Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 250 มอบสมบัตินี้ให้ท่าน
บทที่ 250 มอบสมบัตินี้ให้ท่าน
องค์ชายรัชทายาทผู้มีความโลภครอบงําจิตใจนําเหล่าทหารยอดฝีมือหลายนายของราชวงศ์ก้าวไปด้านหน้าโดยทันที…
ฝูงชนที่สังเกตการณ์อยู่รอบข้างไม่ปริปากหรือหายใจแรงจนมีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งวิตกกังวลยิ่งหากองค์ชายผู้นี้โจมตีพวกเขาโดยไม่คํานึงถึงสิ่งอื่นใดพวกเขาทั้งสามอาจถูกกวาดล้างจนพ่ายแพ้ราบคาบแม้แต่เยี่ยฉวนก็หลีกหนีจากภัยพิบัติในครั้งนี้ได้ยากนัก!
“ช้าก่อน!”
เยี่ยฉวนตะโกนพลางหันไปมองสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนกล่าวออก “สาวน้อยจอเซียช่วงเวลาคับขันเช่นนี้เจ้าไม่ใคร่ช่วย เหลือข้าจริงๆหรือ?เจ้าลืมคําสัตย์สาบานระหว่างสํานักหมอกเมฆาและสํานักอสูรเมฆาแล้วหรืออย่างไร?ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจไม่น้อยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในถ้ําวันนั้นแต่ด้วยฐานะของบุรุษอกสามศอกย่อมไม่คืนคํา…ข้ายินดีรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้น!”
เยี่ยฉวนพบเจอกลุ่มศิษย์สํานักอสูรเมฆาซึ่งมีผู้ นําคือสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียในสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญจึงไม่รอช้าที่จะใช้โอกาสเพื่อแสวงผลอย่างเต็มที่พรสวรรค์ของภูตทะเลหงลี่ลี่ทรงพลังยิ่ง…หากเรียกใช้พลังของนางอย่างกะทันหันแม้แต่องค์ชายรัชทายาทยังไม่อาจตั้งรับทว่าการเปิดเผยไพ่ตายเร็วเกินควรจะทําให้แผนการไม่สัมฤทธิผลหนําซ้ํายังไม่ใช่ช่วงเวลาอันเหมาะสมที่จะเรียกนางออกมา
องค์ชายชะงักการกระทําโดยพลันก่อนหันขวับไปมองสตรีสูงศักดิ์ผู้สวมหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่ปิดบังใบหน้า
สตรีพรหมจรรย์คือใคร?!
นางถือเป็นสตรีผู้มีฐานันดรเหนือผู้อื่นโดยเป็นรองจากราชินีอสูรเกศาขาวผู้เป็นประมุขเพียงคนเดียวองค์ชายรัชทายาทอาจกล้ากล่าววาจาดูถูก เหยียดหยามโดยไม่แยแสสิ่งรอบข้างทว่าสถานการณ์กลับต่างออกไปเมื่อยืนอยู่ต่อหน้ากองกําลังมากมายของสํานักอสูรเมฆาในที่นี้เขาหวั่นวิตกในอํานาจของอีกฝ่ายเป็นอย่างยิ่งเพราะหากหงจือเซียและเยี่ยฉวนร่วมมือกันต่อต้าน…เขาอาจเอาชนะอีกฝ่ายไม่ง่ายนัก
ผู้ดํารงตําแหน่งสตรีพรหมจรรย์ในแต่ละยุค สมัยล้วนสูงส่งและวิจิตรงดงามเกินเอื้อมถึงแต่คําพูดของเยี่ยฉวนเมื่อครู่ส่อไปในทิศทางว่าระหว่างเขาและหงจื่อเชียมีความลึกซึ้งยิ่งกว่าความสัมพันธ์ฉันมิตรนั่นหมายความว่าอย่างไร กัน?
สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียผู้เผชิญสายตาที่เต็มไปด้วยความใคร่รู้จากฝูงชนเผยสีหน้าแดงก่ําราวกลีบกุหลาบอย่างสูญเสียการควบคุมแม่ใบหน้างามจะถูกซ่อนเร้นไว้ใต้ปีกหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่ทว่าทุกคนกลับสังเกตสีหน้าที่แปรเปลี่ยนของนางเลือนราง“เยี่ยฉวนหุบปากของเจ้าเสีย!ไม่มีใครต้องการให้เจ้ารับผิดชอบเรื่องใดทั้งสิ้น!เจ้าใคร่รนหาที่ตายเอง…อย่าลากสํานักอสูรเมฆาของข้าเข้าไปข้องเกี่ยว!”
หงจือเซียกล่าวด้วยอารมณ์โกรธายิ่งเยี่ยฉวนเพียงยิ้มรับโดยไม่เอ่ยค้านแต่อย่างใดเขาหยิบยาเม็ดเผยหย่วนออกมาสองเม็ดมอบให้ปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้ง คุณสมบัติของโอสถชน ดนี้ถือเป็นตัวยาชั้นเลิศที่สามารถรักษาบาดแผลและอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วสาวกผู้ภักดีทั้งสองกลืนยาเม็ดลงลําคอทันทีและใช้โอกาสนี้เพื่อฟื้นฟูพลังยุทธ์พร้อมเตรียมการโจมตีที่แข็งแกร่งมหาศาลในขั้นต่อไป
“หึๆ ไอ้หนู คิดทําตัวประหนึ่งจิ้งจอกที่ยืมความดุร้ายของพยัคฆ์สินะ! ครั้นตระหนักว่าสู้ไม่ได้จึงหยิบยืมความแข็งแกร่งของพวกเขา”องค์ชายรัชทายาทกล่าวเย้ยหยันก่อนเดินไปด้านหน้า
ทันใดนั้นเยี่ยฉวนจึงเรียกเตาหลอมยาใบเขื่องออกมาวางบนฝ่ามือเปลวไฟแผดเผาน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งขึ้นสูงสู่ท้องฟ้าพร้อมแผ่ความร้อนมหา ศาลกระจายไปทั่วบริเวณ!
เตาหลอมระดับสวรรค์งั้นหรือ?
สีหน้าสตรีพรหมจรรย์แปรเปลี่ยนจากขุ่นเคืองเป็นตื่นตระหนกระคนกระสับกระส่าย
เยี่ยฉวนเรียกใช้เตาหลอมระดับสวรรค์ออกมาเช่นนี้มีความเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากเขาต้องการทุ่มสุดกําลังที่มีเพื่อต่อกรกับองค์ชายรัชทายาท!
องค์ชายหยุดชะงักฝีเท้าโดยพลันก่อนเผยสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อสัมผัสถึงอันตรายร้ายกาจจากเตาหลอมใบนั้น
“ฝ่าบาท สิ่งนี้คือเตาหลอมระดับสวรรค์ซึ่งเป็นสมบัติกําหนดชะตากรรมของสํานักอสูรเมฆาเตาหลอมนี้อาจไม่มีประโยชน์ต่อกระหม่อมมากนักทว่าหากเปลี่ยนมือไปเป็นของพระองค์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถอาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกระหม่อมใคร่ถวายสมบัติชิ้นนี้เป็นของกํานัลแลกกับเหตุการณ์หลังจากนี้ที่เราสองจะไม่ข้องเกี่ยวกันอีกทรงมีพระดําริเป็นอย่างไร?”เยี่ยฉวนเอ่ยข้อเสนอซึ่งทําให้ทุกคนตกตะลึงยิ่ง!
ดวงตาขององค์ชายฉายแววร้อนแรงด้วยความ ปรารถนาในสมบัติชิ้นใหม่ทันที!
คุณสมบัติล้ําเลิศของมันเหนือกว่าหอคอยจ หลงหลายเท่า! หากมันตกเป็นสมบัติในครอบครองของราชวงศ์ต้าฉันจะยิ่งส่งเสริมให้ชื่อเสียง กึกก้องระบือไกลไปทั่วหล้าอย่างไม่ต้องสงสัยส่วนสํานักอสูรเมฆาที่เคยเป็นหนึ่งไร้เทียมทานจะ ได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังจากนั้นบรรดาสํานักผู้ฝึกตนจะค่อยๆเสื่อมถอยตามลําดับจนได้พลังแข็งแกร่งและไม่อาจต้านทานอํานาจของราชวงศ์ได้อีกต่อไป!
องค์รัชทายาทแห่งต้าฉันบังเกิดความลังเลขึ้นในจิตใจสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่าทว่าแววตากลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆราวมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ําอยู่ภายใน
สตรีพรหมจรรย์และเหล่ายอดฝีมือของสํานักอสูรเมฆาร้อนรนจนไม่อาจนิ่งเฉยหงจือเซียก้าวไปด้านหน้าก่อนกล่าวออก“เยี่ยฉวนเจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรจึงไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ต่อสํานักของข้า?!”
นางเข้ามาในอาณาจักรสวรรค์พร้อมกองกําลังจํานวนหนึ่งหมายยึดครองมรดกเก่าแก่ทั้งหมดแต่กลับพบว่าเยี่ยฉวนกําลังจะหยิบยื่นสมบัติล้ําค่าของสํานักอสูรเมฆาให้กับผู้อื่นทําให้นางไม่อาจระงับโทสะได้อีกต่อไปตราบใดที่มันยังอยู่ในครอบครองของเยี่ยฉวนนางยังสามารถเรียกคืนได้ตลอดเวลา แต่หากตกไปอยู่ในครอบครอง ขององค์จักรพรรดิแห่งต้าฉันคงกระทําการได้ยาก นัก ซ้ําร้ายหากราชินีอสูรเกศาขาวทราบเรื่องจะต้องโกรธาจนสั่งลงทัณฑ์นางเป็นแน่!
“จอเซีย ใช่ว่าข้าไม่รักษาสัญญาเพียงแต่ข้าไม่อาจรักษาสมบัติชิ้นนี้ไว้ได้ คนชะตาใกล้ถึงฆาตจะมีกําลังพอปกป้องทรัพย์สินได้อย่างไร?เฮ้อ.. อาจเป็นเพราะข้าไร้ความสามารถจึงทําให้ราชินีอสูรเกศาขาวต้องผิดหวัง…”
เยี่ยฉวนส่ายหน้าแสร้งทําท่าทางสิ้นหวังก่อนยกฝ่ามือขึ้นสูงเตรียมโยนเตาหลอมระดับสวรรค์ไปทางองค์ชายรัชทายาท
“ฮ่าๆๆ! เตานี้ไม่เลวทีเดียว! ไอ้หนู มอบมันให้ข้าเสีย!”
องค์ชายหัวเราะลั่นอย่างพึงใจขณะพุ่งตัวไปทางเยียฉวนหมายคว้าเตาหลอมระดับสวรรค์จากมืออีกฝ่ายด้วยเกรงว่าหากรีรอจนล่าช้าไปกว่านี้อาจเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
เยี่ยฉวนยืนนิ่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะหลบแต่อย่างใดหนําซ้ํายังเหยียดจนสุดแขนเพื่อมอบเตาหลอมในมือให้อีกฝ่ายด้วยการแสดงออกซึ่งเต็มไปด้วยความนอบน้อม
“หยุดก่อน!”
สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียกระทืบเท้าเสียงดังอย่างโกรธจัดแม้ขุ่นเคืองเพียงใดนางก็ได้หนทางอื่นนอกจากพุ่งตัวเข้าขวางหน้าเยี่ยฉวนไว้เพื่อหยุดการกระทําขององค์ชายรัศมีสว่างจ้าเจ็ดสีปรากฏขึ้นเหนือศีรษะพร้อมความแปรปรวนของพลังปราณมหาศาลในร่างที่ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง!
