Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 293 จู่โจมดุจฟ้าคําราม

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 293 จู่โจมดุจฟ้าคําราม อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 293 จู่โจมดุจฟ้าคําราม

ยามราตรีมาเยือน เหล่าศิษย์ชั้นเลิศมุ่งหน้าออกจากสํานักหมอกเมฆาไปยังสํานักเครื่องนิลอย่างเงียบเชียบภายใต้การนําของจซื้อเจีย

กําลังคนหนึ่งพันหกร้อยคนอาจไม่มากนักแต่ทุกคนล้วนเป็นศิษย์ชั้นเลิศที่ติดอาวุธครบมือทั้ง เกราะ กระบี่ และเชือกปลายขอ… ผู้คนกว่าพันชีวิตมุ่งสู่สํานักเครื่องนิลที่ไร้การป้องกันเพื่อจู่โจมฉับพลัน

จซื้อเจียจัดการกองกําลังทั้งหมดให้เดินทัพอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาใช้ทางลัดมุ่งหน้าไปยังสํานักเครื่องนิลอย่างเร่งรีบ ทักษะด้านการบังคับบัญชาและการจัดการของจซื้อเจียค่อยๆ โดดเด่นขึ้นหลังประสบพายุร้ายมานับไม่ถ้วน นางเด็ดขาดในการรับมือกับเรื่องต่างๆมากขึ้นจนไม่มีศิษย์ ชายคนใดเทียบชั้นได้ ทักษะเหล่านี้ยอดเยี่ยมกว่าฝีมือการกลั่นยาของนางหลายเท่านัก

เยี่ยฉวนล่วงหน้าไปก่อนพร้อมกับหลงเอ๋อร์ ร่างทั้งสองหายลับไปในท้องฟ้ายามค่ําคืนอันกว้างใหญ่ไพศาล

ภารกิจเพียงหนึ่งเดียวของเยี่ยฉวนคือล่วงหน้าไปยังสํานักเครื่องนิลเพื่อทําลายอาณาเขตเปิดทางให้กองทัพหลักผ่านเข้าไปโดยง่าย

จซื้อเจียและคนอื่นๆ นับว่าว่องไวมาก ทว่ายังห่างชั้นกับความเร็วของหลงเอ๋อร์น้อยราวฟ้ากับเหว

หลงเอ๋อร์น้อยพาเยี่ยฉวนมาถึงสํานักเครื่องนิลในเวลาไม่นาน

ประตูทางเข้าสํานักเครื่องนิลแลดูเงียบสงัดภายใต้ม่านหมอกยามราตรี มีทหารอารักขาเฝ้าอยู่ไม่มากนัก ส่วนมากเป็นคนชรา คนอ่อนแอ คนป่วย และผู้พิการ โท่วป่าเซียงเคลื่อนไหวอย่างประมาทเพียงเพื่อโจมตีสํานักเบญจลักษณ์ให้สําเร็จในคราเดียว เขาได้เกณฑ์บรรดาศิษย์ที่มีทักษะการต่อสู้ชั้นดีไปจนหมด

โท่วป่าเซียงเป็นพวกกล้าได้กล้าเสียมาทั้งชีวิต เดิมทีผู้สืบทอดต่าแหน่งเจ้าสํานักไม่ใช่เขาแต่โท่วป่าเซียงในวัยเยาว์กลับเสียงฉกฉวยมาจนได้ หลายปีที่แล้วสํานักเครื่องนิลยังไม่โดดเด่นมากนัก และนับว่าธรรมดาสามัญที่สุดในบรรดาสามสํานักใหญ่แห่งเทือกเขาหมอกเมฆา แต่ชายชราได้เสียงหยิบเกาลัดออกจากกองไฟเพื่อขยายอานาจ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการวางแผนชั้นเลิศหรือเพราะโชคเข้าข้างที่ทําให้ครึ่งชีวิตของโท่วป่าเซียง ในฐานะนักเดินทางประสบความสําเร็จอย่างท่วมท้นจนสร้างชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว ทว่าการเดินทางไปยังอาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์ครั้งล่าสุดกลับต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เขาจึงเสี่ยงโจมตีสํานักเบญจลักษณ์ในครั้งนี้เพื่อฉวยโอกาสยึดครองอีกฝ่ายที่สูญเสียอย่างหนักไม่ต่างกัน หากการเสี่ยงภัยครั้งนี้สําเร็จอาจช่วยชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นและเป็นก้าวสําคัญสู่การรวมอํานาจทั้งเทือกเขาหมอกเมฆา แต่ถ้าหากล้มเหลวโท่วป่าเซียงก็คงไม่เหลือสิ่งใด!

เยี่ยฉวนแฝงตัวอยู่ในหมู่ไม้ขณะลอบสังเกตการณ์บริเวณทางเข้าสํานักและหาจังหวะลงมือ

ประตูทางเข้าสํานักเครื่องนิลเป็นป้อมปราการหนาแน่นที่มีอาณาเขตล้อมรอบมากมายหลายชั้น เหล่าทหารอารักขาจึงไร้กังวลแม้สานักจะขาดการป้องกันในขณะนี้ อีกทั้งการเฝ้ายามยังไม่เข้มงวดนักเนื่องจากเป็นเวลากลางดึก

“มาเถอะเอ่อโกว มาดื่มกันเสียหน่อย!”

ทหารอารักขาสองนายนั่งพิงหน้าต่างบนป้อมปราการพร้อมขวดเหล้าองุ่นในมือ ทหารวัยกลางคนรินเหล้าให้ทหารหนุ่มพลางกระดูกที่เหลือเข้าปาก “ฮ่าๆ ของดีจริงๆ ข้าไม่ได้ลิ้มรสเหล้าองุ่นหอมกรุ่นเช่นนี้มานานแล้ว”

“พี่ใหญ่สามเลิกดื่มเถิด หากผู้อื่นรู้เข้าคงไม่ดีนัก” เอ่อโกวหนุ่มกล่าวเตือนอย่างเป็นกังวล “ถึงท่านเจ้าสํานักจะไม่อยู่แต่ยังมีผู้พิทักษ์หงตงนะขอรับ หากเขารู้เข้าพวกเราคงจบเห่แน่!”

“อย่าตีต้นไปก่อนไว้เลย! ข้าอยากจะรู้นักว่าตาเฒ่าแซ่หงกําลังเสพสมกับศิษย์หญิงอยู่แห่งหนใด เหตุไฉนจึงไม่มาร่วมดื่มด่ลมตะวันตกเฉียงเหนือ* กับพวกเราที่นี่เล่า? หึ!”

* ดื่มด่าลมตะวันตกเฉียงเหนือ = เป็นสํานวนจีน แปลว่า ทรมานจากความหนาวเย็นและหิวโหย

ชายวัยกลางคนพ่นลมเย้ยหยันด้วยท่าทีไม่พอใจในตัวผู้พิทักษ์สํานัก “ตาเฒ่าโรคจิตนั่น… ตําแหน่งผู้พิทักษ์สํานักคงเป็นของข้าไปแล้วหากไม่มีมันมาขัดแข้งขัดขา มันเลื่อนตําแหน่งเป็นผู้พิทักษ์สานักได้อย่างไรน่ะหรือ? ใช้สตรีซื้อใจผู้คนและสร้างเส้นสายไต่เต้าขึ้นไปน่ะสิ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!”

“ชู… พี่ใหญ่สามเบาเสียงหน่อยขอรับ ท่านเมาแล้ว” เอ่อโกวหันมองรอบตัวด้วยกังวลว่าผู้อื่นจะได้ยินเข้า

“เมาบ้าบออะไร ข้า…อีก…ยังไม่เมา ตาเฒ่าโรคจิตแซ่หงมันหน้าด้านหน้าทนทั้งยังวิปริต และต่ําช้าเป็นที่สุด เจ้ารู้จักอาวุโสชั่นที่พิการช่วงล่างจนต้องนอนติดเตียงหรือไม่? ไอ้แก่แซ่หงบังคับให้ภรรยาของมันไปปรนเปรออาวุโสสั้นสามวันสามคืนเพื่อขึ้นเป็นผู้พิทักษ์สํานักว่ากันว่านาง อับอายเกินกว่าจะพบหน้าใครได้อีก”

ชายวัยกลางคนเสริมขึ้นอย่างเมามาย “ไอ้แซ่หงมันไม่หลงเหลือความละอายใจแล้ว มันวิ่งแจ้ นไปเริงรักกับเหล่าศิษย์หญิงโดยเฉพาะพวกที่เพิ่งเข้าร่วมสํานักได้ไม่นาน ซ้ําร้ายยังแอบถ้ํามอง พวกนางยามอาบน้ําด้วย ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่แม่นางโท่วป่าเซียงเนียวก็ไม่เว้น ลือกันว่านางทั้ง สง่างามและผอมเพรียวหากแต่บั้นท้ายยามเปลื้องผ้ากลับใหญ่โตจนบุรุษแทบหัวใจวายน้ําลายหก… ไอ้แซ่หงนั่นไร้ยางอายจริงๆ บังอาจถ้ํามองนาง…”

“เอาล่ะพี่ใหญ่สาม ท่านเมาจริงๆ แล้ว ข้าจะช่วยให้ท่านสร่างเอง”

เอ่อโกวหนุ่มลุกขึ้นวิ่งวุ่นหาน้ําเพื่อช่วยให้ทหารอารักขาวัยกลางคนสร่างเมาเสียที เขาเกรงว่าปากพล่อยๆ ของอีกฝ่ายอาจก่อปัญหาได้ จะพูดถึงสิ่งใดก็พูดไป… แต่การพูดถึงโท่วป่าเซียงเนียวนับว่าย่าแย่มากทีเดียว

แม่นางโท่วป่าเซียงเพียวทั้งสง่างามและเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม และเอ่อโกวก็มักลอบมองบั้นท้ายของนางเช่นกัน แต่การนํามาพูดอย่างเปิดเผยในที่แจ้งเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีนัก

ชายหนุ่มหากาต้มน้ําไม่พบจึงนําน้ําสกปรกที่ใช้ล้างเท้ามาแทน ทันใดนั้นพลันเกิดเสียงดั่งที่ข้างหูราวกับมียุงบินตอมอยู่รอบศีรษะ เขาเอื้อมมือออกไปไล่ตบแต่กลับโดนหน้าของตัวเองแทน

“เหตุใดจึงมียุงในสภาพอากาศเช่นนี้?”

เอ่อโกวสั่นศีรษะ ทว่าเดินต่อไปไม่กี่ก้าวกลับรู้สึกเจ็บปวดประหนึ่งถูกยุงต่อย ร่างกายของเขาแข็งที่อและรู้สึกถึงสัมผัสเย็นเฉียบที่คอ ใบมีดบางเฉียบและคมกริบตวัดผ่านท้องฟ้าพร้อมโลหิตสาดกระเซ็น ชายหนุ่มล้มตึงลงกับพื้น จักจั่นทองคําหกปีกปรากฏต่อสายตา

“ยุงหกปีก… มียุงชนิดนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ?

ลมหายใจเฮือกสุดท้ายหมดลง เอ่อโกวหลับใหลชั่วนิจนิรันดร์พร้อมคําถามสุดท้ายที่ยังค้างคาอยู่ในหัว

“เอ่อโกว เอ่อโกว เกิดอะไรขึ้น?”

ชายขี้เมารู้สึกถึงบางสิ่งผิดปกติจึงโซเซลุกขึ้น ภาพตรงหน้าทําให้เขาตื่นตระหนกและเอื้อมไป ยังแตรที่ห้อยอยู่ข้างเอวทันที เคราะห์ร้ายที่เถาวัลย์เส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากความมืดและรัดเขาไว้ ราวกับงูเหลือมโดยที่ยังไม่ทันได้เป่าแตรส่งสัญญาณเตือน คอของเขาถูกรัดแน่นขึ้นทุกขณะ

“ข้าศึก… ข้าศึกโจมตี!

ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะสิ้นลม เขาเหลือบไปเห็นร่างผ่ายผอมก้าวออกมาจากความมืด ร่างนั้นไม่สวมเสื้อผ้า มีเพียงแถบผ้าฝ่ายพันรอบกายแลดูน่าสยดสยองราวกับมัมมีที่ปีนขึ้นมาจากหลุมศพ มันเปล่งเสียงหัวเราะแปลกหูขณะที่เถาวัลย์นับพันเส้นพุ่งออกมาจากร่างและแทงเข้าไปในร่างกายของชายขี้เมา ร่างกําย่าซุบซีดแปรเปลี่ยนเป็นผีดิบในชั่วพริบตา

“ฮิๆๆ รสชาติหวานล้ําเสียจริง!”

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินส่งเสียงหัวเราะชวนขนหัวลุก

“หลัวเต่อ อย่ามัวแต่ยืนหัวเราะอย่างโง่เขลาเช่นนั้นเลย ข้าให้เวลาเจ้าทําลายอาณาเขตสํานักเครื่องนิลภายในครึ่งชั่วยาม กองกําลังหลักกําลังจะมาสมทบในอีกไม่ช้า”

น้ําเสียงเรียบเฉยของเยี่ยฉวนดังขึ้นในหูของปีศาจเฒ่าที่เริ่มลงมือทันที!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด