Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 274 ค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 274 ค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 274 ค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์

เยี่ยฉวนเดินตามเส้นทางขรุขระมุ่งหน้าไปยังยอดเขามังกรสวรรค์…

ตอนที่เขาประกาศว่าตนจะย้ายถิ่นพํานักไปยังภูเขาหลังสํานักเขาได้ตั้งชื่อมันว่ายอดเขามังกรสวรรค์ตามเมล็ดพันธุ์พืชที่เคยได้รับมาป่ารกชัฏสองข้างทางแปรสภาพไปจนแทบจําไม่ได้ทุกหนแห่งมีการเพาะปลูกพืชสมุนไพรนานาพันธุ์ซึ่ง โชยกลิ่นโอสถอ่อนๆ มาตามสายลม เมื่อมองไป ด้านหน้าจึงพบยอดเขาสีม่วงสวยตระการตาแท รกแซมด้วยพืชผลสีแดงสด พื้นที่สีเขียวกว้าง ใหญ่ปรากฏสมุนไพรหายากหลายชนิดที่เจริญ เติบโตเต็มวัย

การเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งทะยานถึงขีดจํากัดสูงสุดแม้เสี่ยงต่อการเปิดเผยสภาวะกิ่งมังกรเพียงก้าวเดียวกินระยะทางกว่าหนึ่งร้อยเมตรโฉบผ่านทิวเขาหลายลูกโดยไม่รอจ้าวต้าจ่อที่วิ่งตามมาด้านหลังต่อให้เจ้าอ้วนขึ้นเหยียบกระบบินก็ไม่อาจไล่ตามทัน

ไม่กี่อึดใจเยี่ยฉวนจึงเดินถึงมาถึงจุดสูงสุดของภูเขาข้างหุบเขามังกรปีศาจ เขาหยุดชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า…

ไม่ไกลจากเรือนมังกรสวรรค์ปรากฏหลุมศพซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวข้างกระท่อมไม้ซุงที่ก่อสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายสตรีนางหนึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าหลุม ศพสี่เหลี่ยมนั้นโดยหันหลังให้กับเขานางไม่ขยับเขยื้อนร่างกายมาพักใหญ่แล้วเครื่องแต่งกายที่สวมใส่เป็นชุดคลุมที่ทอขึ้นจากผ้าฝ้ายหยาบๆ ทรวดทรงยังคงผอมบางและสง่างามเช่นเคยทว่าศีรษะกลับล้านโล่งปราศจากเรือนผมดําขลับประหนึ่งภิกษุณีชราที่บําเพ็ญตนอยู่ในหุบเขาอันห่างไกล

ดวงตาเยี่ยฉวนร้อนผ่าวอย่างสะท้อนใจเมื่อจองมองร่างของนางจากด้านหลัง

นางคือสตรีผู้เดียวกันกับจซื้อเจียผู้ฉลาดหลักแหลมกระฉับกระเฉงว่องไวและดื้อรั้นอยู่เป็นนิจจริงหรือ?

หากไม่เห็นกับตาเขาไม่มีวันเชื่อว่าหญิงสาวที่เคยเจ้าเล่ห์และหัวแข็งจะยอมปลงผมกลายเป็นภิกษุณีผู้สุขุมสงบนิ่งเช่นนี้ความรู้สึกผิดทั้งมวล ท่วมท้นขึ้นในจิตใจ เขาก้าวไปด้านหน้าอย่าช้าๆพร้อมกล่าวคําเบา“เจียเจีย ข้ากลับมาแล้ว…”

จซื้อเจียสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ได้ยินเสียงเพรียกนั้นจนตื่นจากห้วงสมาธินางยังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เช่นนั้นกระทั่งเยี่ยฉวนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังหญิงสาวไม่โผเข้าสู่อ้อมกอดเขาเช่นทุกครั้งแต่กลับยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าและคร่ําครวญเสียงสั่นเครือ “เยี่ยฉวนเป็นท่านอีกแล้วท่านมาเข้าฝันข้าอีกแล้วหรืออย่างไร?”

ฝีเท้าของเยี่ยฉวนหยุดชะงักโดยพลัน…รู้สึกราวมีบางสิ่งทุบหัวใจของเขาจนร้าวระบม

ภพชาติก่อนสมัยที่เขามีสถานะเป็นถึงมหาปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์ด้วยฝ่ามืออ้อมอกแกร่งของเขาไม่เคยว่างเสว้นจากการมีสตริงดงามมากมายแนบแอบอิงตลอดชีวิตพานพบหญิงสาวมาแล้วทุกประเภททว่าสุดท้ายความเกรียงไกรล้นฟ้ากลับพังทลายลงด้วยน้ํามือสตรีนางหนึ่งเช่นกันเขาตกหลุมพรางในอุบายของนางกระทั่งดวงวิญญาณถูกจองจําอยู่ในสุสานเทพเจ้านานหลายล้านปี

ภพชาตินี้หลังจากจุติขึ้นใหม่ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆา เยี่ยฉวนตั้งปณิธานอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะต้องก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของยุทธภพให้รุ่งโรจน์ยิ่งกว่าภพชาติก่อนหน้าและเพียรฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่ตนจะกลายเป็นมหาปราชญ์กลืนกินสวรรค์บ่มเพาะสติปัญญาให้แกร่งกล้าขึ้นเป็นเท่าทวีสําหรับสตรีเขาตัดสินใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวและให้พวกนางเป็นเพียงผู้สร้างอารมณ์สุนทรีย์

ชีวิตนี้เขาคิดว่าตนคงปราศจากความรักใคร่เห็นใจสตรีผู้ใดทั้งสิ้นแม้หัวใจเย็นชาประหนึ่งธารน้ําแข็งของสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียยังหลอมละลายลงเพราะความรักที่มีต่อเขาทว่าหัวใจของเขากลับเยือกแข็งราวเกราะหุ้มเหล็กความปรารถนาร้อนแรงของนางไม่อาจทําให้เขาล้มเลิกความ ตั้งใจเดิมได้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวและเรือนกายซูบผอมของจซื้อเจียที่ตรอมใจเพราะเขา…รอยปริร้าวกลับปรากฏขึ้นบนกําแพงหัวใจเขาก้าวไปด้านหน้าก่อนรวบร่างจซื้อเจียมาแนบอกทันที

“เจียเจี้ย นี่ไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใดข้ากลับมาหาเจ้าแล้ว!” เขาประคองใบหน้าของนางให้เงยขึ้นก่อนพรมจูบซับน้ําตาอย่างอ่อนโยนจุมพิตนั้นเปี่ยมไปด้วยความหวานล้ํา

โท่วป่าเซียงเพียวเรียบร้อยอ่อนหวานราวนกน้อยเสียงเจื้อยแจ้วส่วนหงจือเซียนั้นสง่างามและมีความสามารถไร้ที่ติลักษณะภายนอกเย็นชาทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยความรักร้อนแรงถึงกระนั้นคนที่เขาชื่นชอบที่สุดก็ยังคงเป็นศิษย์น้องหญิงรุ่นเยาว์ผู้ร่วมเป็นร่วมตายกับเขานางนี้อุปนิสัยกล้าหาญมุ่งมั่นและเฉลียวฉลาดทําให้เขาตกหลุมรักนางครั้งแล้วครั้งเล่า คงไม่แปลกหากกําแพงน้ําแข็งสูงตระหง่านในจิตใจของเขาจะถูกนางหลอมละลายลงเช่นนี้

“เยี่ยฉวน นั่นท่านจริงๆ หรือ?! บอกทีเถิดว่าทั้งหมดนี้ไม่เป็นเพียงภวังค์นึกคิดของข้า!” จูชื่อเจียเบิกตากว้างราวตื่นขึ้นจากความฝันก่อนโผเข้าโอ บกอดอีกฝ่ายแนบแน่น

เยี่ยฉวนไม่ปริปากเอ่ยคําใด เขาสอดมือผ่านเอวบางของนางพร้อมก้มลงจุมพิตบนริมฝีปากนุ่มละมุนความรู้สึกโหยหาทําให้โลกทั้งใบเสมือนหยุดหมุน เวลาผันผ่านไปนานเพียงใดไม่อาจทราบกระทั่งลมหายใจทั้งคู่กระชั้นขึ้นจึงผละห่างจากกันอย่างไม่เต็มใจ

หยดน้ําใสไหลรินลงจากดวงตาของจูซื้อเจียครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความโศกเศร้าแต่เพราะความปีติยินดีอย่างที่สุดที่เขารอดชีวิตกลับมาอย่างปลอดภัย สัมผัสแนบชิดเมื่อครู่ย้ําเตือนให้นางรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นเพียงภาพฝัน

วูบ… กระแสลมแรงพัดกระโชกไปสู่หุบเขามั่งกรปีศาจอย่างรวดเร็วทันใดนั้นหมอกโลหิตแดงฉานน่าสะพรึงกลัวบริเวณปากเหวพลันม้วนตัวอย่างเดือดพล่าน!

หัวใจของเยี่ยฉวนสั่นสะท้านเมื่อหวนนึกถึงหนานเทียนโตวผู้กระโดดลงไปยังก้นเหวลึกเพื่อปลิดชีพ

ตอนนี้การฝึกตนของเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนบรรลุสู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่หนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งยังขัดเกลาร่างกายจนเกิด สภาวะกิ่งมังกรสําเร็จ หลังจากนี้เขาอาจพาหลงเอ่อร์เข้าไปสํารวจยังเบื้องล่างของหุบเขามังกรปี ศาจซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกโลหิตหากหนานเทียนโตวยังมีชีวิตอยู่นั่นนับเป็นเรื่องดี…หาก

ตายตกไปแล้วจริงก็ควรพบเห็นศพดังนั้นเขาจึงเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะลงไปค้นหาศิษย์น้องคนสนิทอีกครั้งทว่าก่อนที่เขาจะทําเช่น นั้นได้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ…

เยี่ยฉวนเก็บงําความคิดที่จะลงไปสํารวจหบเขามังกรปีศาจไว้ก่อน จากนั้นจึงกุมมือน้อยๆของจูชื่อเจียก่อนกล่าวออก“เจียเจียเราสองคนเร่งเดินทางไปพบอาวุโสลําดับสองที่ห้องโถงหมอกเมฆาก่อนเถิด!”

“เกิดเรื่องใดขึ้นหรือศิษย์พี่ใหญ่?” น้ําตาจซื้อเจียเหือดแห้งไปแล้วนางตระหนักจากน้ําเสียงของอีกฝ่ายทันทีว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงบางประกา รเกิดขึ้น

“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเสียแล้ว ข้าเรียกใช้เตาหลอมระดับสวรรค์เป็นเครื่องมือช่วยต้านทานให้รอดพ้นจากภัยพิบัติมังกรสังหารบัดนี้เตาหลอมถูกทํา ลายจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมหากสํานักอสูรเมฆารู้เรื่องนี้คงยกทัพมาทําสงครามกับเราเป็นแน่!”เยี่ยฉวนเอ่ยตอบพลางดึงมือนางให้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เขาต้องใช้โอกาสที่ทั้งราชวงศ์ต้าฉินและสํานักอสูรเมฆายังไม่บุกเข้าโจมตีเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับศึกที่กําลังคืบคลานเข้ามาในไม่ช้า

จซื้อเจียตื่นตระหนกยิ่งด้วยเข้าใจว่าหายนะครั้งนี้รุนแรงนักนางไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีกและเพิ่ม ความเร็วเพื่อติดตามเยี่ยฉวนกลับไปยังสํานักหมอกเมฆา

ราชวงศ์ต้าฉันปกครองอํานาจสูงสุดในอาณาจักรฆราวาสส่วนสํานักเมฆาเป็นประมุขสูงสุดที่ทรงอํานาจในโลกของผู้ฝึกตนลําพังการถูกจู่โจมจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งย่อมทําให้สํานักเมฆาตกที่นั่งลําบากพออยู่แล้วการที่เยี่ยฉวนสร้างความ วิกฤตจนกระทบทั้งสองฝ่ายเช่นนี้หมายความว่าสํานักหมอกเมฆาตกอยู่ในพายุร้ายที่โหมกระหน่ําอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงสองมหาอํานาจอาจกวาดล้างสํานักผู้ฝึกตนเก่าแก่ของพวกเขาจนสิ้นซาก

ณ จุดสูงสุดของยอดเขาหมอกเมฆาเสียงระฆังซึ่งถูกสายลมพัดพาจนกระทบกันดังกังวานต่อเนื่องถึงแปดสิบเอ็ดครั้งสุรเสียงไพเราะกึกก้องไปทั่วทั้งสํานักเป็นการส่งสัญญาณให้ศิษย์ทุกคนรวมตัว

บรรดาศิษย์ทั้งหมดที่บรรลุการฝึกตนขึ้นซิวฉือขึ้นไปวางภารกิจทุกอย่างในมือลงและเร่งเดินทางไปยังห้องโถงใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาทันที

ผู้ที่นั่งหลังตรงอยู่บนบัลลังก์สูงสุดของห้องโถงคืออาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินที่กุมอํานาจเบ็ดเสร็จของสํานักหมอกเมฆาไว้ชั่วคราวใบหน้าชายชราคล้ําเข้มหลังได้ยินเยี่ยฉวนบอกกล่าวถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาและเรื่องราวเลวร้ายที่กําลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้สํานักหมอกเมฆาต้องเผชิญกับหายนะใหญ่หลวงยิ่งกว่าตอนถูกอาวุโสลําดับสามไปเยี่ยนหูก่อกบฏเสียอีก!หากวันนั้นไปเยี่ยนหูยึดอํานาจสําเร็จทั้งสํานักเพียงได้รับความเสียหายร้ายแรงทว่ายังสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่ตอนนี้หากราชวงศ์ต้าฉินและสํานักอสูรเมฆานําทัพมาโจมตีพวกเขาพร้อมกันเห็นที่สํานักหมอกเมฆาคงถูกกวาดล้างจนไม่อาจก่อตั้งขึ้นใหม่

“ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายจงฟัง…ข้าขอประกาศว่านับจากนี้จะเข้าสู่การฝึกตนอย่างสันโดษ ไม่ ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆของสํานักหมอกเมฆาอีกต่อไป นับตั้งแต่วันนี้เยี่ยฉวนจะกลายเป็นผู้จัดการเรื่องทั้งมวลโดยชอบธรรมสามเดือนผ่านไปข้าจึงยุติการฝึกตนหากเวลานั้นสํานักไร้ปัญหาถูกศึกนอกรุกราน…เยี่ยฉวนจะขึ้นดํารงตําแหน่งเจ้าสํานักของเราทันที!”

อาวุโสลําดับสามหนานกงเหรินประกาศเจตนารมณ์อันน่าตระหนกนี้ต่อหน้าสาธารณชนให้รับรู้โดยทั่วกันก่อนเร้นกายออกจากห้องโถงไปเขาล่วงเข้าสู่วัยชราภาพมานานโขแล้วซ้ำร้ายยังได้รับบาดเจ็บหนักจนสูญเสียขาทั้งสองข้างดังนั้นจึงไม่อาจดํารงฐานะเป็นผู้นําสํานักหมอกเมฆาให้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดมีสาเหตุมาจากเยี่ยฉวนเขาจึงมอบอํานาจทั้งหมดให้อีกฝ่ายจัดการแก้ไขด้วยตนเองเสีย!

บรรดาศิษย์เริ่มหันไปพูดคุยกันด้วยความตกตะสิ่งระคนชื่นชมแม้ความสามารถของเยี่ยฉวนจะเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่การรับมอบหมายจากหนานกงเหรินให้คุมอํานาจเบ็ดเสร็จเพื่อพิสูจน์ตนเองและก้าวขึ้นสู่ตําแหน่งเจ้าสํานักถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายยิ่ง!

เยี่ยฉวนก็ประหลาดใจในการตัดสินใจเฉียบ ขาดของชายชราเช่นกันเดิมที่เขาคิดว่าหนานกงเหรินคงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่งที่ตนก่อเรื่องรักศึกเข้าบ้านและคงทําการลงโทษเขาพร้อมส่งสาส์นขออภัยไปยังราชวงศ์ต้าฉินและสํานักอสูรเมฆาอย่างเร่งด่วนไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายยังคงรักษาท่าที่สงบนิ่งและไม่เปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าคนหมู่มากทั้งยังมอบอํานาจทั้งหมดของสํานักให้เขาควบคุมดูแล

ชายชราผู้นี้มีวิธีคิดที่แยบยลยิ่งเหนือคนธรรมดา ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถอบรมชี้แนะการฝึกตนให้กับหนานเทียนโตวผู้เป็นศิษย์เอกจนก ลายเป็นยอดฝีมือในรอบหนึ่งพันปี!

เยี่ยฉวนค้นพบในที่สุดว่าอาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินซึ่งถูกเรียกขานว่าผู้คลั่งไคล์โอสถมีความสามารถเก่งกาจกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ แสดงออกมาก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่ปรากฏตัวชายชรามักคลุกคลีอยู่กับพืชสมุนไพรจนไม่ใส่ใจเรื่องอื่นแต่ความจริงแล้วเขาเคยผ่านร้อนผ่านหนาวรวมถึงประสบการณ์ชีวิตอันเลวร้ายเหลือคณานับทําให้เขาสามารถตัดสินใจแก้สถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ด้วยความใจเย็นปราศจากอารมณ์โทสะ
“ทหารอารักขาทุกนายรับคําสั่ง!”

เยี่ยฉวนขยับไปยืนตรงจุดกึ่งกลางพร้อมออกคําสั่ง“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจงปิดประตูทางเข้าสํานักให้แน่นหนาห้ามผู้ใดเดินทางเข้าหรือออกจากสํานักโดยพลการหากปราศจากการอนุญาตศิษย์ทุกคนที่บรรลุขั้นซิวฉือระดับที่สามขึ้นไปฟังคําข้าให้ดี…พวกเราต้องเริ่มสร้างค่ายกลนับตั้งแต่ตอนนี้จงรวบรวมก้อนผลึกในสํานักทั้งหมดมาให้ข้า!”

ดวงตาของเยี่ยฉวนเจิดจรัสราวมีคบเพลิงลุกโชนอยู่ภายในเขาต้องการสร้างค่ายกลสังหารขั้นสูงในรูปแบบที่มหาปราชญ์ทุกคนไม่เคยพานพบ…รูปแบบที่แม้แต่สัตว์อสุรกายร้ายกาจทั้งหลายยังไม่อาจเอาชนะ!

ก่อนหน้านี้เขาบรรลุการฝึกตนเพียงขั้นซิวฉือทําให้ใช้เคล็ดวิชาต่างๆ ได้อย่างจํากัดทว่าตอนนี้เขาบรรลุการฝึกตนสู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเต่าระดับที่หนึ่งโดยสมบูรณ์สถานการณ์ทุกอย่างย่อมแตกต่างออกไปเขาสามารถเรียกใช้เคล็ดวิชาอันทรงพลังมากมายที่เคยชํานาญในพบชาติก่อนหน้า เพื่อประกาศให้ชาวยุทธภพทั้งหลายทราบว่าเยี่ยฉวนคนเดิมกลับมาแล้ว! อดีตมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่หวนคืนสู่ดินแดนรกร้างอย่างเป็นทางการ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด