Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 261 อาณาเขตโลงศพหิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 261 อาณาเขตโลงศพหิน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 261 อาณาเขตโลงศพหิน

“ไอ้หนู เจ้าเรียกใครว่าภรรยานะ?!”

สตรีพรหมจรรย์ออกแรงด้วยจิตสังหารเย็นเยียบจนรอยเลือดปรากฏบนคอของเยี่ยฉวน หากกดปลายมีดคมกริบลงลึกกว่านี้เพียงนิดจะสามารถเฉือนผิวหนังและมั่นคอของเขาได้ทันที

ไม่มีชายใดกล้าแม้แต่จะมองสตรีพรหมจรรย์ผู้สันโดษและสูงส่งแห่งสํานักอสูรเมฆาโดยตรง การที่เยี่ยฉวนเรียกนางว่า “ภรรยา” จึงทําให้นางเดือดดาลเกินทน!

นางช่วยชีวิตเยี่ยฉวนจากองค์รัชทายาทเพียง เพื่อทําตามคําสั่งของราชินีอสูรเกศาขาว ไม่เช่นนั้นเตาหลอมระดับสวรรค์อาจตกไปอยู่ในมือขององค์รัชทายาทแห่งต้าฉันได้ ผู้ที่รู้ซึ้งถึงสถานการณ์ของพวกเขาคงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นใน ยามนี้ แต่ผู้ที่ไม่รู้ย่อมเชื่อว่ามีบางสิ่งก่อตัวขึ้นระหว่างคนทั้งสอง

“แม่นางจอเซีย เป็นความผิดของข้าเอง ข้าตั้งใจจะเรียกองค์รัชทายาทต่างหาก” เยี่ยฉวนตอบด้วยท่าที่ซื่อตรง

สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียหัวเราะคิกคัก แม้จะอยากโกรธเพียงใดก็โกรธไม่ลง เรียกองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินผู้สูงส่งว่าภรรยา… คงมีเพียงเยี่ยฉวนที่หาญกล้าพูดจาเช่นนี้ได้ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!

“แม่นางจอเซีย ลดดาบลงก่อนได้หรือไม่? ท่าทีของเจ้าตอนนี้ทําให้คนขี้ขลาดอย่างข้ากังวลมากทีเดียว” เยี่ยฉวนกล่าวออกและหันไปเห็นรอยยิ้มยามหัวเราะของหงจือเซียเข้าพอดี

ณ วินาทีนั้นเองที่นางบานสะพรั่งต่อหน้าเขา ราวกับดอกท้อที่งดงามที่สุดในโลก!

เยี่ยฉวนพลันหัวสมองขาวโพลนโดยไม่รู้ตัวทันที…

ชายหนุ่มพบเจอหญิงงามมามากมายนับไม่ถ้วนหลังฟื้นคืนชีพในฐานะศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆา นับประสาอะไรกับชาติก่อนยามเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์

จซื้อเจียทั้งงดงาม หลักแหลม หัวแข็ง และให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างหญิงสาววัยแรกแย้ม ยามตกหลุมรักนางยินดีจะติดตามยอดดวงใจไปถึงสุดขอบโลกเพื่อลิ้มรสอิสรเสรีไปพร้อมกัน นางมีเสน่ห์เสมอไม่ว่ากับผู้ใด ส่วนโท่วป่าเซียงเนียวนั้นนุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับสายน้ํา นางเป็นนกน้อยน่าเอ็นดูที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ยามอยู่ในห้วงรักนางพร้อมจะยินยอมทําตามทุกสิ่งที่คนรักเอื้อนเอ่ยโดยไม่มีอิดออด

ทว่าสตรีพรหมจรรย์นั้นแตกต่างออกไป นางไม่ขี้เล่นเหมือนจูซื้อเจียและไม่น่ารักหรืออ่อนแอเหมือนโท่วป่าเซียงเนียว มีเพียงชายที่นางชอบพออย่างแท้จริงเท่านั้นที่สามารถทําให้ความรักเบ่งบานขึ้นในหัวใจเย็นชาดุจน้ําแข็งได้

ครั้ง นางถอนดาบออกก่อนตรงไปยังทางเข้าห้องโถงมังกรปีศาจ เยี่ยฉวนที่เพิ่งตื่นจากภวังค์ก้าวยาวๆตามนางไป เรือนร่างอ่อนช้อยที่มองเห็นเพียงเลือนรางภายใต้ชุดคลุมรบเจ็ดสีทําให้หัวใจของเขาสั่นไหวอีกครั้ง

เรือนร่างของหลิวหงนับว่าร้อนแรงแล้ว แต่เรือนร่างของสตรีพรหมจรรย์นั้นเร้าใจเสียยิ่งกว่า

หลิวหงมักแต่งตัวเปิดเผยด้วยเสื้อผ้าสั้นกุดจนไม่อาจสั้นไปกว่านี้ได้อีกแล้ว นางดึงดูดสายตาผู้อื่นด้วยทรวงอกอวบอิ่มและเรียวขายาว รวมถึงสัดส่วนโค้งเว้าเย้ายวนใจ ตรงข้ามกับหงจือเซียที่แต่งตัวมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อมองแวบแรกอาจไม่เห็นสิ่งใด ทว่าเมื่อสังเกตอย่างใกล้ชิดจะเห็นเรือนร่างสะโอดสะองภายใต้ชุดคลุมสีรุ้งชัดเจน

บาป… เป็นบาปนัก!

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ เขารู้แก่ใจว่าการลอบมองทรวดทรงของผู้อื่นเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีแต่กลับอดใจไม่ไหว

ขณะนั้นสตรีพรหมจรรย์ที่เดินนําหน้าอยู่พลันชะงักฝีเท้า

เยี่ยฉวนรู้สึกผิดและกําลังจะหาข้อแก้ตัว แต่แล้วก็รู้สึกถึงบางสิ่งผิดปกติ

ภายในห้องโถงมังกรปีศาจนั้นว่างเปล่า มีเพียงโลงศพหินวางอยู่บนแท่นสุดโถงทางเดิน องค์รัชทายาทหลีก่วงฮ่านที่ล่วงหน้ามาก่อนยืนเหงื่อไหลโซมกายห่างออกไปไม่ไกลนัก กระแสพลังงานประหลาดและคลุมเครือแผ่ปกคลุมในอากาศ

“เหตุใดจึงไม่เดินต่อเล่า?”

เยี่ยฉวนยังคงสับสนและไม่ทันสังเกตว่าหน้าผากของหงจือเซียมีเม็ดเหงื่อผุดพรายเช่นกัน

“เจ้าโง่ อย่าขยับ ระวังใต้ฝ่าเท้าของเจ้า”

สตรีพรหมจรรย์กล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น

เยี่ยฉวนรวบรวมสติพินิจดูอย่างระมัดระวัง จึงสังเกตเห็นรัศมีที่ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของหงจ่อเซียตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบ

รัศมีนี้แปรผันไปอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็กลายเป็นมืดมิดและว่างเปล่า บางครั้งก็กลายเป็นหัวมังกรพร้อมอ้าปากกลืนกินคนเข้าไปทั้งตัว เยี่ยฉวนยังไม่รู้สึกถึงสิ่งใดแต่สตรีพรหมจรรย์กลับสัมผัสได้ถึงอันตรายและแรงกดดันมหาศาลจนแขนขาแข็งที่อ ส่วนรัศมีใต้ร่างขององค์รัชทายาทหลีกวงฮ่านนั้นชัดเจนกว่าและให้สัมผัสที่อันตรายกว่ามาก พวกเขาไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้จะมีขั้นการฝึกตนสูงส่งก็ตาม

ห้องโถงมังกรปีศาจนั้นว่างเปล่าไร้วี่แววผู้คุ้มกัน ทว่าหากประมาทไปเพียงก้าวเดียวอาจตกหลุมพรางอันน่าสะพรึงกลัวได้

หยาดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของเยี่ยฉวนไม่ต่างกัน เขาก้มลงมองรัศมีใต้ฝ่าเท้าของตนที่พร่าเลือนกว่ารัศมีใต้ฝ่าเท้าสตรีพรหมจรรย์ และองค์รัชทายาทมากจนยากจะบอกว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่ก็ให้สัมผัสอันตรายและคาดเดาไม่ได้เช่นเดียวกัน ยิ่งเข้าใกล้โลงศพหินที่สุดโถงมากเท่าใด ยิ่งเสี่ยงอันตรายมากเท่านั้น มีเพียงพระเจ้าที่ล่วงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากก้าวเท้าต่อไป

ภายในห้องโถงเงียบสงัดจนพวกเขาได้ยินเสียงหัวใจของตนเอง
ทั้งสามรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าสายลมเย็นยะเยือกพัดมาจากที่ใด เหงื่อไหลหลั่งผิดปกติจนทั้งร่างเปียกโชกและสั่นสะท้าน
ศัตรูที่มองเห็นตัวตนย่อมไม่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเท่าศัตรูที่มองไม่เห็นตัวตน!

“เยี่ยฉวน เจ้าถอยออกไปจากห้องโถงมังกรปีศาจนี้ได้หรือไม่?” หงจือเซียทําลายความเงียบขึ้นด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ

กว่าหญิงสาวจะรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติก็สายไปเสียแล้ว รัศมีใต้ฝ่าเท้าของนางให้ความรู้สึกอันตรายรุนแรงจนไม่กล้าเดินหน้าหรือถอยหลัง สัญชาตญาณบ่งบอกว่าการเคลื่อนกายแม้เพียงเล็กน้อยจะกระตุ้นอาณาเขตบางอย่างทันที แต่เยี่ยฉวนที่อยู่ข้างหลังยังพอกลับตัวได้ทัน
สตรีพรหมจรรย์ผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับเจ็ดฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เยี่ยฉวน อันตรายใหญ่หลวงที่เผชิญอยู่ทําให้นางไม่อยากเข้าใกล้โลงศพหินและครอบครองขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์อีกต่อไป ตอนนี้นางต้องการเพียงเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ให้ได้เท่านั้น

เยี่ยฉวนสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามร้ายแรงทันทีที่ลองขยับขาเล็กน้อย รัศมีพร่ามัวใต้ฝ่าเท้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นหัวมังกร หากเขาถอยหลังไปอีกก้าวจะเป็นการกระตุ้นอาณาเขตและดึงดูดการโจมตีสะเทือนขวัญในชั่วพริบตา!

“ถอยหลังไม่ได้… แล้วถ้าเดินหน้าเล่า?

เยี่ยฉวนครุ่นคิดพลางมองดูองค์รัชทายาทหลีกวงฮานที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนัก เขากัดฟันรวบรวมความกล้าก่อนจะเสี่ยงใช้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามเคลื่อนกายไปข้างหน้าโดยไม่ยกเท้าขึ้นจากพื้น

“ริ้ว!” สายลมเย็นเยียบพัดปะทะเยี่ยฉวนจนขนลุกเกรียว เขาขยับมายืนเคียงข้างสตรีพรหมจรรย์ได้สําเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นรัศมีใต้ฝ่าเท้ายังคงเลือนรางดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งสัมผัสอันตรายที่แผ่ออกมายังอ่อนแรงกว่ารัศมีใต้ฝ่าเท้าของหงจือเซียมาก

ในเมื่อไม่สามารถเดินเข้าไปในห้องโถงมังกรปีศาจได้ ก็มีแต่ต้องค่อยๆ เคลื่อนย้ายตนเองไปยังโลงศพหินไม่ใช่หรือ?
แววตาของสตรีพรหมจรรย์และองค์รัชทายาทแห่งต้าฉันลุกโชนขึ้นด้วยความฮึกเหิม!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด