Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 247 หอคอยจวหลง
บทที่ 247 หอคอยจวหลง
เงาร่างมนุษย์มากมายเคลื่อนไหวไปมา ท่ามกลางม่านหมอกหนาทึบ ผู้คนถอยร่นจาก แนวหน้าไปตามๆกันโดยมีมังกรมหึมาไล่กวดอยู่ เบื้องหลัง
แรงกดดันต่อโท่วป่าเซียงและพรรคพวกเพิ่ม ขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องออกไปประจันหน้ากับศัตรู กลุ่มขององค์รัชทายา ทแห่งต้าฉันดึงดูดฝูงมังกรที่ดุร้ายและแข็งแกร่งมามากที่สุด โชคดีที่พวกเขามีฝีมือเพียงพอจะต่ อกร ยอดฝีมือกว่าสิบคนยืนหยัดและรวมพลังสังหารมังกร เสียงร้องโหยหวนน่าสยดสยองดังขึ้น เป็นระยะเมื่อมีคนล้มลงบนพื้นทว่าเหล่ามังกรก็ล้มกระแทกพื้นดังสนั่นหวั่นไหวไม่ต่างกัน
กลุ่มยอดฝีมือที่สวมหมวกไม้ไผ่บนศีรษะก้าว ออกมาจากสายหมอกเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้เช่นกันแม้จะมีจํานวนเพียงห้าแต่วรยุทธ์กลับกล้าแกร่ง เป็นพิเศษ ในกลุ่มพวกเขามีชายสูงเจ็ดถึงแปดเมตรที่สามารถฉีกร่างมังกรออกเป็นสองท่อนด้ว ยมือเปล่า ไม่นานนักจํานวนมังกรที่ห้อมล้อมอยู่ก็ลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งราชามังกรทองขนาด มหึมาหันหลังหนีเข้าไปในกลุ่มหมอกพร้อมเสียงคร่ําครวญในที่สุด
“เอ๊ะ ท่านนักรบพฤกษาเกียนกู่? แล้วนั่น…”
เยี่ยฉวนสังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลังการ ต่อสู้สงบลง นักรบพฤกษาเถียนกู่เป็นหนึ่งในนั้นผู้ที่ยืนอยู่ข้างเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสตรีพรหม จรรย์หงอเซียที่กลับไปยังสํานักอสูรเมฆาอย่างเกรี้ยวกราดก่อนหน้านี้
เมื่ออาณาจักรสวรรค์ผุดขึ้นมาจากผืนดิน สํานัก อสูรเมฆาที่ขึ้นชื่อว่าไร้เทียมทานก็ไม่อาจหักห้ามใจได้เช่นกันหงจือเซียผู้รักสันโดษและเย่อหยิ่ง จึงนําทัพเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ด้วยตนเอง
หญิงสาวนําบรรดายอดฝีมือสํานักอสูรเมฆาไป พักผ่อนที่มุมหนึ่งหลังการต่อสู้คลี่คลาย ส่วนองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินนําผู้ติดตามจํานวนมากเข้าล้อมจอมยุทธ์อิสระสองคนที่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้า สีดําพร้อมจิตสังหารพุ่งสูง
“พวกเจ้าทั้งสองบังอาจมากที่ฉวยเอาสมบัติ ขององค์รัชทายาทไป กล้าฉกชิงหอคอยจวหลงแต่กลับไม่กล้าเปิดเผยใบหน้างั้นรึ?!”
องค์รัชทายาทแห่งต้าฉันเผยสีหน้าเย็นเยียบด จน้ําแข็งพร้อมกล่าวออกด้วยท่าทางคุกคาม “บอกมา!พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? หากยังมีสติก็ รีบส่งหอคอยจวหลงมาและตัดแขนข้างหนึ่งเป็นการขอพระราชทานอภัยโทษซะ… ไม่ เช่นนั้นทั้งพวกเจ้าและสํานักของพวกเจ้าไม่เหลือ
ซากแน่! ไม่ว่าสํานักของเจ้าจะยิ่งใหญ่หรือรุ่ง เรื่องมาจากไหนก็ต้องย่อยยับด้วยกองทัพต้าฉิน ของข้า!”
องค์รัชทายาทโอ้อวดหน้าตาเฉย พลังงาน มหาศาลในร่างของเขาเพียงพอให้ทําตัวหยิ่ง ผยองเช่นนี้เหล่ายอดฝีมือสํานักต่างๆ เผยสีหน้า ซีดเผือดเมื่อได้ยินคําพูดของเขาแต่ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกไปโต้แย้งเมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสพลังงานยิ่งใหญ่ที่แผ่ออกมา
“ทรงวางท่าใหญ่โตเช่นนี้คงไม่เห็นสํานักหมอกเมฆาของกระหม่อมอยู่ในสายตา แต่พระองค์ทรงคิดจริงๆ น่ะหรือว่าองค์ชายรัชทายาทที่ไม่สลักสําคัญจะล้มล้างสํานักอสูรเมฆาได้?”
ชายสวมหน้ากากทั้งสองสบตากันก่อนปลดผ้าสีดําที่ปิดบังใบหน้าออกและประจันหน้ากับองค์ รัชทายาทแห่งต้าฉินอย่างเยือกเย็น
ชายทั้งสองมีร่างกายสูงใหญ่ คนหนึ่งไว้หนวดเคราสีม่วงแดงและมีผิวหนังแห้งกร้าน มือข้าง หนึ่งถือหอคอยจวหลงสูงสามฟุตเอาไว้ส่วนอีกคนสูงราวสามเมตรและมีเขาคู่หนึ่งอยู่บนหัวที่มองเห็นได้เพียงเลือนรางแม้ขั้นการฝึกตนของพวกเขาจะไม่กล้าแกร่งเทียบเท่าองค์รัชทายาทแต่ก็เป็นถึงปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับห้า
ปีศาจเพลิงอี้เหยียนจื่อและปีศาจเขาโค้งนาซีองั้นหรือ?!
แววตาของเยี่ยฉวนทอประกายด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้พบทั้งสองในสถานที่แห่งนี้ชายหนุ่มนี้กอยากเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขาแต่ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวเสียก่อนจึงซ่อนตัวหลังก้อนหินต่อไป
“สํานักอสูรเมฆาก็เป็นอีกเรื่อง สํานักไร้ฝีมืออย่างพวกเจ้าน่ะหรือจะไปเทียบชั้นกับพวกเขา?ยอมแพ้เสียเถอะ!อย่าพยายามลากสํานักอสูรเมฆาเข้ามาพัวพันด้วยเลยไม่มีใครช่วยพวกเจ้าได้หรอก!”
องค์รัชทายาทแห่งต้าฉินแสยะยิ้มเย็นเยียบเขาก้าวขึ้นมาข้างหน้าพลางกล่าวอย่างเกรี้ยวก ราด “สํานักหมอกเมฆาเคยแข็งแกร่งมากเมื่อนาน แสนนานมาแล้วก็จริงแต่บัดนี้ข้าเกรงว่าไม่คู่ควรจะเป็นสํานักอันดับสามเสียด้วยซ้ําเชื่อหรือไม่ว่าเพียงคําสั่งเดียวจากองค์รัชทายาทก็สามารถบดขยทั้งสํานักจนราบคาบไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
จิตสังหารขององค์รัชทายาทแผ่ซ่านขณะมองดูหอคอยสีทองในมือปีศาจเพลิงด้วยแววตาลุก
โชน
หอคอยจ หลงที่ถูกค้นพบท่ามกลางรูปปั้นมังกรทั้งหลายนี้ล้ําค่ากว่าก้อนผลึกมังกรธรรมดาหลายเท่านัก ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต่ระดับสูงหลายคนต้องร่วมมือกันล่อราชามังกรทองผู้แข็งแกร่งมาอย่างยากลําบากทว่าปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งกลับได้ครอบครอง
“สํานักหมอกเมฆาในปัจจุบันอาจไม่มั่นคงจริงแต่พระองค์โปรดอย่าลืมว่าระหว่างสํานักหมอกเมฆาและสํานักอสูรเมฆามีสนธิสัญญาพันธมิตรมาแต่โบราณกาลว่าจะก้าวหน้าและถอยหลังไปพร้อมๆ กันหากพระองค์ทรงคิดจะทําลายล้างสํานักหมอกเมฆาอย่าว่าแต่องค์ชายรัชทายาทเลยพ่ะย่ะค่ะ… กระหม่อมเกรงว่าแม้แต่องค์จักรพรรดิต้าฉันก็ไม่มีความกล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนั้น”
ปีศาจเพลิงเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากองค์รัช ทายาทโดยตรงและหันไปมองสตรี
พรหมจรรย์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก “ท่านสตรีพรหมจรรย์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านจะยืนกอดอกมองอยู่อย่างนั้นหรือขอรับ? ข้ารับใช้ศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนมาหลายปีเป็นบริวารและคนสนิทเพียงคนเดียวที่เขาไว้ใจหากท่านเอาแต่ยืนมองโดยไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยจะมีหน้าไปอธิบายกับศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนว่าอย่างไร?”
ปีศาจเพลิงรู้ดีว่าเขาไม่อาจต่อกรกับองค์ชายรัชทายาทแห่งต้าฉันได้ส่วนปีศาจเขาโค้งนั้นได้ประโยชน์มิหนําซ้ํามีบรรดายอดฝีมือกลุ่มอื่นๆที่รายล้อมพวกเขาอยู่หากผลีผลามต่อสู้ตอนนี้ต้องพ่ายแพ้เป็นแน่เขาจึงจําเป็นต้องอ้างนามของเยี่ยฉวนเพื่อขอความช่วยเหลือจากหงจือเซียและ
พรรคพวก ในบรรดาจอมยุทธ์ที่อยู่ในที่แห่งนี้มีเพียงพวกของหงจื่อเชียเท่านั้นที่อาจกําราบองค์ ชายรัชทายาทผู้ยกตนสูงส่งเหนือทุกคนได้แม้จะมีปรมาจารย์ในกลุ่มของหงจือเซียไม่มากนัก ทว่า พวกเขาล้วนแต่เป็นศิษย์ชั้นเลิศในสํานักอสูรเมฆาที่มีพลังปราณแข็งแกร่งยิ่ง
สีหน้าขององค์รัชทายาทแห่งต้าฉันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเริ่มกังวลขึ้นมาว่าการโจมตีจาก สตรีพรหมจรรย์และศิษย์สํานักอสูรเมฆาอาจทําให้เขาตกที่นั่งลําบากได้
ผู้คนพร้อมใจกันหันไปมองสตรีพรหมจรรย์ที่สวมใส่หมวกไม้ไผ่อยู่และตั้งตารอการประลอง สะเทือนโลกอย่างเงียบๆตํานานเล่าขานว่าหอคอยจวหลงมีอํานาจสั่งการฝูงมังกรได้ผู้ใดเล่าจะไม่ปรารถนาอยากครอบครอง?ทว่าพวกเขาจะมีโอกาสก็ต่อเมื่อทั้งสตรีพรหมจรรย์และองค์รัชทายาทพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
ปีศาจเพลิงมักเงียบขรึมอยู่เสมอ แต่วาจาของเขากลับเฉียบคมในช่วงเวลาสําคัญที่ต้องการกําลังเสริมจากผู้อื่นเคราะห์ร้ายที่ชายชราต้องผิด หวังเมื่อหงจอเซียยืนนิ่งไม่ไหวติงไร้วี่แววลงมือคําพูดเพียงไม่กี่คําอาจดลใจผู้อื่นได้แต่ไม่ใช่สําหรับสตรีพรหมจรรย์ผู้ยิ่งใหญ่!หญิงสาวเผยสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกใต้หมวกไม้ไผ่ใบใหญ่ใบหน้าของนางสะสวยทว่าเย็นเยียบราวกับธารน้ําแข็ง
“ฮ่าๆๆ ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไรว่าไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้!ลิ้มรสพลังของหมัดจักรพรรดิแห่งจักร วรรดิต้าฉินและตายไปเสียเถอะ!”
องค์รัชทายาทแห่งตาฉินระเบิดหัวเราะลั่นขณะพุ่งตรงไปยังปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งเขาไม่ ใช้อาวุธสังหารในการจู่โจมหากแต่เป็นฝ่ามือเปล่าร่างของปีศาจทั้งสองยุบลงทันทีพร้อมพลังงานในร่างที่ปั่นป่วนพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะรวบรวมพลังราวกับมีแรงกดดันก่อตัวขึ้นจากภายใน!
เคล็ดวิชาหมัดจักรพรรดิ
องค์รัชทายาทแห่งต้าฉินผู้หยิ่งผยองเปิดฉากโจมตีด้วยเคล็ดวิชาเฉพาะตัวพร้อมจิตสังหาร รุนแรง!
เคล็ดวิชาหมัดจักรพรรดิเป็นผลลัพธ์การตกผลึกจากความอุตสาหะของจักรวรรดิต้าฉันเป็น เวลาหลายร้อยปีจักรพรรดิต้าฉันได้เชิญยอดฝีมือนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันรุ่นแล้วรุ่นเล่า กล่าวกันว่าแม้แต่ยอดปรมาจารย์จากดินแดนที่สูงส่งกว่าสวรรค์ยังเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้ด้วยหลังหลายร้อยปีล่วงไปพวกเขาก็ร่วมมือกันคิดค้นเคล็ดวิชานี้ขึ้นมาได้สําเร็จ หมัดจักรพรรดิถูกผูกขาดให้เป็นของราชวงศ์และถูกสร้างมาเพื่อยับยั้งเคล็ดวิชาธรรมดาของสํานักฝึกตนทั้งหมดเมื่อใช้เคล็ดวิชานี้จึงสามารถระงับพลังของคู่ต่อสู้ไปได้โดยปริยาย
บรรดาศิษย์สํานักฝึกตนและจอมยุทธ์อิสระหายใจหนักหน่วงพลางจดจ้องภาพการต่อสู้ตรงหน้าตาไม่กะพริบหงจือเซียเองก็เช่นกัน… การเคลื่อนไหวขององค์ชายรัชทายาททําให้นางรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันใด!
คอมเม้นต์