Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 217 โลกาวิกล

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 217 โลกาวิกล อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 217 โลกาวิกล

 

ฟองอากาศหลากสีหลายขนาดพุ่งออกมาจากใต้พิภพ พวกมันลอยละล่อ งขึ้นไปบนฟากฟ้าและค่อยๆ หายไปอย่างน่าประหลาด แลดูไร้ระเบียบแบบ แผนใดๆ

 

ทั้งหมดชะงักฝีเท้าและมองดูฟองอากาศเหล่านี้อย่างเป็นกังวลไม่กล้าแตะต้อง

 

เยี่ยฉวนกวาดตามองโดยรอบก่อนหลับตาลง ครู่หนึ่งจึงเกิดเสียงดังแว่ว เข้าหูเจ้าอ้วน “เจ้าอ้วน ไปทางซ้ายสามก้าว จากนั้นตรงไปข้างหน้าเจ็ดก้าว”

 

“ขอรับศิษย์พี่ใหญ่ แต่จับให้แน่นกว่านี้หน่อย อย่าปล่อยมือนะขอรับ” 

 

เจ้าอ้วนกัดฟันรวบรวมความกล้าและเริ่มออกเดินก้าวแรก ก้าวที่สอง ก้าวที่สาม… โดยมีคนอื่นๆเดินเรียงแถวตามไปติดๆ ฟองอากาศหลายฟองลอยเฉียดไปมาจนเกือบชนเข้ากับศีรษะของเจ้าอ้วน โชคดีที่เยี่ยฉวนดึงเขา หลบได้ทันเวลาแต่ศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่อยู่กลางแถวไม่โชคดีเช่นนั้นเมื่อ ร่างของเขาหายวับไปทันทีที่ชนเข้ากับฟองอากาศศิษย์สองคนที่ประกบ หน้าหลังพยายามช่วยดึงกลับมาแต่ไม่เป็นผล

 

“ข้าจะนับถอยหลังจากเจ็ด วิ่งตรงไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ ไปยังพื้นที่สีขาวข้างหน้านั่น”

เยี่ยฉวนหลับตาใช้สัมผัสวิญญาณจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของฟองอากาศก่อนเสียงของเขาจะดังแว่วในโสตประสาทของทุกคนอีกครั้งเพื่อออกคําสั่งและเริ่มนับถอยหลัง

 

ศิษย์สํานักหมอกเมฆากว่ายี่สิบคนจับมือกันวิ่งไปข้างหน้า

 

เมื่อเยี่ยฉวนนับถอยหลังถึง “หนึ่ง” ศิษย์สามคนถูกทิ้งห่างจนมาถึงพื้นที่สี ขาวไม่ทันเวลาฟองอากาศพลันผุดขึ้นมาจากใต้ดินเป็นสายและกลืนกินพวก เขาทันที!

 

สีหน้าของเจ้าอ้วน จูซื้อเจีย และคนอื่นๆ แปรเปลี่ยนไปทันใดมือเท้าของพวกเขาเย็นเฉียบและร่างกายสั่นระริกอย่างรุนแรงมีเพียงเยี่ยฉวนที่ยังคงสุขุมและสงบนิ่ง เขาใช้วิญญาณสัมผัสอีกครั้งก่อนน้ําเสียงเย็นเยียบจะดังแว่วขึ้น

 

ภายในพระราชวังที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบมีทั้งกระบี่ เกราะข้อมือและสิ่งของที่ผู้คนที่เข้ามาก่อนหน้าทิ้งไว้ทุกหนแห่ง ศิษย์สํานักเครื่องนิลศิษย์สํานักเบญจลักษณ์และจอมยุทธ์อิสระมากมายต่างเอาชีวิตมาทิ้งในที่แห่งนี้

 

เยี่ยฉวนหลับตาลงแต่กระแสจิตของเขายังสัมผัสความเป็นความตายในฟองอากาศทุกฟองอย่างตื่นตัว คนทั้งกลุ่มย่างฝีเท้าไปข้างหน้าด้วยความหวาดระแวงตามคําสั่งจนผ่านเขตที่บรรยากาศบิดเบี้ยวและฉีกขาดนี้ไปได้สําเร็จบัดนี้เหลือผู้รอดชีวิตอยู่เพียงยี่สิบเอ็ดคน ศิษย์สํานักหมอกเมฆาเจ็ดคน หายไปอย่างไร้ร่องรอยในที่แห่งนี้ ยังไม่ทันที่เจ้าอ้วนและคนอื่นๆจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกกลับปรากฏฟองอากาศขนาดมหึมาขึ้นตรงหน้าและกลืนกินกลุ่มคนทั้งยี่สิบเอ็ดคนเข้าไปจนหมดสิ้น!

 

ท้องฟ้าและผืนดินหมุนวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนพวกเขาจะมาถึงโลกอันน่าพิศวงในที่สุด!

 

บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกสีเทา ด้านล่างเป็นหุบเขาลึกและยาวรูปปั้นสูงกว่าร้อยเมตรถือหอกหรือดาบหนักอึ้งตั้งตระหง่านอยู่โดยรอ บพลางแผ่จิตสังหารน่าเกรงขามเย็นเยียบถึงกระดูกรูปปั้นทั้งหมดสี่สิบสอง รูปแบ่งออกเป็นสีแดงและสีดําเหนือส่วนหัวมีภาพฉายส่องสว่างที่สะท้อน สรรพสิ่งเบื้องล่างที่แห่งนี้เงียบสงัดจนพวกเขาได้ยินเสียงลมหายใจของตน เองและแลดูราวกับหลุมศพขนาดใหญ่กระแสพลังงานภายในร่างถูกกดทับด้วยแรงกดดันในอากาศจนไม่สามารถใช้แม้แต่หนึ่งในสิบของพลังปกติด้วย

 

“ที่นี่คือที่ไหน?”

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

“พวกเราตายกันหมดแล้วหรือ? หรือนี่คือโลกในฟองอากาศ?”

 

ศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่เหลือรอดพากันร้องโวยวายด้วยความร้อนรนความกลัวแพร่กระจายท่ามกลางฝูงชนจนขวัญเสียและกระสับกระส่า ยกันถ้วนหน้า

 

“นี่ไม่ใช่โลกในฟองอากาศแต่เป็นกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ตอนนี้พวกเรากําลังยืนอยู่บนกระดานหมากราชาปีศาจ”

 

เสียงแผ่วเบาของเยี่ยฉวนดังแว่วในหัวทุกคนขณะที่เขาค่อยๆลืมตาขึ้น

 

ปราณปีศาจเย็นยะเยือกไหวกระเพื่อมอยู่บนท้องฟ้าทําให้บรรยากาศหนาวเหน็บผิดปกติทั้งที่ไม่ใช่ฤดูหนาวและไร้สายลมพัด บรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาไม่เคยพบอากาศเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ศิษย์ชั้นเลิศขั้นซิวฉือระดับห้ายังสั่นสะท้านเพราะไม่อาจต้านทานความหนาวเย็นได้ ทว่าเยี่ยฉวนกลับรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะเคยไปเยือนดินแดนหนาวเหน็บอัน เป็นที่พํานักของราชันภูตอสุรกายเมื่อชาติที่แล้ว

 

เยี่ยฉวนเพียงแค่คาดเดาในตอนแรก ก่อนที่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะยืนยันได้ว่าที่แห่งนี้คือกระดานหมากรุกจริงๆ กระดานหมากราชาปีศาจอันใหญ่โตนองเลือด และอันตราย!รูปปั้นรอบตัวพวกเขาคือตัวหมากสีแดงและสีดําทั้งหมดจําเป็นต้องฝ่าฟันให้ถึงตาสุดท้ายเพื่อออกไปจากที่นี่!

 

ภาพฉายเหนือหัวของเหล่ารูปปั้นสว่างวาบขึ้นก่อนรูปปั้นสีแดงจะสั่นสะเทือนและเคลื่อนที่ ยังไม่ทันพินิจดูให้ดีเกมหมากรุกก็เปิดฉากขึ้นเสียแล้ว! 

 

“กระจายตัวออกไปแยกกันยืนประจํารูปปั้นเร็วเข้า!”

 

เยี่ยฉวนกระโดดถอยออกมา มือทั้งสองข้างคว้าจูซื้อเจียและเจ้าอ้วนก่อนหมุนตัวขึ้นไปในอากาศและหยุดลงบนรูปปั้นที่เป็นตัวขุนเจ้าอ้วนและจูซื้อเจียยืนขนาบข้างในตําแหน่งมือซ้ายและมือขวาจํานวนรูปปั้นสีแดงมียี่สิบเอ็ดรูปเท่าจํานวนคนพอดิบพอดี ชายหนุ่มไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นกลไกอัตโนมัติของกระดานหมากราชาปีศาจกันแน่

 

ฉับพลันเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น

 

รูปปั้นสีดําพร้อมดาบขนาดใหญ่ในมือพุ่งข้ามแม่น้ําที่ขวางกั้นอาณาเขต เอาไว้และตรงมายังค่ายฝั่งสีแดงอย่างรวดเร็ว “ฉัวะ!”รูปปั้นสีแดงที่อยู่แถวหน้าสุดถูกฟันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่างของศิษย์สํานักหมอกเมฆาคนที่ลังเลไม่ยอมกระโดดขึ้นไปบนตัวหมากรุกระเบิดออกรูปปั้นอีกสามรูปที่ไม่มีผู้ใดยืนอยู่ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆเช่นกัน

 

ฝั่งสีแดงเสียตัวหมากไปถึงสี่ตัว และแต่ละตัวหมายถึงชีวิตของมนุษย์หนึ่ง

คน!

 

หมากรุกที่มักใช้เล่นเพื่อฝึกฝนสติปัญญาหรือฆ่าเวลากลับกลายเป็นการเล่นเพื่อเอาชีวิตรอด!

 

ศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่เหลืออยู่หน้าถอดสีรวมถึงจซื้อเจียที่มักจะมีพลังและกล้าหาญอยู่เสมอ นางหันไปมองเยี่ยฉวนด้วยแววตาหวาดกลัว

 

“ทุกคนอย่าได้ตื่นตกใจไป ฟังคําสั่งของข้า”

 

เยี่ยฉวนทําหน้าตาเฉยเมยพลางออกคําสั่งเสียงต่ํา รูปปั้นสีแดงพุ่งไปยังค่ายฝั่งสีดําทันใด แสงจากคมดาบที่สองประกายวาววับก่อนรูปปั้นสีดําจะล้ มลงกับพื้น!ตาต่อตาฟันต่อฟัน!

 

ตัวหมากฝั่งสีแดงและสีดําต่างเคลื่อนย้ายสลับตําแหน่งเสียงดังสนั่น

 

รูปปั้นเหล่านี้ใหญ่โตและโหดเหี้ยมเกินไป แม้แต่ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ยังไม่อาจหยุดมันได้ในดาบเดียว ทางเดียวที่จะล้มพวกมันได้คือใช้กลยุทธ์เท่านั้น เหล่าศิษย์สํานักหมอกเมฆาไม่จําเป็นต้องลงมือด้วยตนเองตราบใดที่ยืนอยู่บนรูปปั้นและถ่ายโอนพลังงานเข้าไปพวกมันจะเคลื่อนไหวตามความคิดของพวกเขา ทุกคนต่างหน้าซีดราวกับศพและหัวใจสั่นรัวด้วยความหวาดหวั่น แม้จะไม่ต้องเผชิญอันตรายด้วยตนเอง แต่การรอดูว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้หรือถูกอีกฝ่ายฆ่านั้นน่าสะพรึงกลัวไม่แพ้กัน!

 

การจู่โจมของหมากรุกสีดําว่องไวและดุดัน หลายครั้งที่พวกมันเข้าประชิดรูปปั้นตัวขุนของเยี่ยฉวน ทว่าเยี่ยฉวนกลับโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเขาฉวยโอกาสจากข้อด้อยของอีกฝ่ายและเปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรงจนค่อยๆรู้ผล การต่อสู้ในที่สุด… หมากรุกตัวขุนฝั่งสีดําล้มลงและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยคําว่า “โลกาวิกล” ปรากฏขึ้นบนภาพฉายเหนือหัวของรูปปั้นแสงสีขาวพราวพร่างตกกระทบบนร่างของทุกคนและฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้อย่างรวด เร็วจนน่าทึ่ง

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด