Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 171 อาณาเขต โบราณ
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 171 อาณาเขต โบราณ
เยี่ยฉวนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลราวกับถูกหินก้อนใหญ่กดทับ
สายลมพัดกระโชกแรงขณะที่หมอกลงหนาขึ้นเรื่อยๆ
ชายหนุ่มรู้สึกอ่อนแรงตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับว่าหมอกโลหิตได้กัดกร่อนกระดูกจนปวกเปียก และละลายกลายเป็นแอ่งเลือด!
นี่คือพลังของอาณาเขตโบราณ
หมอกโลหิตไม่ใช่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในหุบเขามังกรปีศาจหากแต่เป็นอาณาเขตโบราณนี้ต่างหาก!
แรงกดดันจากอาณาเขตโบราณไม่อาจทําลายได้ แม้แต่ปรมาจารย์ชั้นเลิศที่มีร่างกายแกร่งกล้า ก็ตายอย่างไม่ต้องสงสัย หากถูกหมอกโลหิตกัดกร่อนเช่นนี้!
เยี่ยฉวนตื่นกลัวเมื่อรู้ซึ้งถึงความสยดสยองที่แท้จริงของหุบเขามังกรปีศาจ!
ในบรรดาศิษย์ที่ถูกเนรเทศมายังหุบเขามังกรปีศาจตลอดหลายล้านปีอาจมียอดฝีมือที่สามารถต้านทานฤทธิ์การกัดกร่อนของหมอกโลหิตได้ แต่อาณาเขตโบราณจะทําให้พวกเขาไร้ทางหนีและต้องกลายเป็นโครงกระดูกในหุบเหวแห่งนี้!
“นายท่าน เร็ว! เร็วเข้า เรีบหนีไปจากที่นี่! อาณาเขตโบราณยังก่อตัวไม่สมบูรณ์ หากเสียเวลามากกว่านี้จะสายเกินไปนะขอรับ!”
เสียงของตุ๊กตาหุ่นกระบอกดังขึ้นในโสตประสาท พลังงานมหาศาลไหลหลั่งเข้ามาในร่างของเยี่ยฉวน
ตาเฒ่าเฮยกุ๋ยในร่างตุ๊กตาละล่ําละลักเตือนเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของหุบเขาปีศาจ เขาพยายามช่วยเยี่ยฉวนแม้จะต้องสูญเสียพลังงานชีวิตก็ตาม ความเป็นความตายของทั้งสองเชื่อมโยงกันนับตั้งแต่วินาทีที่เยี่ยฉวนขัดเกลาเขาให้เชื่องด้วยเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ พลังชีวิตของเยี่ยฉวนจะเสียหายอย่างรุนแรงหากเฮยกุ๋ยตาย ในขณะที่ดวงจิตของเฮยกุ๋ยจะต้องแตกสลายหากเยี่ยฉวนสินชีพ!
เกิดเสียงแตกร้าวในร่างกายของเยี่ยฉวน
อาณาเขตโบราณก่อให้เกิดแรงกดดันมหาศาล แต่เยี่ยฉวนค่อยๆต้านทานได้ที่ละน้อย เขาโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์อย่างบ้าคลั่งเพื่อฝืนทนแรงจากอาณาเขตและ หมอกโลหิต
หมอกโลหิตปั่นป่วนดุจกระแสน้ําวน สรรพสิ่งในก้นหุบเขามังกรปีศาจม้วนตัวและถูกบดขยี้ เสียงระฆังไพเราะดังแว่วจากใต้พิภพฟังดูเก่าแก่ราวกับเดินทางผ่านกาลเวลามา จากโลกที่สูงส่งกว่าสวรรค์พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนกึกก้อง พร้อมเสียงคํารามเกรี้ยวกราดและเสียงโหยหวนระทมทุกข์ที่เปลี่ยนโลกใต้พิภพเก้าชั้นให้เป็นนรกในตํานาน!
“วิ่ง! อาณาเขตจะสมบูรณ์เมื่อระฆังดังครบเก้าครั้ง ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นมหาปราชญ์ก็ต้องกลายเป็นกองเลือด! วิ่ง เร็วเข้า!”
เฮยกุ๋ยตะโกนเสียงพร่าด้วยความกังวลและตื่นตระหนก ขณะถ่ายโอนพลังงานให้เยี่ยฉวนอย่างมหาศาล
ในที่สุดดวงจิตเฒ่าก็ได้พบกับเยี่ยฉวนผู้เป็นความหวังในการออกจากหุบเขามังกรปีศาจหลังรอคอยมานานหลายหมื่นปี หากเยี่ยฉวนหนีออกไปไม่ได้ดวงจิตของเขาก็คงถึงคราวแหลกสลาย แม้แต่เคล็ดวิชาหุ่นกระบอกอันลึกลับเหนือความคาดเดาก็เปล่าประโยชน์!
“อ๊าก!” เยี่ยฉวนขบกรามแน่นก่อนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาคํารามก่อนกระโดดพุ่งขึ้นไปอย่างสุดกําลัง!
หมอกโลหิตเข้าปกคลุมทุกซอกทุกมุมของหุบเขามังกรปีศาจจนมืดมิดและมองไม่เห็นแม้แต่มือของตนที่อยู่ตรงหน้า แล้วนับประสาอะไรกับขั้นบันไดหินที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร!
ดวงตาของเยี่ยฉวนมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากหมอกโลหิตหนาทึบ แต่ความทรงจําอันยอดเยี่ยมและความแม่นยํา ในทิศทางทําให้เขารู้ตําแหน่งขั้นบันไดหิน ชายหนุ่มกระโดดเหยียบหน้าผาขึ้นไปเรื่อยๆ จนนิ้วมือข้างซ้ายเอื้อมถึงหินขั้นที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้าในจังหวะที่เกือบร่วงหล่นเพราะแรงกดดันจากอาณาเขตโบราณพอดิบพอดี ก่อนจะออกแรงดึงตัวเองขึ้นไปบนก้อนหินใหญ่
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง
ระฆังใบที่สองดังขึ้นกว่าเดิมทั้งที่เสียงแรกยังคงก้องกังวานอยู่ในหุบเขาพร้อมแรงกดดันจากอาณาเขตโบราณที่ทวีคูณยิ่งขึ้น!
“เหลืออีกเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น!” น้ําเสียงร้อนรนของเฮยกุ๋ยดังแว่วขึ้นในหัวเยี่ยฉวนอีกครั้ง
เขาคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้ดีหลังติดอยู่ในหุบเขามังกรปีศาจกว่าเจ็ดหมื่นปี
เจ็ดหมื่นปี เจ็ดหมื่นปีเต็ม!
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเห็นเหล่ายอดฝีมือและปรมาจารย์นับไม่ถ้วนต้องตายตก ณ หุบเขาแห่งนี้ ร่างกายแข็งแกร่งกลับกลายเป็นกองเลือด… ดวงจิตของปรมาจารย์อนาคตไกลต้องแตกสลาย… บางคนกระโดดไปได้มากกว่าเก้าร้อยก้าวและเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะพบแสงสว่างภายนอกอีกครั้ง ทว่าเป็นก้าวเดียวที่พวกเขาไม่มีวันไปถึง…
เยี่ยฉวนกระโดดต่อเนื่องด้วยความเร็วอันน่าทึ่งราวกับมีสปริงติดอยู่ที่ขา เขาเคลื่อนที่ไกลออกไปจากก้นบึงหุบเหวก้าวแล้วก้าวเล่า
เขาจะต้องตายกลายเป็นโครงกระดูกที่ก้นหุบเหวมังกรปีศาจหากหนีออกไปไม่สําเร็จ โดยไม่มีโอกาสสิงร่างตุ๊กตาหุ่นกระบอกเหมือนดวงจิตของเฮยกุ๋ยเสียด้วยซ้ํา
เยี่ยฉวนพร้อมเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่าง เขากําลังแข่งกับเวลาท่ามกลางแรงกดดันจากอาณาเขตโบราณและหมอกโลหิตที่กัดกร่อน!
เมื่อครั้งที่เขากระโดดลงจากลงจากปากเหวมังกรปีศาจ แรงโน้มถ่วงและแรงเฉื่อยทําให้เยี่ยฉวนเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วของเขาในตอนนี้กลับเร็วยิ่งกว่า! เขาใช้พละกําลังทั้งหมดในร่างส่งแรงที่ขา บางครั้งก็กระโดดข้ามหินไปหลายขั้นในคราเดียว
เสียงระฆังดังก้องไม่หยุดหย่อนพร้อมแรงกดดันถึงตาย!
“เหลืออีกเพียงห้าครั้งเท่านั้น!”
“เร็วเข้า! เหลืออีกเพียงสี่ครั้ง!”
ดวงจิตของเฮยกุ๋ยในโคมบงกชสีครามหวาดกลัวสุดขีด ยิ่งเสียงระฆังดังมากเท่าใดน้ําเสียงของเขาก็ยิ่งตื่นตระหนกมากเท่านั้น
เยี่ยฉวนต้องกระโดดข้ามขั้นหินเกือบพันเพื่อหนีออกจากหุบเขามังกรปีศาจภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เฮยกุ๋ยไม่อาจทําได้แม้อยู่ในร่างเดิม แล้วเยี่ยฉวนเล่า? เขาจะสามารถทําสําเร็จด้วยขั้นซิวฉือระดับสองได้จริงหรือ?!
เฮยกุ๋ยยังคงหวังสุดหัวใจให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น แต่เคราะห์ร้ายที่มันไม่เกิดขึ้นกับเยี่ยฉวน ความพยายามของเขาเปล่าประโยชน์ เสียงระฆังครั้งที่แปดดังขึ้นขณะที่เขาอยู่ห่างจากปากเหวมังกรปีศาจราวสามร้อยก้าว การกระโดดข้ามหินสามร้อยกว่าขั้นภายในชั่วอึดใจเดียวเป็นได้เพียงความฝันลมๆแล้งๆ!
“เฮ้อ… ไอ้หนู เจ้าทําให้ข้าต้องตาย ข้าไม่เคยคิดว่าต้องมาตายในหุบเขามังกรปีศาจเลยจริงๆ รอมาถึงเจ็ดหมื่นปีก็ยังพบจุดจบแบบเดิมอีกหรือนี่! ข้าไม่อยากตาย ข้ายังไม่อยากตาย..”
เฮยกุ๋ยคร่ําครวญ เขาหยุดออกปากเร่งเยี่ยฉวนและหันมาปลงตกกับชีวิต
ดวงจิตเฒ่าต้องประสบกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส ตลอดเจ็ดหมื่นปีแห่งการรอคอยแต่ก็ยังพบกับจุดจบเช่นเดิม ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
หุ่นกระบอกในโคมบงกชสีครามยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าดวงตากลับทอแสงสีเขียวน่าสยดสยองและแผ่ปราณปีศาจอันชั่วร้ายออกจากร่าง เขาชักกริชออกมาฆ่าวัวปีศาจนัยน์ตาอสูรที่อยู่ข้างๆ เพื่อบันดาลโทสะจนฝูงวัวที่เหลือวิ่งหนีด้วยความกลัว แม้แต่จักจันทองคําหกปีกยังต้องหลบซ่อน
เหลือเพียงชั่วอึดใจเดียว
หรือเยี่ยฉวนจะต้องสิ้นวันนี้?
ไม่มีทาง!
สีหน้าของเยี่ยฉวนเคร่งเครียดและไม่แยแสเสียงคร่ําครวญของเฮยกุ๋ย เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมอกโลหิตก่อนโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์และสั่นกระดิ่งลมในมืออย่างบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มหวนนึกถึงคําพูดปริศนาของอาวุโสลําดับเจ็ดในช่วงเวลาคอขาดบาดตาย!
“กรุ้งกริ้ง! กรุ้งกริ้ง!” เสียงกระดิ่งลมพลันก้องกังวานขึ้นในหุบเขามังกรปีศาจ!
คอมเม้นต์