ตูม! เสียงอู้อี้คล้ายเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อหงจือเซียและองค์ชายรัชทายาทเผชิญหน้ากันโดยตรง!
ร่างของคนทั้งสองกระเด็นถอยห่างออกจากกันโดยไม่มีผู้ใดแพ้ชนะ เส้นผมยาวสลวยขององค์ชายยุ่งเหยิงหมวกไม้ไผ่สานที่หงจือเซียสวมใน ตอนแรกถูกคลื่นกระแทกพัดจนร่วงหล่นเผยให้เห็นใบหน้างามผุดผาดและลําคอยาวระหงด้วยกิริยาท่าทางสง่างามและไว้นวลสงวนกายาทําให้ ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างอย่างตกตะลึง แม้แต่องค์รัชทายาทผู้เคยพบพานความงามของสตรีมา นับไม่ถ้วนยังเผลอไผลชื่นชมนางโดยไม่อาจ ควบคุม
เป็นที่จระหนักดีในหมู่ผู้ฝึกตนว่าสตรีพรหมจรรย์แต่ละรุ่นล้วนมีความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวแตกต่างกันทว่าหงจือเซียผู้อําพรางใบ หน้าไว้ใต้หมวกไม้ไผ่สานตลอดเวลายังแผ่ออร่าจนทุกคนสัมผัสได้ถึงความงามเป็นเลิศ
“ขอบคุณสาวน้อยจอเซีย… ข้ารู้ว่าอย่างไรเจ้าคงไม่ปล่อยให้ข้าตายตกเสียที่นี่!”
เยี่ยฉวนเก็บเตาหลอมระดับสวรรค์เข้าที่ตามเดิมพลางฉีกยิ้มให้นางอย่างยินดีในที่สุดเขาก็สามารถกระตุ้นให้หงจอเซียทําการเคลื่อนไหวดังนั้นบรรดาศิษย์ยอดฝีมือของสํานักอสูรเมฆาต้องช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน ทําให้เขาไม่ต้องออกแรงสู้ด้วยตัวเองในครั้งสุดท้าย
“ไอ้หนู! นี่เจ้า…”
องค์ชายรัชทายาทสลัดความหลงใหลในอิสตรีที่เกิดขึ้นทิ้งไปก่อนกลับมาสนใจเหตุการณ์ปัจจุบันครั้นรู้ว่าตนตกหลุมพรางของเยี่ยฉวนเข้าแล้วจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้นใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นคล้ําเข้มอีกครั้ง ไม่คาดคิดว่าไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้จะใช้แผนการโน้มน้าวสํานักอสูรเมฆาเป็นพวกได้สําเร็จช่างไร้ยางอายนัก!
หงจือเซียจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนด้วยความเกลียดชังพร้อมขบกรามแน่น เดิมทีนางคิดว่าจะใช้โอกาสนี้เพื่อแย่งชิงเตาหลอมระดับสวรรค์กลับคืนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ตนอาจประสบในอนาคตทว่าเขากลับเจ้าแผนการเกินกว่านางจะคาดเดาไหวพริบและความเจ้าเล่ห์ของเขาสูงกว่าสุนัขจิ้งจอกอายุหนึ่งหมื่นปีหลายเท่า!
“กระหม่อมให้คํามั่นต่อราชินีแห่งเผ่าอสูรว่าจะส่งมอบเตาหลอมระดับสวรรค์นี้คืนให้นางกับมือบุรุษกล่าวคําสัตย์แล้วไม่อาจคืนคํากระหม่อมต้ องขอพระราชทานอภัย…”
เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจขณะจับจ้องไปทางองค์ชายรัชทายาทที่แค้นเคืองจนแทบระงับโทสะไม่ได้ทันใดนั้นจึงคว้าหอคอยจ
หลงจากมือปีศาจเพลิงโยนเข้าไปในหมอกพิษหนาทึบโดยเร็วก่อนหันมากล่าวกับองค์ชายอีกครั้ง “ฝ่าบาทพระองค์ทรงปรารถนาในหอคอยจ
หลงชิ้นนี้มิใช่หรือ?ในเมื่อสํานักหมอกเมฆาอยู่ในฐานะที่ไม่อาจต่อกเช่นนั้นหากผู้ใดมีความกล้าจงไขว่คว้ามันไว้ในครอบครองเถิด!”
เยี่ยฉวนทิ้งหอคอยจหลงในมือไปอย่างไม่แยแสโดยเหนือความคาดหมาย! เขาลอบส่งสัญญาณให้ปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อไม่ตื่นตระหนกและแสดงท่าทางนิ่งเฉยอย่างแนบเนียนจากนั้นพวกเขาซึ่งอยู่หลังแนวป้องกันของอสรพิษครึ่งคนทั้งสิบสองตนจึงค่อยๆถอยทัพ
กลับ
ดวงตาองค์ชายรัชทายาทแห่งต้าฉันฉายประกายกล้าด้วยไม่เต็มใจปล่อยเยี่ยฉวนให้จากไปโดยง่ายเช่นนี้แต่เมื่อมองเห็นหอคอยจวหลงตั้งอยู่ในหมอกพิษหนาทึบเลือนรางความลังเลพลันก่อตัวขึ้นในจิตใจ
ระหว่างไล่ล่าและสังหารเยี่ยฉวนกับไขว่คว้าหอคอยจอี้หลงมาครอบครอง…สิ่งใดมีความสลักสําคัญเหนือกว่า?
คําตอบที่ควรค่าแก่การตัดสินใจปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเขาในเวลาไม่นานนักถึงกระนั้นเขายังรู้สึกถึงแรงกดดันหนักหน่วงสตรีพรหมจร รย์หงจือเซียรวมถึงฝูงชนนับร้อยเหล่านั้นย่อมพรอมสร้างความยากลําบากในการแย่งชิงสมบัติไม่น้อยพวกเขาเพิกเฉยต่อการกระทําของเยี่ยฉวนและจดจ่ออยู่กับหอคอยจอี้หลงที่มองเห็นรูปร่างเพียงรางๆในหมอกพิษที่แผ่ปกคลุม
คนทั่วไปอาจมองว่าเยี่ยฉวนสิ้นคิดเพราะเลือกกําจัดสมบัติล้ําค่าชิ้นนั้นทิ้งไปเพียงเพื่อตัดปัญหาทว่าเขาใคร่ครวญทุกสิ่งอย่างรอบคอบแล้วชาย หนุ่มเบี่ยงเบนความสนใจและความขัดแย้งในหมู่ชนไปทางอื่นได้อย่างแยบยล!
หอคอยจวีหลงซึ่งเป็นมรดกเก่าแก่ของอาณาจักรสวรรค์ทรงพลังถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าการโยนมันเข้าไปในหมอกพิษย่อมไม่ถูกกัดกร่อนจนสูญสลายเป็นแน่!
เยี่ยฉวนเหลือบมองหมอกพิษทั้งสองฟากฝั่งครรลองมังกรปีศาจก่อนส่งกระแสจิตบริสุทธิ์ สื่อสารกับหลงเอ่อร์น้อยผู้ซ่อนตัวในหมอกทึบไม่ให้รีบร้อนน้ําหอคอยจวหลงเก็บไว้กับตัว
ยังไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมสําหรับการแสดงฉากอันน่าอัศจรรย์!
เยี่ยฉวนลอบยิ้มเย้ยหยันขณะหันกลับไปมององค์ชายรัชทายาทและเหล่าทหารยอดฝีมือของเขาประหนึ่งเฝ้าดูคนใกล้ตาย!
คอมเม้นต์