Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 174 บทเพลงแห่งภูตทะเล

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 174 บทเพลงแห่งภูตทะเล อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 174 บทเพลงแห่งภูตทะเล

 

ใบหน้างดงามของสตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซี่ยแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยความโกรธและอับอายยิ่ง!

ประโยคที่ว่าตุ๊กตาตัวนี้เป็นของขวัญสําหรับเจ้าทําให้นางไม่สบอารมณ์ยิ่ง! นําสิ่งของได้มูลค่าเพียงชิ้นเดียวมาแลกกับสมบัติล้ําค่า การกระทําเช่นนี้ถือเป็นการเอาเปรียบกันซึ่งหน้าชัดๆ!

 

“ข้าอุตส่าห์ให้คนจัดทําขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเจ้าเชียวนะ! ไม่ชอบหรือ?!”

 

เยี่ยฉวนถอนหายใจพร้อมยื่นตุ๊กตาหุ่นกระบอกไปตรงหน้าของสตรีพรหมจรรย์หงจือเซี่ยก่อนกล่าวออกด้วยน้ําเสียงจริงใจ “สาวน้อยจื่อเซี่ย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ประทับใจในตัวข้า และรู้ด้วยว่าเจ้าไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ในสํานักหมอกเมฆานานเกินไป แต่ข้าเองก็ได้หนทางอื่น…สํานักหมอกเมฆาตกอยู่ในสภาวะวิกฤต มีเพียงเตาหลอมระดับสวรรค์เท่านั้นที่จะช่วยให้รอดพ้น วางใจเถิด หากภารกิจจากองค์จักรพรรดิสําเร็จข้าจะส่งคืนให้เจ้าโดยเร็ว”

“หึ! ทําขึ้นเพื่อข้าเป็นพิเศษกระนั้นรึ? จ้างก็ไม่เชื่อหรอก!”

หงจื่อเซี่ยพ่นลมหายใจแรง ครั้นพินิจตุ๊กตาตรงหน้าอีกครั้งก็พึงใจมันไม่น้อยตามนิสัยอิสตรี

ตุ๊กตาหุ่นกระบอกนี้มีพื้นผิวสีขาวนวลตา เส้นผมสีดําสนิท ดวงตาสุกสว่าง ปากนิดจมูกหน่อย พวงแก้มจิ้มลิ้มมีลักยิ้มปุ่มเข้าไปเล็กน้อย ลักษณะโดยรวมเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและน่ารักน่าชัง จริงอยู่ที่ตามท้องตลาดอาจมีหุ่นกระบอกวางจําหน่ายเกลื่อนกลาด แต่ตุ๊กตาที่แกะสลักลวดลายเช่นนี้พบเห็นได้ยากนัก เยี่ยฉวนผู้นี้ช่างใส่ใจรายละเอียดเสียจริง!

 

ยิ่งนางมองดูตุ๊กตาตรงหน้านานเพียงใดความเอ็นดูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ในที่สุดจึงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของมันแผ่วเบา ทั้งยังหยิกแก้มมันหลายครั้งด้วยความมันเขี้ยว

หญิงสาวกําลังพึงใจตุ๊กตาหุ่นตัวนั้นอย่างที่สุด ทว่าวิญญาณร้ายเฮยกุ่ยที่สิงสถิตอยู่ภายในกลับเอาแต่คร่ําครวญในใจอย่างเศร้าโศก ภพชาติก่อนหน้าเขาเคยเป็นยอดฝีมือแห่งสํานักหุ่นกระบอกผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ทั้งยังกวาดล้างศัตรูในดินแดนรกร้างมาหลายชั่วอายุคนอํานาจที่ยิ่งใหญ่ทําให้เขามีสตรีงามคอยคลอเคลียไม่ห่างเรือนร่าง ระหงถูกเขาลูบไล้มานับไม่ถ้วน ทว่าภพชาตินี้เขากลับถูกสตรีดึงแก้มและกอดรัดราวเป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็กๆตัวหนึ่ง ความรู้สึกเช่นนี้ทุกข์ทรมานกว่าการติดอยู่ในก้นเหวมังกรปีศาจนานเจ็ดหมื่นปีเสียอีก!

 

จบเห่แล้ว! หลังจากนี้ไม่รู้ว่าเขาจะต้องพบเจอกับเรื่องราวน่ากระอักกระอ่วนเช่นนี้อีกกี่ครั้ง!

 

เฮยกุ้ยรู้สึกท้อแท้จนร้องไห้โดยไร้น้ําตาขณะเกิดลางสังหรณ์ว่า ในอนาคตตนคงถูกเยี่ยฉวนสั่งการจนต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีกหลายครั้งเป็นแน่

หากเขารู้ว่าอนาคตจะต้องพบเจอกับสิ่งใด คงเลือกร่างสิงสถิต เป็นสัตว์อสูรที่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ ไม่ใช่ตุ๊กตาหุ่นกระบอกแข็งที่อเช่นนี้ต่อให้มันจะแข็งแกร่งกว่าร้อยเท่าพันเท่าก็ตาม ขณะที่หงจื่อเซี่ยกอดตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม่ปล่อย เขาทําได้ เพียงจํายอมโดยไม่อาจเปล่งเสียงต่อต้าน และไม่รู้ว่าเมื่อไรเหตุการณ์นี้จึงจะสิ้นสุด!

 

โกรธก็แสนโกรธ..คับข้องใจก็แสนคับข้องใจ ทว่าเฮยกุ้ยไม่สามารถทําสิ่งใดได้แม้แต่ขยับตัวและจํายอมทําตามคําสั่งของเยี่ยฉวนเท่านั้น ส่วนชายหนุ่มใช้ช่วงจังหวะที่หงจื่อเซี่ยไม่สนใจลอบหยิบขวดโหลขนาดเล็กออกจากอกเสื้อพลางเปิดจุกขวดและเทโอสถเหลวลงบนพื้นอย่างเงียบเชียบ

แม้สตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซี่ยระแวงทุกการกระทําของเยี่ยฉวน แต่เมื่ออยู่กับตุ๊กตาหุ่นกระบอกหน้าตาจิ้มลิ้มตัวนั้นนางกลับเลิกสนใจทุกสิ่งรอบข้าง ไม่เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่าตุ๊กตาตัวน้อยมีอีกชีวิตอันร้ายกาจแฝงอยู่ภายใน

“ตราบใดที่เจ้าชอบมัน….คําพูดของข้าจะเท็จหรือจริงก็ไม่สลักสําคัญอันใด สาวน้อยจื่อเซี่ย หากเจ้าอยู่ที่สานักหมอกเมฆาต่อ นานวันเข้าเจ้าอาจหลงรักที่นี่เข้าก็เป็นได้ สํานักหมอกเมฆาให้อิสระในการดํารงชีวิตของศิษย์ทุกคน อีกทั้งกฎระเบียบข้อบังคับยังผ่อนปรนกว่าสํานักอสูรเมฆามากนัก” น้ําเสียงและกิริยาที่แสดงออกของเยี่ยฉวนเต็มเปี่ยมด้วยความจริงใจ ทว่าอีกมุมหนึ่งเขาลอบยกนิ้วโป้งชื่นชมตุ๊กตาหุ่นกระบอกเฮยปุย ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตุ๊กตานั้นไร้พิษสงกว่าจักจั่นทองคําหกปีกเสียอีก แม้การลงไปสํารวจยังก้นเหวมังกรปีศาจจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่ผลลัพธ์ที่เขาได้รับกลับน่าพึงใจไม่น้อย

 

“ฮึ่ม! กล้าดีอย่างไรจึงยกสํานักหมอกเมฆาต่ําต้อยของเจ้ามาเปรียบกับสํานักอสูรเมฆาของข้า!?”

สตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซี่ยหันขวับกลับมามองพลางตวาดด้วยน้ําเสียงแข็งกระด้าง จากนั้นจึงวางตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่อุ้มอยู่ลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี นางลดระดับเสียงลงก่อนกล่าวต่อ “คืนเตาหลอมระดับสวรรค์ให้ข้าเสียโดยดีเถิด ข้าจะเดินทางไปยังเมืองหลวง และช่วยเจ้าปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิแห่งต้าฉิน จากนี้สํานักของเจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับภารกิจอันน่ากดดันนี้อีกต่อไปว่าอย่างไร?!”

สิ้นคําต่อรองจิตสังหารอันแรงกล้าแผ่ออกจากร่างของหงจื่อเซี่ยทันที!

 

เยี่ยฉวนได้ยินเช่นนั้นจึงมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาตกตะลึง!

ไปยังเมืองหลวงและปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิแห่งต้าฉันงั้นรึ?!

 

สตรีนางนี้ช่างบ้าบินเสียจริงที่กล้าคิดกระทําการใหญ่! จิตสังหารที่ทวีความรุนแรงเช่นนั้นส่งเสริมให้นางดูคล้ายจอมยุทธ์ยอดมือสังหารมากกว่าว่าที่องค์ราชินีแห่งเผ่าอสูรเสียอีก! ลําพังหญิงสาวเพียง นางเดียวไม่อาจทําสิ่งนั้นได้โดยง่าย แต่ถ้านางผนึกกําลังกับวิญญาณร้ายเฮยกุ้ยที่สิงสถิตอยู่ในตุ๊กตาตัวนั้นล่ะ?

