Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 191 ป่าขุมทรัพย์ลีลับ
Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 191 ป่าขุมทรัพย์ลีลับ
ทั้งหมดออกเดินทางอีกครั้งหลังเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม
หนาซานและหนาสุยครอบครองก้อนผลึกมนุษย์แค่เพียงในนามเพราะแท้จริงแล้วพวกเขาล้วนแต่อยู่ในกํามือของหลิวหงหญิงสาวผู้มีเสน่ห์เย้ายวนอยู่แล้วยิ่งดูงดงามดึงดูดใจขึ้นไปอีกจนสองพี่น้องหลงรักหัวปักหัวป่าและเอาอกเอาใจนางมาตลอดทาง ส่วนเยี่ยฉวนและโท่วปาเซียงเพียวค่อยๆ ตีตัวออกห่างหลิวหงและถอยมาเป็นผู้
ตามแทน
หลิวหงทําให้คนทั้งสองเดินเคียงข้างกันโดยไม่รู้ตัวและมีจุดยืนร่วมกันเป็นครั้งแรก
เยี่ยฉวนพบว่าโท่วปาเซียงเนียวผู้แลดูบอบบางและอ่อนแอภายนอกนั้นมีรูปร่างสมส่วนดีทีเดียว นางไม่สูงโปร่งเท่าจูซื้อเจียและไม่อวบอัดเท่าหลิวหงแต่มีเรือนร่างที่อ่อนช้อยและงดงาม สัดส่วนโค้งเว้าช่างพอเหมาะพอดีไปเสียหมด
“มองอะไรของเจ้านะ?”
ใบหน้าของโท่วปาเซียงเนียวขึ้นสีแดง…เมื่อรู้สึกถึงสายตาของเยี่ยฉวนที่กําลังสํารวจร่างกายของนางพลางกล่าวออกด้วยความขุ่นเคือง
“ข้าเพียงแค่คิดว่าหากบิดาเจ้าพาเจ้ามาหมั้นหมายกับข้าที่สํานักหมอกเมฆาแทนที่จะเป็นนกอินทรียักษ์ตัวปลอมนั่นจะวิเศษ
รอยยิ้มยียวน
“เยี่ยฉวน ไอ้คนผีทะเล!”
โท่วปาเซียงเนียวทั้งโกรธทั้งอายพลางก้าวขาเตรียมหนีไปให้ไกลจากอีกฝ่าย
เปิดปากไม่ทันไรก็พูดถึงเรื่องมีบุตรเสียแล้ว หมอนี่เป็นคนประเภทไหนกัน?! หน้าหนาไร้ยางอายสิ้นดี!
“อย่าหนี้สิ ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น”
เยี่ยฉวนขยับไปขวางโท่วปาเซียงเพียวเอาไว้ เขาเหลือบมองหลิวหงที่เดินอยู่ข้างหน้าก่อนกระซิบแผ่วเบา “เซียงเนียว รวมกลุ่มกับพวกเขาไปก็เปล่าประโยชน์ เราเสี่ยงชีวิตสู้อยู่ข้างหน้ายามเผชิญกับอสุรกาย แต่พอพบสมบัติล้ําค่าเข้าก็ตกเป็นของพวกเขาเสียอย่างนั้น แยกกันไปแค่สองคนจะไม่ดีกว่าหรือ?”
เยี่ยฉวนผิดหวังกับหลิวหงจอมเจ้าเล่ห์และตระหนี่ถี่เหนียวจนไม่อยากเสียเวลาด้วยอีกต่อไป ภายในป่าหมื่นอสูรยังมีเส้นทางคดเคี้ยวและซับซ้อนอีกมากมาย
“เรื่องนี้ ที่นี่มีคนอยู่มาก ข้าคิดว่าเรารวมกลุ่มกันไว้จะดีกว่า”
โท่วปาเซียงเพียวกระอักกระอ่วนเพราะไม่อยากไปกับหลิวหงเช่นกัน แต่เมื่อมองดูเยี่ยฉวนก็ล้มเลิกความคิดทันที
นางลําบากใจกับเยี่ยฉวนมากกว่าหลิวหงเป็นไหนๆ!
การไปกับหลิวหงอย่างเลวร้ายที่สุดก็แค่ได้รับผลประโยชน์น้อยนิดแต่หากไปกับเยี่ยฉวนอาจรักษาไว้ไม่ได้แม้แต่ความบริ สุทธิ์ของตนนางคงได้กลายเป็นภรรยาตั้งครรภ์บุตรของเขาเข้าจริงๆ! ผู้อื่นเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ด้วยมือเปล่าและได้สมบัติติดมี อกลับมามากมาย หากนางมีครรภ์กลับมาแทนจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกร้ายหรอกหรือ?!
โท่วปาเซียงเนียวตัวสั่นเทา นางมองเยี่ยฉวนอย่างหวาดระแวงและรีบถอยห่างจากเขาเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว
“เฮ้อ… ข้าเลวร้ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
เยี่ยฉวนถอนหายใจเมื่อเห็นโท่วปาเซียงทําท่าที่ราวกับลูกแกะที่ตื่นกลัว “อันที่จริงข้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาจะตายไป ใครๆ ก็ว่า กันเช่นนั้น”
“ใช่ เจ้าบริสุทธิ์ เลวบริสุทธิ์เลยทีเดียว!”
โท่วปาเซียงเพียวรีบเดินหนีไปเพราะไม่กล้าอยู่กับอีกฝ่ายเพียงลําพังปล่อยให้เยี่ยฉวนมองตามแผ่นหลังสง่างามและทิ้งกลิ่นกายหอมกรุ่นเอาไว้
“ฮ่าๆๆ เลวบริสุทธิ์งั้นหรือ? ถูกใจข้านัก! สักวันข้าต้องได้เข้ามาครองเซียงเนียว…”
เยี่ยฉวนมองตามโท่วปาเซียงเนียวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จู่ๆก็รู้สึกว่าไม่จําเป็นต้องรีบร้อนแยกตัวไปในตอนนี้
รีแบบใดที่เขาไม่เคยพบเจอ
เยี่ยฉวนไม่สนใจหลิวหงจอมเจ้าเล่ห์และหงจือเซียผู้เย็นชา เย่อหยิ่ง และห่างเหิน แม้จะหยอกเย้าเล่นบ้างในบางคราแต่ไม่เคยคิดจริงจังขณะที่ศิษย์น้องหญิงจูซือเจียและโท่วปาเซียงเนียวนั้นเป็นสตรีแบบที่เขาชอบและเพลิดเพลินใจยามได้ใช้เวลากับพวกนาง
มุมปากของเยี่ยฉวนยกยิ้มชั่วร้ายก่อนเดินตามไป
พวกเขาค่อยๆ เดินลึกเข้าไปในปาหมื่นอสูรภายใต้การนําของหลิวหงและต้องเผชิญหน้ากับอสูรหินหลากชนิด
การเผชิญหน้าอสูรหินมาแล้วถึงสองตนทําให้หลิวหงสงบนิ่งลงมาก วิธีต่อกรกับพวกมันไม่ว่าจะใช้กระบี่บินแทงดวงตา ขัดขาขุดหลุมพรางหรือสร้างกลไกขนาดเล็กใต้ก้อนหินถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่องไม่รู้จบเพื่อปลิดชีพอสูรหินทุกตนที่ขวางหน้า แม้หญิงสาวจะเจ้าแผนการและตีสองหน้าทว่ามีทักษะการวางกลยุทธ์และบังคับบัญชาที่ยอดเยี่ยม ทุกคนแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนและสังหารเหล่าอสูรหินอย่างชํานาญขึ้นเรื่อยๆ
หลิวหงทําหน้าที่บังคับบัญชา ศิษย์พี่ลู่เป็นฝ่ายสนับสนุนหนาซาน หนาสู่ย และโท่วปาเซียงเนียวทําหน้าที่โจมตีหลักโดยจู่โจมจุดสําคัญจากระยะไกลด้วยกระบี่บิน ส่วนเยี่ยฉวนทําหน้าที่ล่อศัตรูไปยังจุดที่พวกเขาดักซุ่มอยู่
อสูรหินส่วนมากมีสมบัติซุกซ่อนไว้ภายในร่าง บ้างเป็นยาเม็ดบ้างเป็นชุดเกราะและกระบี่บิน รวมถึงของดีอื่นๆ อีกมากมายยิ่งไปกว่านั้นอสูรทุกตัวยังมีเคล็ดวิชาการฝึกตนจารึกไว้ ปาหมื่นอสูรแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตาและคงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ รู้ว่ายังเหลืออสูรหินเร้นกายอยู่อีกเท่าใด หากขนานนามว่าปาขุมทรัพย์ลี้ลับเห็นที่จะเหมาะกว่า
ทุกคนที่เป็นกังวลอยู่เมื่อครู่กลับกระตือรือร้นขึ้นมาทันใดบัดนี้พวกเขาเริ่มมองหาอสูรหินทุกประเภทเพื่อล่าสมบัติในร่างของมัน!
หลิวหงอาศัยตําแหน่งหัวหน้าและอํานาจที่มีเหนือพี่น้องแซ่หนากอบโกยสมบัติไปนับไม่ถ้วน เมื่อตกเย็นหลังจากฆ่าอสูรหินไปไม่ต่ํากว่าสิบเจ็ดตนนางจึงเริ่มแบ่งปันให้เยี่ยฉวนและคนอื่นๆ อย่างยากเย็นราวกับบีบยาสีฟันออกจากหลอด
ศิษย์พี่ลู่ได้รับค้อนหนักกว่าสองหมื่นจินที่แม้แต่ตัวเขาเองยังยกแทบไม่ไหว ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันมีพลังวิเศษหรือไม่หากแต่ความแข็งแกร่งของมันสามารถทุบอสูรหินธรรมดาให้แตกร้าวได้ในคราเดียวลู่หยิงกุยจึงได้เลื่อนขั้นจากฝ่ายสนับสนุนเป็นผู้โจมตีหลักในแนวหน้า
โท่วปาเซียงเพียวได้รับกระบี่บินสีดํา แสงสีดําหมุนวนบนพื้นผิวของกระบี่บินที่ไม่เพียงว่องไวปานลมกรดแต่ยังมีฤทธิ์กัดกร่อนให้ร่างของอสูรหินหลอมละลายเมื่อถูกแทง พลังของมันเหนือกว่ากระบี่บินทั่วไปมากทักษะการต่อสู้ของโท่วปาเซียงเพียวจึงสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนหลิวหงรู้สึกเสียดายขึ้นมา จะเอากลับคืนมาตอนนี้ก็สาย ไปเสียแล้วจึงได้แต่ขบกรามแน่นอย่างกล้ํากลืน
ศิษย์พี่ลู่และโท่วปาเซียงเพียวได้รับส่วนแบ่งสมบัติเพียงชิ้นเดียวในขณะที่เยี่ยฉวนได้ถึงสองชิ้น ประกอบด้วยเกราะมือและชุดเกราะเกล็ดปลาหลิวหงอ้างว่าให้เพิ่มอีกชิ้นเป็นการชดเชย ทว่าทั้งสองชิ้นกลับเป็นเพียงของธรรมดาๆ เพราะนางได้เก็บของดีไว้กับตนหมดแล้วหญิงสาวจะรีบคว้าสมบัติในร่างอสูรไปทันทีที่เห็นว่าเป็ นก้อนผลึกมนุษย์
เยี่ยฉวนปรายตามองสมบัติที่ได้รับก่อนส่งมอบชุดเกราะเกล็ดปลาให้โท่วปาเซียงเนียวและเกราะมือให้ศิษย์พี่ลู่อย่างรวดเร็ว หลิวหงมองดูด้วยท่าที่ลังเลแต่เยี่ยฉวนกลับเมินเฉยต่อนางผู้ที่ยึดเอาของดีทั้งหมดไปเป็นของตนย่อมไม่มีสิทธิ์ต่อว่าเขาแม้แต่น้อย
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นภายในใจของเยี่ยฉวน
คอมเม้นต์