Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 169 สํานักหุ่นกระบอก
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 169 สํานักหุ่นกระบอก
มีดวงวิญญาณของอสูรร้ายไร้เทียมทานพํานักอยู่ในดินแดนอันน่าสะพรึงกลัวแห่งนี้
เยี่ยฉวนเผยสีหน้าตึงเครียดขณะโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ ทั้งสามภายในร่างและรีบถอยห่างออกมาทันที
“ริ้ว”
ส่วนหางของอสูรนิรนามตวัดถากปลายจมูกของเยี่ยฉวนก่อนฟาดลงกับพื้น หินก้อนใหญ่และโครงกระดูกที่กองอยู่ในรัศมีสิบเมตรพลันแตกร้าวทันใด!
ทรงพลังยิ่ง!
“นี่มัน… สัตว์อสุรกายอายุหมื่นล้านปีอย่างนั้นหรือ?
เยี่ยฉวนหันหลังหนีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เสียงคํารามเกรี้ยวกราดดังตามออกมาจากถ้ําลึก หางอันน่าสยดสยองค่อยๆ หดกลับเข้าไป
อุโมงค์ใหญ่อันน่าหวาดหวั่นค่อยๆเลือนหายไปในหมอกโลหิตหนาทึบ หลังวิ่งมาได้ครู่หนึ่ง เยี่ยฉวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางเอื้อมมือไปแตะปลายจมูกชุ่มเลือด หากเมื่อครู่ตอบสนองช้ากว่านี้เพียงนิด จมูกของเขาคงป่นปี้ไปแล้ว
“หุบเขามังกรปีศาจ… หรือว่า จะมีมังกรโบราณอันทรงพลังถูกจองจําอยู่ที่นี่จริงๆ? หรือพวกมันมีมากกว่าหนึ่งกันนะ?”
เยี่ยฉวนพึมพํากับตนเองด้วยความตกตะลึงและคาด หวังอยู่ในใจ
ในชาติที่แล้วยามเยี่ยฉวนยังเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ ดวงวิญญาณชั่วร้ายหรืออสุรกายทรงพลังล้วนแต่ต้องยอมสยบต่อเขา ชายหนุ่มจึงดูถูกเหยียดหยามดินแดนรกร้างว่าไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่รู้ ทว่าบัดนี้เขากลับรู้สึกเป็นสุขเมื่อพบว่ายังมีปริศนาที่ไขไม่ออกหลงเหลืออยู่ เพราะการถูกกักขังอยู่ในสุสานเทพเจ้าหลายล้านปีทําให้ไม่รับรู้ความเป็นไปของโลกภายนอก
ตํานานเล่าขานว่ามีมังกรโบราณถูกจองจําอยู่ในหุบเขามังกรปีศาจ พวกมันมีพลังมหาศาลจนผู้คนต่างหวาดกลัว หากเขาสามารถใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ขัดเกลามังกรตนนี้จนเชื่องได้ จะไม่กลายเป็นยอดปรมาจารย์ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าหรอกหรือ?
เยี่ยฉวนสนอกสนใจหุบเขามังกรปีศาจขึ้นมาทันที ขณะที่กําลังครุ่นคิดอยู่นั้นพลันเกิดเสียงแตกร้าวใต้ฝ่าเท้าราวกับเผลอลงบนกิ่งไม้แห้ง แต่สัมผัสที่ได้รับกลับแตกต่างออกไป มิหนําซ้ํายังได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาของเด็กอีกด้วย!
“เอ๊ะ…”
เยี่ยฉวนตื่นขึ้นจากภวังค์ เมื่อก้มลงมองจึงพบศีรษะเล็กที่ปกคลุมด้วยผมสีดําอยู่ใต้ฝ่าเท้า… ซากศพของเด็ก! หมอกโลหิตที่กันหุบเขามีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงจนศพอื่นๆเหลือเพียงโครงกระดูก แต่น่าแปลกที่ศพของเด็กคนนี้ไม่บุบสลายแม้แต่ปลายผม!
เยี่ยฉวนยกร่างของเด็กคนนี้ขึ้นมาพินิจดูด้วยความแปลกใจ จากนั้นจึงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องให้ดี
ปรากฏว่านี่ไม่ใช่ซากศพของเด็ก… หากแต่เป็นหุ่นกระบอกตัวเล็ก! ดวงตาของมันเป็นสีดําเช่นเดียวกับเส้นผม หากแต่เป็นประกายแวววาวยิง จมูก ปาก และหู มีขนาดเล็กบนใบหน้ากลมยัยแลดูน่ารัก เครื่องหน้า ผิว หรือแม้แต่รอยยิ้มสดใสนั้นเสมือนมีชีวิต เขานึกสงสัยว่ามันทํามาจากวัสดุใดจึงต้านทานการกัดกร่อนของหมอกโลหิตได้เช่นนี้
“ตุ๊กตาน่ารักจริงเชียว… มาอยู่ที่นี้ได้อย่างไรกัน? ศิษย์หญิงที่ละเมิดกฎสํานักเมื่อหลายปีก่อนถูกเนรเทศมาที่นี่พร้อมกับตุ๊กตาตัวนี้หรือ? หรือมีศิษย์หญิงพลัดตกลงมาพร้อมกับมันกันนะ?
เยี่ยฉวนมองดูตุ๊กตาหุ่นกระบอกอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าหุ่นกระบอกตัวเล็กน่ารักน่าเอ็นดูนี้เป็นสมบัติที่เจ้าของหวงแหนยิ่ง คนผู้นั้นคงถูกหมอกโลหิตกัดกร่อนจนเหลือเพียงโครงกระดูกและหายไปท่ามกลางซากศพนับไม่ถ้วน ทว่าหุ่นกระบอกตัวนี้ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“กรุ้งกริ้ง!” เสียงหัวเราะของเด็กและเสียงกระดิ่งลมดังขึ้นอีกครั้ง!
เยี่ยฉวนตื่นจากภวังค์และหันหลังกลับทันควัน
ทว่ากลับพบเพียงหมอกโลหิตหนาทึบเท่านั้น… เขากวาดสายตามองรอบตัวอีกครั้งก็ยังไร้วี่แวว พร้อมเสียงกระดิ่งลมที่ค่อยๆหยุดลง
สภาพแวดล้อมโดยรอบว่างเปล่าปราศจากสิ่งผิดปกติ เพียงแต่หมอกโลหิตที่ปกคลุมอยู่นั้นหนาขึ้นและความรู้สึกเจ็บแปลบจากแรงกดดันในอากาศก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกือบสองชั่วยามล่วงไปแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องไปจากที่นี่เสียที
“พิลึกจริง
ข้าคงคิดไปเอง”
เยี่ยฉวนขมวดคิ้วพึมพํากับตนเอง
หากได้ยินเสียงหัวเราะเพียงครั้งเดียวคงนึกว่าหูแว่ว แต่การได้ยินถึงสองครั้งนั้นชักไม่ชอบมาพากล!
เยี่ยฉวนสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์พลางกวาดตามองโดยรอบอย่างถี่ถ้วนอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนตั้งท่าหนีไปจากสถานที่สยดสยองวังเวงแห่งนี้โดยเร็ว ฉับพลันเกิดแสงอ่อนจางสาดส่องมาที่ดวงตาของเขา ชายหนุ่มยืนนิ่งแสร้งว่าไม่เห็นสิ่งใดพลางใช้หางตาชําเลืองมองรอบตัว แต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าแสงนั้นมาจากข้างกายของเขา!
มันคือแสงของใบมีด!
รอยยิ้มของเจ้าตุ๊กตาหุ่นกระบอกยังคงดูน่ารัก…. เสียแต่มือเล็กของมันเอื้อมไปซักกริชยาวสามนิ้วออกมาจากอกตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบ! ใบมีดนั้นมีขนาดเล็กทว่าเปล่งประกายด้วยความคมกริบอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่ชุดเกราะหนักอึ้งยังต้านไว้ไม่อยู่!
นี่ไม่ใช่ตุ๊กตาหุ่นกระบอก หากแต่เป็นวิญญาณชั่วร้าย วิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งอย่างหาตัวจับยาก!
เยี่ยฉวนขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง บัดนี้ตุ๊กตาหุ่นกระบอกแลดูน่าสยดสยองราวกับจอมมารที่ซ่อนใบมีดพร้อมเชือดไว้ เบื้องหลังรอยยิ้มหวานปานน้ําผึ้ง
“ตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวนี้มาทําสวรรค์วิมานอะไรที่นี่?!”
มีคนโยนทิ้งในหุบเขาหรือคลานมาที่นี่เองกันแน่?!
เยี่ยฉวนสับสนุนงงแต่ไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว กระดิ่งลมในมือสั่นอย่างรุนแรง
ฉับพลันตุ๊กตาหุ่นกระบอกยกกริชจ้วงแทงเข้าที่ท้องของเยี่ยฉวนอย่างดุดัน!
หน้าท้องของเยี่ยฉวนยุบลงทันทีเพราะสายลมรุนแรง เพียงแค่สายลมกระโชกแรงจากการจ้วงแทงก็สามารถฉีกเกราะธรรมดาได้โดยไม่ต้องแทงทะลุเสียด้วยซ้ํา! พลังของมันน่าเกรงขามยิ่ง หากไม่ใช่เยี่ยฉวนที่มีร่างกายแข็งแกร่งเป็นพิเศษคงทะลุร่างเป็นรูโหว่ไปแล้ว!
พลังในระยะใกล้เทียบเท่าการฟาดหางของอสุรกายในถ้ําเมื่อครู่ การโจมตีของตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวนี้รุนแรงถึงตาย!
แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ายังตั้งรับการโจมตีนี้ไม่ไหวและอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส นับประสาอะไรกับผู้ฝึกตนขั้นซิวฉือ หากใบมีดเล่มนี้อาบยาพิษ ตุ๊กตาหุ่นกระบอกนี้จะกลายเป็นมือสังหารที่น่ากลัวที่สุดในยุทธภพเลยก็ว่าได้
เยี่ยฉวนหลบหลีกการโจมตีของตุ๊กตาหุ่นกระบอกอย่างว่องไว โชคดีที่เขาอ่านการโจมตีอันแปลกประหลาดและกะทันหันของอีกฝ่ายได้ทันเวลาจึงเตรียมตั้งรับล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี
“ฮิๆๆ พ่อหนุ่มน้อย ตอบสนองได้เร็วดีนี่!”
ตุ๊กตาหุ่นกระบอกมองดูเยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกล่าวออกเสียงแหบแห้ง แม้ใบหน้าจะดูงดงามและอ่อนโยนเป็นที่รักใคร่ของผู้พบเห็น ทว่ามันกลับเป็นอสุรกายเฒ่าโดยแท้! ความหยิ่งผยองของมันฉายชัดทันที่ที่อ้าปากพูด “หากเจ้าฉลาดพอก็คุกเข่านับถือข้าเป็นนายและพาข้าออกไปจากที่นี่เสีย! รับใช้ข้าอย่างเหมาะสมแล้วข้า เฮยกุ้ย จะถ่ายทอดเคล็ดวิชาชั้นเลิศของสํานักหุ่นกระบอกให้แก่เจ้า และให้เจ้าได้เป็นปรมาจารย์หุ่นกระบอกผู้ยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้น ข้าจะดูดเลือดเจ้าให้หมดตัวจนเป็นวิญญาณอาฆาตเฝ้าหุบเขามังกรปีศาจซะ! ฮิๆๆ”
ออร่ามืดมนและหนาวเหน็บราวฝนพรํายามราตรีปะทุออกจากร่างของตุ๊กตา หมอกโลหิตโดยรอบแข็งตัวด้วยแรงกดดัน อุณหภูมิลดลงฉับพลัน… ก้นหุบเหวมังกรปีศาจลึกลับกลายเป็นถ้ําน้ําแข็งที่ไม่มีวันละลายแม้ผ่านไปนับพันปี!
คอมเม้นต์