Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 266 เสียใจอย่างสุดซึ้ง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 266 เสียใจอย่างสุดซึ้ง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 266 เสียใจอย่างสุดซึ้ง

แสงสีขาวกะพริบบนจอผลึกแก้วอีกครั้ง

คราวนี้จะปรากฏปัญหาเชาวน์แบบใด? จะมีโอ กาสได้อธิษฐานอีกหรือไม่?
คนทั้งสามนิ่งเงียบขณะรอคอยอย่างมีความ หวัง

โดยเฉพาะองค์ชายรัชทายาทหลีก่วงซ่านผู้มี กงล้อสะบั้นมังกรแขวนอยู่เหนือร่างห่างออกไป เพียงเมตรเดียว คราวนี้เขามีโอกาสตอบคําถาม เป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นจึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้ตัว อักษรที่ปรากฏบนจอเป็นการสั่งให้อธิษฐานไม่ใช่ คําถามประลองปัญญา หากเขาย้อนเวลากลับไป ได้จะไม่กล้าคาดหวังสิ่งฟุ่มเฟือยจากการขอ พรในครั้งก่อนหน้านี้ จะไม่ขอรับมรดกใดๆ และ ไม่กล้าขอให้ตนหลุดพ้นจากอาณาจักรสวรรค์ ด้วยซ้ํา หวังเพียงกงล้อนี้ลอยสูงจากเดิมเพียง หนึ่งเมตรก็พึงใจยิ่ง

หรือขอให้เวลาที่นับถอยหลังนานกว่าหนึ่งนาทีก็ยังดี

เขาไม่เคยมีความปรารถนาแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอดเช่นนี้มาก่อน!
หลังแสงสว่างแพรวพราวจางหายไปตัวอักษรสีทองชุดใหญ่จึงปรากฏขึ้นบนจอผลึกแก้วอีกครั้ง “ผู้ฝึกตนที่บรรลุการฝึกตนขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัด หรือขั้นที่สูงกว่าเท่านั้น จึงจะสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาต่อไปนี้เพื่อปลดปล่อยเสรีภาพของตนเอง หลังจากนั้นเจ้าจึงสามารถเลือกระหว่างออกไปจากที่นี่ หรือยอมรับความท้าทายต่อไปในการรับมรดกของอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้ไปครอง…” เบื้องหลังประโยคดังกล่าวปรากฏเป็นตําราเคล็ดวิชาเลือนราง

ครั้นข้อความชุดแรกหายไปจนคงเหลือเพียงตําราฝึกตนยาวเหยียดด้านข้างของจอผลึกแก้วจึงปรากฏจํานวนเลขนับถอยหลัง!

สีหน้าของคนทั้งสามแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกโดยพลัน!

“ไอ้อหมาน่ารังเกียจ! นี่เรียกว่าโอกาสรอดชีวิตที่ไหนกัน!? แกล่อลวงคนให้ติดกับจนถูกฆ่าตายชัดๆ!”

องค์ชายรัชทายาทสาปแช่งอย่างโกรธจัด!

หากเขาบรรลุขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดมีหรือจะติดอยู่ในสถานที่เช่นนี้?! เขาคงหาทางเอาตัวรอดโดยวิธีอื่นไปนานแล้ว ไม่รอให้ตนถูกตรึงไว้กับพื้นจนขยับเขยื้อนใดๆ ไม่ได้เป็นแน่!

สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียเม้มริมฝีปากสนิทเยี่ยฉวนเผยสีหน้าไม่สู้ดีกับเงื่อนไขที่ปรากฏตรงหน้า

แม้คําพูดขององค์ชายเต็มไปด้วยความหหยาบคาย แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความจริง ปรมาจารย์สูงสุดแห่งอาณาจักรสวรรค์มังกรปีศาจต้องการให้ผู้บุกรุกทั้งหมดตกลงในกับดักแห่งความตายที่ไม่อาจหนีพ้นคําถามก่อนหน้าแม้แฝงความนัยลึกซึ้ง ทว่าไม่ยากเกินแก้ไข ตอนนี้เงื่อนไขดังกล่าวกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ หากมีเพียงผู้ฝึกตนที่บรรลุขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดที่จะสามารถปลดปล่อยตนให้เป็นอิสระ เช่นนั้นพวกเขาทุกคนคงไม่อาจรอดพ้นจากหายนะนี้!

แม้เยี่ยฉวนมีประสบการณ์ชีวิตอันยาวนานถึงสองชาติสองภพ ทว่าคราวนี้เขากลับไม่สามารถหาทางออกได้

ผิดแล้ว!

ที่ใดมีชีวิตที่นั่นย่อมมีกลิ่นอายของความตาย และท่ามกลางบรรยากาศเช่นนั้นย่อมมีสักทางที่จะทําให้รอดชีวิต ต่อให้ครรลองมังกรปีศาจถล่มลงไปทว่าพวกเขายังรอดพ้นจากวิกฤตร้ายแรงมาได้ ด้วยอุปนิสัยที่แยบยลของปรมาจารย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะตัดเส้นทางหลบหนีทั้งหมดจนผู้บุกรุกจนปัญญา!

ฉะนั้นต้องสอดส่องมองหาให้ทั่วบริเวณ ต้องมีสักหนทางที่จะทําให้เขามีโอกาสรอด!

สายตาชายหนุ่มยังคงจับจ้องไปที่ตําราเคล็ดวิชาซึ่งปรากฏบนจอผลึกแก้วพร้อมพยายามทําความเข้าใจให้แตกฉาน น่าเสียดายที่มือและขาของเขาถูกพันธนาการไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อน ทําให้ไม่อาจรวบรวมพลังปราณในร่างกายได้ แม้เพียงเสียง องค์ชายรัชทายาทที่นอนอยู่อีกด้านหนึ่งก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน เห็นที่ประโยคที่ระบุว่ามีเพียงยอดฝีมือขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดที่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาดังกล่าวคงเป็นความจริงเสียแล้ว!

ตัวเลขบนหน้าจอนับถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็นับมาถึงเลขหลักเดียวเร็วกว่าที่คาดไว้ จากสิบเหลือเก้า…แปด…

“ไม่! ข้ายังไม่อยากตาย! ไม่…”

องค์ชายร้องตะโกนโหวกเหวกด้วยความหวาดผวา สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด ในช่วงเวลาสุดท้ายที่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ทําให้สมองของเขาขาวโพลน ยิ่งเห็นตัวเลขที่นับถอยหลัง ยิ่งคิดสิ่งใดไม่ออกอีกต่อไป!
เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าฉิน! อนาคตสูงส่งเป็นถึงว่าที่องค์จักรพรรดิแห่งแว่นแคว้น เขาจะมาสิ้นชีพอย่างไรเกียรติในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไร?!

องค์ชายหลีก่วงซ่านตะโกนอย่างตื่นตระหนกครั้งแล้วครั้งเล่า จนร่างสั่นสะท้าน เสียงที่เปล่งออกช่างแหบแห้ง

ขอบเขตป้องกันเป็นเพียงค่ายกลที่ไร้ชีวิตจิตใจ แม้อ้อนวอนร้องขอชีวิตเพียงใดทว่ากลับไร้การตอบสนอง ต่อให้เขามีฐานันดรสูงส่งแต่เมื่อติดอยู่ในกับดักอันน่าสะพรึงนี้ หากไร้ความสามารถ หนทางเดียวคือถูกกําจัดเท่านั้น!

ตึง! กงล้อสะบั้นมังกรที่แขวนอยู่ห่างจากร่าง องค์ชายหลีก่วงฮ่านหนึ่งเมตรในตอนแรกร่วงลงกระแทกพื้นดินทันที! ฟันเหล็กที่แข็งแรงและแหลมคมที่มแทงลึกเข้าไปที่ใบหน้าของเขา โดยแรงจนกลายเป็นแผลฉกรรจ์น่าสยดสยอง!

“อ๊าก…”

เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างสาหัส ก่อนวาระสุดท้ายดังก้องไปทั่วบริเวณ หงจ่อเซียหลับตาปีด้วยไม่กล้ามองภาพน่ากลัวเช่นนั้น เยี่ยฉวนเพียงเบือนหน้าหนีด้วยหัวใจสั่นรัว!

เดิมที่ห้องโถงมังกรปีศาจแห่งนี้เมื่อเทียบกับครรลองปีศาจดูเหมือนมีภยันตรายน้อยกว่า ภายในปราศจากมังกรยักษ์ดุร้ายหรือหมอกพิษหนาทึบที่เดือดพล่าน ทว่าแท้จริงแล้วห้องโถง มังกรปีศาจน่ากลัวกว่าเส้นทางที่ผ่านมาหลายเท่า! บรรดาผู้ฝึกตนที่ไม่เคยประสบกับช่วงระทึกขวัญที่ต้องนอนรอความตายมาเยือนโดยไม่อาจต่อต้านใดๆ ได้เป็นการทารุณทางใจและกายอย่างร้ายแรงที่สุด!

ทันใดนั้นฟองอากาศขนาดน้อยใหญ่หลายสิบ ฟองพลันพุ่งขึ้นจากพื้นดิน พวกมันมีพื้นผิวสีขาว และสีดําซึ่งอาจนําไปสู่ปลายทางของโลกที่แตกต่าง ร่างไร้ลมหายใจขององค์ชายรัชทายาทหายวับไปอย่างรวดเร็วพร้อมฟองอากาศที่ดูดกลืนเข้าไป พวกมันลอยขึ้นไปในอากาศไกลออกไปเรื่อยๆ บางทีเขาอาจถูกทําลายไปพร้อมจิต วิญญาณจนดับสูญ หรืออาจถูกส่งไปอยู่ในดินแดนประหลาดจนหาทางกลับออกมาไม่สําเร็จ

เยี่ยฉวนกวาดสายตามองโดยรอบเพื่อหาโอกา สที่ตนจะมีชีวิตรอด ในที่สุดเขาก็พบความหวัง!

ฟองอากาศเหล่านี้มีลักษณะเดียวกันกับที่เขา เคยเห็นบนครรลองมังกรปีศาจ แม้พวกมันเป็นลางแห่งเหตุร้ายมากกว่าเหตุดี แต่อย่างน้อยพวกมันก็ยังนําพาเขาไปสู่ความหวังครั้งสุดท้าย!

ตึง! ตึง! กงล้อสะบั้นมังกรเหนือร่างของหนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษลดระดับลงมาหนึ่งเมตร หงจือเซียยังคงอยู่ในระยะปลอดภัยเพราะยังมีโอกาสรอดถึงสองครั้ง แต่เยี่ยฉวนเหลือโอกาสรอดชีวิตเพียงครั้งเดียว!

ขอบเขตป้องกันนี้จะเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อธิษฐานอีกครั้งหรือไม่?!

เยี่ยฉวนและหงจือเซียมองจอผลึกแก้วโดยไม่กะพริบตาอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

จอผลึกแก้วนิ่งสนิทไร้การเปลี่ยนแปลง แสงสีขาวไม่กะพริบเช่นทุกครั้ง ชุดตัวอักษรที่ปรากฏตั้งแต่ครั้งก่อนหน้ายังคงอยู่เช่นเดิม ทว่าจํานวนเลขที่อยู่ด้านข้างกลับเริ่มต้นนับถอยหลังอีกครั้ง!

“บ้าฉิบ!”

เยี่ยฉวนสาปแช่งอย่างโกรธจัด…จนปัญญาคิ ดการสิ่งใดอีกต่อไป!

การทดสอบครั้งสุดท้ายเป็นการคัดกรองระดับ การฝึกตนของผู้บุกรุกอย่างไร้ข้อหลีกเลี่ยง ครั้งนี้ ไม่ว่าประสบการณ์หลายล้านปีหรือเคล็ดวิชานับสามพันอย่างที่เขาเคยฝึกฝนจนบรรลุก็ไร้ประโยชน์

“ข้าขอโทษ เยี่ยฉวน…ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า…”

หงจือเซียกล่าวพร้อมหยดน้ําใสที่ไหลรินลงจากดวงตา “เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ควรอธิษฐานขออะไรเช่นนั้นเลย รู้หรือไม่? นับจากวันนี้ข้าคงติดหนี้เจ้าไปชั่วชีวิต!”

“นั่นเป็นเพราะข้าต้องการให้เจ้าติดหนี้ต่างหาก หากครั้งนี้ข้าไม่ตาย…เจ้าต้องชดเชยความปรารถนาดีคืนให้ข้าอย่างสาสม!” เยี่ยฉวนเอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างเย้ยหยันในชะตาชีวิตของตนเอง ขณะที่วาระสุดท้ายใกล้มาถึงแต่เขายังรักษาท่าที่นิ่งสงบ ต่อให้โกรธแค้นหรือวิตกกังวลอย่างไรก็คงไม่มีผลให้กฎเกณฑ์เกิดการเปลี่ยนแปลง

“หากมีโอกาสได้อธิษฐานอีกครั้ง เจ้ายังจะทําเรื่องโง่ๆ เช่นนี้อีกหรือไม่?” นางเอ่ยถาม

“อืม…ข้าจะขอพรเช่นนั้น อย่างน้อยขอให้ข้าตายก่อนยังดีเสียกว่าตายที่หลังแล้วเห็นเจ้าตายไปต่อหน้า”

เยี่ยฉวนตอบกลับ จํานวนบนจอผลึกแก้วนับ ถอยหลังมาถึงสิบห้าแล้ว…อีกไม่นานคงลดลงจนเหลือศูนย์ ถึงกระนั้นใบหน้าเขายังเรียบเฉยปราศจากความหวาดกลัว “หากมีโอกาสอีกครั้งข้าจะขอเพิ่มอีกประโยคหนึ่ง ขอให้ข้าขยับมือได้ก่อนที่จะตายภายใต้กงล้อสะบั้นมังกรนี้”

“เพราะเหตุใด? หากเจ้าขยับมือได้เจ้าจะสามารถปลดปล่อยตัวเองได้อย่างนั้นหรือ?” หงจือเซียเอ่ยถาม

“เปล่า ข้าเพียงอยากสัมผัสมือเข้าก่อนตาย นับตั้งแต่เรารู้จักกันจนถึงเวลานี้ข้ายังไม่เคยกุมมือน้อยๆของหญิงสาวเลยสักครั้ง หากตายตกไปทั้งแบบนี้คงน่าเสียดายนัก!” เยี่ยฉวนกล่าวตอบพลางเหลือบมองจํานวนเลขที่ลดเหลือเพียงสิบเอ็ด วาระสุดท้ายของเขาใกล้มาถึงแล้ว ความทรงจําทั้งหมดตั้งแต่ภพชาติก่อนหลั่งไหลเข้ามาสู่โสตประสาทอย่างแจ่มชัดก่อนที่ในที่สุดจะเลือนหายไป

เขาถูกกักขังในสุสานเทพเจ้าเป็นเวลาหลายล้านปีทว่าไม่ตาย กลับเอาชีวิตรอดมาจุติใหม่เพื่อมาตายในสถานที่แห่งนี้!

เยี่ยฉวนทอดถอนใจอย่างปลงตกเมื่อนึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กําลังจะเกิดขึ้นกับชีวิต ดวงตาฉายแววโศกเศร้าอย่างชัดเจน
“คนเจ้าชู้! เยี่ยฉวน…เจ้าไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”

หงจือเซียรู้ดีว่าเยี่ยฉวนเจ้าชู้เพียงใด ก่อนหน้านี้เขามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับศิษย์หญิงรุ่นเยาว์หลายคน การที่เขาไม่เคยแตะต้องมือของพวกนางสักครั้งจะเป็นไปได้อย่างไร? คงมีเพียงมือของนางเท่านั้นที่เขาไม่เคยสัมผัส

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งติดพันกับความตายเช่นนี้มุมปากของนางกลับกระตุกหลายครั้ง แม้อยากหัวเราะออกมาดังๆ ทว่ากลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก มีเพียงน้ําตาที่ไหลรินอย่างไม่ขาดสาย หัวใจซึ่งเคยเป็นเสมือนธา รน้ําแข็งค่อยๆ หลอมละลายลงเพราะเยี่ยฉวน ถึง กระนั้นคงสายเกินไปแล้วที่นางจะใช้ชีวิตอยู่ร่ว มกับเขา อีกไม่นานความตายก็จะพรากทั้งสองให้ แยกจากกันตลอดกาล โลกนี้มีสิ่งใดที่โหดร้ายไป กว่านี้อีกหรือไม่?

แท้จริงความสุขที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์อาจไม่ใช่ ทรัพย์สมบัติหรือฐานันดรอันสูงส่ง แต่เป็นเพียงการมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้ ส่วนโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดคงไม่พ้นการมองความสุขของตนถูกทําลายลงต่อหน้าต่อตา!

สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียโศกาอาดูรอย่างที่สุด ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ทําให้นางเสียน้ําตามากกว่าระ ยะเวลาสิบปีรวมกันเสียอีก หากย้อนเวลากลับไปได้ นางจะรักษาธารน้ําแข็งในหัวใจไม่ให้ละลายลงเพราะเขา และฟังคําอธิษฐานซึ่งเต็มไปด้วย ความเสียสละจากปากเขาโดยไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อโศกนาฏกรรมคืบคลานเข้ามาทุกขณะแม้คาดหวังอย่างไรคงไร้ประโยชน์เสียแล้ว

หายนะแห่งความรัก…ชีวิตนางถูกกําหนดให้ต้องเผชิญชะตากรรมโหดร้ายเช่นนี้!

หงจือเซียนึกย้อนไปถึงคําทํานายของราชินีอสูรเกศาขาวผู้เป็นอาจารย์ทันที นี่น่ะหรือความหายนะดังกล่าว? หญิงสาวได้แต่นอนหงาย และร้องไห้อย่างเงียบเชียบ หยดน้ําใสไหลรินจนเปียกขึ้นไปทั่วเส้นผมที่สยายอยู่บนพื้น…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด