้นี้เหลือเกิน
ทุกครั้งเยี่ยฉวนจะพบชายผู้อ้างตนว่าเป็นอาวุโสลําดับ เจ็ดที่ภูเขาแห่งนี้เท่านั้นจึงคาดเดาได้ว่าเขาไม่ใช่ปรมาจารย์ผู้อาวุโสแห่งสานักหมอกเมฆาหากแต่เป็นผู้ที่มีสายสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับสานักอย่างลึกซึ้ง น่าแปลกที่ชายชราใช้เคล็ดวิ ชาของสํานักพุทธอันเก่าแก่ที่ปากเหวมังกรปีศาจแห่งนี้เมื่อคราวที่แล้ว แม้จะอยู่ในสํานักมาพักใหญ่แล้วแต่เยียฉวนไม่เคยได้ยินว่ามีผู้อาวุโสในสํานักหมอกเมฆาที่เชี่ยวชาญเคล็ดวิ ชาสํานักพุทธมาก่อนสิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือชายผู้นี้ไม่ได้ปรากฏกายยามไปเยี่ยนหูก่อการนองเลือดในสํานักในเวลาเช่นนั้นเขาไปอยู่ที่ใดกัน? เขาบังเอิญเดินทางออกไปนอกสนักพอดีหรือเฝ้าดูไปเยี่ยนหูเข่นฆ่าคนในสํานักโดยไม่ทําสิ่งใดเลย? หรือว่า…
เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว เขาไม่อาจมองเห็นขั้นการฝึกตนหรือระบุตัวตนของอีกฝ่ายได้เลย
“หลายวันที่ผ่านมานี้เจ้าทําได้ดีมาก” อาวุโสลําดับเจ็ดเอ่ยขึ้นหลังเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
เยี่ยฉวนเข้าใจในทันทีว่าเขากําลังพูดถึงการก่อกบฏในสํานัก ชายหนุ่มกล่าวตอบเสียงต่ํา “ไม่หรอกข้าเพียงแค่ทําสิ่งที่ต้องทําในฐานะศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้น”
“อืม”
ชายชุดครามพยักหน้าและไม่เอ่ยคําใดอีก ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
สายลมยามราตรีพัดกระโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ จนบรรยากาศโดยรอบเย็นลงทุกขณะ หมอกโลหิตในหุบเขามังกรปีศาจลงหนาและแผ่ปกคลุมจนทั่ว
“ไอ้หนู เจ้าอยากกระโดดลงไปหรือ?” อาวุโสลําดับเจ็ดทําลายความเงียบขึ้นขณะที่เยี่ยฉวนกําลังจะจากไป
“ใช่ ข้าใคร่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ในนั้น ศิษย์น้องของข้ากระโดดลงไปก่อนหน้านี้ ข้าอยากรู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไรหากสิ้นลมแล้วก็อยากจะเห็นร่างด้วยตาตนเอง ขาปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้หรอก” เยี่ยฉวนตอบตามตรง ในยามนี้เขาอ่าน ความคิดชายชุดคลุมสีครามผู้นี้ไม่ออกเลยในขณะที่อีกฝ่ายดูเหมือนมองเขาทะลุปรุโปร่งราวกับมีเคล็ดวิชาเนตรสวรรค์ในตํานาน
อาวุโสลําดับเจ็ดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกแผ่วเบา “อาจเป็นความคิดที่ไม่เลว หากอยากรู้ก็กระโดดลงไปเสียต่อให้ไม่ใช่วันนี้เจ้าก็ต้องลงไปในสักวันอยู่ดี”
“กระโดดลงไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?” เยี่ยฉวนตกตะลึง
ในคราแรกเขาคิดว่าอาวุโสลําดับเจ็ดจะห้ามทุกวิถีทางไม่ให้เขากระโดดลงไปและเตือนว่าอย่าหุนหันพลันแล่นนัก ผู้ใดจะคาดคิดว่าเขาจะยุยงให้กระโดดลงไปเช่นนี้? เขาไม่รู้ถึงอันตรายของหุบเขามังกรปีศาจหรือความอันตรายของหุบ เขามังกรปีศาจไม่น่าเกรงกลัวสําหรับเขากันแน่?
“อืม ง่ายดายเช่นนี้แหละ”
อาวุโสลําดับเจ็ดเอ่ยคําเบาอีกครั้ง “ท่ามกลางหมอกโลหิตหนาทึบจะมีหินงอกบนหน้าผาทุกๆหนึ่งร้อยเมตรให้เจ้าเหยียบย่างไปได้เมื่อครบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าก้าวจะถี งก้นเหวพอดีข้างใต้นั้นมีโลกใต้ดินถึงเก้าชั้น หมอกโลหิตจะ เบาบางลงทุกคืนพระจันทร์เต็มดวงก่อนรุ่งสางช่วยให้เจ้ามองเห็นทางได้ชัดเจนขึ้น”
“ท่านอาวุโสลําดับเจ็ด… หมายความว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมงั้นหรือ?” เยี่ยฉวนถามขึ้นทันทีเมื่อพบว่าคืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง!
คอมเม้นต์