 

ภาพเหตุการณ์หนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงจินตนาการของเยี่ยฉวนอย่างฉับพลัน!

 

ณ ถนนใหญ่ในเมืองหลวงที่คลาคล่ําไปด้วยผู้คนและร้านรวงต่างๆ กองทัพทหารแห่งจักรวรรดิต้าฉันกําลังยาตราทัพผ่านมาจากทางหนึ่ง ส่วนอีกทางหนึ่งมีสตรีรูปงามค่อยๆ เยื้องย่าง…ในอ้อมแขนมี ตุ๊กตาหุ่นกระบอกหน้าตาน่ารัก ทว่าทันทีที่ขบวนทหารแห่งจักรวรรดิต้าฉินเคลื่อนผ่านนาง รถม้าทั้งหมดพลันพลิกคว่ําเทกระจาด อาวุธสังหารล้ําค่ากระเด็นลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างไร้ความสง่างาม!

 

ไม่นานนักเขาจึงสลัดภาพจินตนาการเหล่านั้นทิ้งไปด้วยตระหนักดีว่าคงยากที่จะเกิดขึ้น!

การลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิแห่งต้าฉันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญ แต่ขึ้นอยู่กับทักษะความสามารถว่าจะทําได้จริงหรือไม่ สตรีพรหมจรรย์นางนี้กล้าได้กล้าเสีย ทั้งยังประพฤติตนอยู่ เหนือกฎเกณฑ์ทั้งมวล วาจาที่เอื้อนเอ่ยไพเราะนุ่มนวลทว่าเด็ดขาด ถึงกระนั้นก็ยังขาดความรอบคอบโดยสิ้นเชิง

องค์จักรพรรดิแห่งต้าฉันคือใคร?!

พระองค์ทรงเป็นประมุขสูงสุดแห่งจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นผู้นําสูงสุดแห่งราชวงศ์ที่ปกครองทวีปอัคคีสวรรค์ ไม่อาจทราบได้ว่าทรงมีกองทัพทหารที่มากความสามารถรวมถึงบรรดายอดฝีมืออยู่ในมือกี่ราย ต่อให้สํานักผู้ฝึกตนทุกสํานักรวมตัวกันยังไม่สามารถเข้าใกล้พระองค์ได้แม้แต่ครึ่งก้าว ดังนั้นคํากล่าวจึงมีน้ําหนักน้อยกว่าการลงมือกระทํา แผนลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิของสตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซี่ยอาจล้มเหลว แต่หากนางยอมเปิดเผยฐานะที่แท้จริงไม่แน่ว่าอาจได้รับการยกเว้น ทว่าสํานักอสูรเมฆาของนางจะต้องถูกกําจัดจนสิ้นซากอย่างแน่นอน! ความเดือดร้อนย่อมกระทบไปถึงราชินีอสูรเกศาขาวและศิษย์ร่วมสํานักที่เป็นผู้บริสุทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ว่าอย่างไรล่ะเยี่ยฉวน?! เจ้าคงไม่กล้าสินะ!” หงจื่อเซื่ยถามย้ําอีกครั้งขณะรอคอยคําตอบอย่างจดจ่อ

 

“สาวน้อยจื่อเซี่ยคงล้อเล่นกระมัง ผองเราเป็นผู้ฝึกตน..จะเข้าไปข้องเกี่ยวทางโลกได้อย่างไร?! การปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิถือเป็นเรื่องใหญ่และอาจนําพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงอันใหญ่ยิ่ง! ผสกนิกรจะตกทุกข์ได้ยาก อีกทั้งภัยพิบัติและหายนะต่างๆ อาจคืบคลานมาถึงเราอย่างยากจะหลีกเลี่ยง!” เยี่ยฉวนออกปากเตือนด้วย

รอยยิ้ม

แววตาหงจื่อเซี่ยวูบไหวเมื่อไตร่ตรองตามคําพูดของเขาและไม่คาดคั้นเอาคําตอบอีกต่อไป ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าเยี่ยฉวนจะมองการณ์ไกลถึงเพียงนี้ ทันใดนั้นจมูกของนางขยับเล็กน้อยเมื่อสัมผัสบางสิ่งที่แปลกประหลาด “เอ๊ะ! นี่คือกลิ่นอะไรหรือ?”

 

หงจื่อเซี่ยที่เอาแต่ครุ่นคิดวางแผนว่าจะพูดหว่านล้อมอย่างไรให้เยี่ยฉวนยอมส่งเตาหลอมระดับสวรรค์คืนโดยราบรื่นจนไม่สังเกตสิ่งผิดปกติรอบข้าง สูดดมกลิ่นหอมหวานที่อบอวลไปทั่วถ้ํามืดอย่างไร้ที่มาเข้าไปจนเต็มปอด ความตื่นตระหนกก่อตัวขึ้นในหัวใจโดยพลัน! ทว่านางยังไม่ทันได้ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงเพลงหนึ่งกลับดังขึ้นจากบริเวณนอกถ้ําพร้อมกับเสียงกรอบแกรบราวมีบุคคลที่สามกําลังเดินผ่านมา!

บทเพลงดังกล่าวแผ่วเบา และให้ความรู้สึกล่องลอยราวมันดังมาจากสรวงสวรรค์ดาวดึงส์ ทั้งยังคล้ายเสียงกระแสลมที่พัดโชยมาจากระยะไกล เสียงร้องนั้นเป็นเสียงของสตรีเพศ..บางครั้งฟังเหมือนเสียงคร่ําครวญโหยหวนอย่างคับแค้นของหญิงสาวผู้ไม่สมหวังในรัก ระดับเสียงของบทเพลงดังกังวานขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังแทรกซึมลึกเข้าไปถึงจิตใจมนุษย์ หากผู้ใดสดับฟังจนเคลิบเคลิ้มอาจเข้าสู่ภวังค์โดยไม่ทันรู้ตัว!

 

แววตาของสตรีพรหมจรรย์และเยี่ยฉวนที่ยืนอยู่ในถ้ําค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเหม่อลอย เสียงเพลงทําให้พวกเขาเข้าสู่ภวังค์อันลุ่มลึกในที่สุด!

“นายท่านโปรดระวัง! อย่าได้เคลิบเคลิ้มไปกับมันเด็ดขาด บทเพลงนี้คือเครื่องมือโจมตีอันทรงพลังยิ่ง! ยอดฝีมือบางรายกําลังใกล้เข้ามา!”

 

เสียงแหบแห้งของชายชราดังขึ้นปลุกเยี่ยฉวนให้ตื่นจากห้วงภวังค์ได้ทันเวลา!

ตุ๊กตาหุ่นกระบอกหน้าตายิ้มแย้มนอนราบอยู่กับพื้น แต่มือเล็กๆกลับหยิบกริชประจํากายออกจากอกเสื้อ รอยยิ้มที่ดูไร้พิษสงของมันแฝงไปด้วยจิตสังหารเย็นเยียบ!

 

ขณะสถานการณ์ตกอยู่ในอันตราย…วิญญาณร้ายเฮยกุ้ยทําหน้าที่เป็นหูเป็นตาและเตือนภัยเยี่ยฉวนได้เป็นอย่างดี

 

ภูตทะเลอย่างนั้น!?

 

ไม่ผิดแน่…ในที่สุดนางก็ปรากฏตัว!

เยี่ยฉวนฟื้นคืนสติโดยสมบูรณ์ มุมปากของเขาเหยียดยิ้มอย่างเย็นชา เขาหันไปมองสตรีพรหมจรรย์หงจื่อเซี่ยผู้ยืนอยู่ไม่ไกลที่ตกอยู่ในสภาวะมีนงง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแสร้งทําว่าตนตกอยู่ในภวังค์ เช่นเดียวกัน ขณะที่ล้มตัวลงนอนกับพื้นเปลือกตาทั้งสองลืมขึ้นอย่างช้าๆ ประจวบเหมาะกับใบหน้าเหม่อลอยของหญิงสาวที่ก้มมองลงมาพอดี สายตาไม่รักดีเลื่อนสํารวจตั้งแต่ลําคอยาวระหงเรื่อยลงมา ถึงเนินอกที่ชูชันและอัดแน่นอยู่ภายใต้ผืนผ้าจนเขาลมหายใจของเขาติดขัด

 

น่าอัศจรรย์นัก! เขาไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลยว่าระหว่างศิษย์น้องหญิงจูซื้อเจียกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนี้หน้าอกของผู้ใดมีขนาดใหญ่โตกว่ากันแน่?!

 

ความคิดไร้ยางอายปรากฏขึ้นในห้วงคํานึงของเขาเพียงครู่ จากนั้นจึงมลายหายไปอย่างรวดเร็ว

 

เสียงฝีเท้าน่าเกรงขามกระทบกับพื้นถ้ําดังสนั่น กลิ่นอายแห่งท้องมหาสมุทรลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด