Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 295 แหวนแห่งโลกันตร์
บทที่ 295 แหวนแห่งโลกันตร์
ขวัญกําลังใจของกองทัพสํานักเครื่องนิลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีเมื่อเจ้าสํานักโท่วป่าเซียงเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยตนเอง พวกเขาบุกโจมตีแนวป้องกันของสํานักเบญจลักษณ์อย่างดุเดือด
“ฆ่ามันซะ! ให้ยาเม็ดเผยหย่วนสิบเม็ดต่อการสังหารศิษย์สํานักเบญจลักษณ์หนึ่งคน!”
“เคล็ดการฝึกตนขั้นปถพีต่อผู้พิทักษ์สํานักเบญจลักษณ์หนึ่งคน! หลีกทางซะ… ตาเฒ่านั่นเป็นของข้า!”
การจู่โจมจากสํานักเครื่องนิลรุนแรงขึ้นฉับพลัน ศิษย์ชั้นเลิศจํานวนมากกระโจนออกไปราวกับพยัคฆ์ร้ายพลางกวัดแกว่งกระบบินและยิงลูกธนูเพื่อสังหารเหล่าหัวหน้าทัพ อีกทั้งยังแบกหม้อสัมฤทธิ์หนักอึ้งไว้บนบ่าเพื่อทําลายแนวป้องกันของสํานักเบญจลักษณ์
ม่านแสงสีแดงเข้มที่ห่อหุ้มทางเข้าสํานักสั่นไหวและพร่าเลือนอย่างรวดเร็ว
สํานักเบญจลักษณ์เผชิญความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในอาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์เช่นเดียวกับสํานักเครื่องนิล ต่างกันตรงที่เจ้าสํานักเครื่องบิลโท่วป่าเซียงหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ผู้อาวุโสระดับสูงของสํานักเบญจลักษณ์ถูกกําจัดไปจนหมดสิ้น พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าสํานักเป็นตายร้ายดีอย่างไร คาดว่าเขาไม่อาจเอาชีวิตรอดในอาณาจักรสวรรค์ที่เต็มไปด้วยอันตรายได้ ด้านอาวุโสเฟิงเหรินผู้ทรงอํานาจและหลิวหงจอมวางแผนก็ล้วนแต่ตายตกกลายเป็นรูปปั้นหินเย็นเฉียบ บัดนี้สํานักเบญจลักษณ์เปรียบเสมือนมังกรไร้หัวและไม่อาจต้านทานการรุกรานจากสํานักเครื่องนิลได้
“อาณาเขตส่านักเบญจลักษณ์ใกล้พังทลายลงแล้ว! ฆ่ามัน! คนแรกที่เข้าไปได้จะได้รับการอวยยศเป็นผู้อาวุโสและได้รับเคล็ดวิชาฝึกตนขั้นเทวาลัย”
โท่วป่าเซียงประกาศกร้าวด้วยสีหน้าอ่ามหิต หม้อสัมฤทธิ์หนักกว่าหนึ่งหมื่นจินบนบ่าพุ่งออกไปปะทะม่านแสงสีแดงอย่างรุนแรง “เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!” รอยแตกร้าวพลันปรากฏขึ้นบนม่านแสงที่กําลังพังทลาย!
ภาพตรงหน้าทําให้บรรดาศิษย์สํานักเครื่องบิลยิ่งสึกเหิม ส่วนศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ที่ต่อสู้ปกป้องสํานักด้วยชีวิตแทบหยุดหายใจ พวกเขาต่างรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้สิ้นหวังเพียงใด
สํานักเบญจลักษณ์คงถึงคราวล่มสลายในวันนี้…
เยี่ยฉวนที่เร้นกายอยู่ในพุ่มไม้ทึบถึงกับส่ายศีรษะ
ชายหนุ่มและหลงเอ๋อร์น้อยมาถึงที่นี่ได้พักใหญ่แล้ว พวกเขากําลังรอจังหวะเหมาะขณะเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างสองสํานักด้วยสายตาเย็นชา
ค่ําคืนนี้เขาไม่เพียงต้องการโค่นล้างสํานักเครื่องนิลให้สิ้นซาก แต่ยังต้องการยึดครองสํานักเบญจลักษณ์อีกด้วย
การโจมตีกะทันหันของโท่วป่าเซียงเพื่อยึดครองสํานักเบญจลักษณ์ไม่ใช่เพียงความท้าทายสําหรับเยี่ยฉวนและสํานักหมอกเมฆา หากแต่เป็นโอกาสทองที่หาได้ยากยิ่ง เขาสามารถฉวยโอกาสนี้ยึดครองทั้งส่านักเครื่องนิลและส่านักเบญจลักษณ์เพื่อควบรวมอํานาจทั้งเทือกเขาหมอกเมฆาอย่างแท้จริง เมื่อมทรัพยากรมากขึ้น ความมั่นใจในการรับมือกองทัพจากจักรวรรดิต้าฉัน หรือสํานักอสูรเมฆาในภายภาคหน้าย่อมทวีคูณตามไปด้วย
โท่วป่าเซียงเป็นพวกกล้าได้กล้าเสีย แต่เขาคงคาดไม่ถึงว่าเยี่ยฉวนนั้นใจกล้าเสียยิ่งกว่า!
เยี่ยฉวนสุขุมเยือกเย็นกว่าผู้ใด เขาไม่เคยหวั่นไหวต่อให้สรวงสวรรค์ถล่มทลายลงตรงหน้า ชายหนุ่มสามารถคํานวณทุกย่างก้าวของทั้งฝ่ายศัตรูและฝ่ายเดียวกันได้อย่างแม่นย่า แต่เมื่อมีโอกาสปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาจะกลายเป็นคนกล้าบ้าบินและรีบคว้าไว้โดยไม่ลังเล ชายหนุ่มพร้อมเดิมพันหมดหน้าตักต่อให้มีโอกาสล้มเหลว อีกทั้งยังสามารถล้างบางศัตรูทั้งหมดในคราเดียวเพื่อป้องกันภัยคุกคามในอนาคต
“ท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐ พวกเรามาช่วยท่านแล้ว วิญญาณแห่งห้วงนรกจงออกมา!”
ชายชราสวมหน้ากากในชุดคลุมสีดําตะโกนขึ้นทันใด ก่อนแหวนสีดําจะปรากฏบนนิ้วกลางข้างขวาและหมุนวนอย่างเชื่องช้า
สายลมเย็นเฉียบพวยพุ่งออกมาจากใต้พิภพภายในม่านแสงสีแดง หมอกดําทะมึนแผ่ปกคลุมทางเข้าสํานักก่อนก่อตัวเป็นวิญญาณร้ายเข้าโจมตีบรรดาศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ทันที! พวกมันล่องลอยในอากาศและพุ่งผ่านร่างของผู้คน เหล่าศิษย์ผู้โชคร้ายตัวแข็งที่อและหยุดหายใจในชั่วพริบตา ร่างกายของพวกเขาปราศจากร่องรอยบาดแผลทว่าอวัยวะภายในกลับถูกแช่แข็งด้วยพลังประหลาด ทั้งเส้นโลหิตและหัวใจเย็นยะเยือกจนไม่อาจสูบฉีดได้อีกต่อไป ต่อให้มีขั้นการฝึกตนสูงส่งเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
นี่คือกาลังเสริมที่ชายสวมหน้ากากกล่าว!
โท่วป่าเซียงตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อก่อนแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดี เขานําศิษย์สํานักเครื่องนิลบุกโจมตีอย่างดุดันกว่าเดิม
แม้แต่เยี่ยฉวนที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ยังประหลาดใจ
กระบวนท่าของชายชราสวมหน้ากากมีอานุภาพร้ายแรงถึงตายและทําให้ฟางเส้นสุดท้ายของสานักเบญจลักษณ์ขาดสะบั้นลง แม้แต่ศิษย์ชั้นเลิศก็ไม่อาจรับมือกับหมอกสีดําลึกลับและวิญญาณร้ายได้
ศิษย์สํานักเบญจลักษณ์พากันหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง ม่านแสงสีแดงที่ห่อหุ้มทางเข้าหลักถูกทําลายลงทําให้กองทัพสํานักเครื่องนิลกรูเข้ามาเข่นฆ่าผู้คนไม่เลือกหน้า หมอกทะมึนแพร่กระจายลึกเข้าไปในสํานักเพียงแค่ชายสวมหน้ากากชี้นิ้วสั่ง ฝูงวิญญาณร้ายที่ก่อตัวขึ้นไล่ฆ่าศิษย์ส่านักเบญจลักษณ์อย่างไม่ลดละ
ทรงพลังยิ่ง… ชายชราผู้นี้เป็นใครกัน?
เขาคือทูตแห่งโลกันตร์ที่เคยยุยงให้อาวุโสล่าดับสามไปเยี่ยนหูก่อกบฏอย่างนั้นหรือ?
เยี่ยฉวนหวนนึกถึงร่างที่เขาเคยเห็นในหอพยัคฆ์ขาวของไปเยี่ยนหู ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย
“ฮ่าๆๆ ฆ่ามัน… ฆ่ามันซะ! ฆ่าให้หมดจนกว่าพวกมันจะยอมแพ้!”
โท่วป่าเซียงเงยหน้าหัวเราะลั่นพลางกู่ร้องด้วยความฮึกเหิม
หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่นานและยอมแลกไปหลายสิ่ง ในที่สุดเขาก็สามารถทําลายอาณาเขตสำนักเบญจลักษณ์ได้สําเร็จ บัดนี้เขาเห็นภาพตนเองขึ้นเป็นใหญ่หลังยึดครองสํานักเบญจลักษณ์ได้อย่างชัดเจน แล้วจะไม่ให้ตื่นเต้นยินดีได้อย่างไร?
“ยินดีด้วยท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐ เมื่อยึดครองสํานักเบญจลักษณ์ได้ ท่านจะเรืองอํานาจและขึ้นเป็นใหญ่สมชื่อ แม้แต่จักรวรรดิต้าฉันก็ต้องหันมาเคารพท่าน!”
ชายชราสวมหน้ากากเดินมายืนเคียงข้างโท่วป่าเซียงพร้อมบริวาร เขาเข้าใจดีว่าโท่วป่าเซียงคิดและต้องการสิ่งใด แต่แล้วน้ําเสียงของเขากลับลดต่ําลง “สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพ ทหาร ยังเหลือสํานักหมอกเมฆาเป็นก้างขวางคออยู่ เราควรรวมสํานักเครื่องนิลเข้ากับสํานักเบญจลักษณ์โดยเร็วที่สุดเพื่อรอโอกาสจัดการสานักหมอกเมฆาในคราวเดียว ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี ไม่เช่นนั้นอาจสายเกินไป จักรวรรดิต้าฉันหรือสํานักอสูรเมฆาอาจบุกโจมตีก่อนได้”
“ท่านทูตผู้ยิ่งใหญ่โปรดวางใจ สํานักหมอกเมฆาสูญเสียพลังชีวิตมหาศาลหลังการก่อกบฏ อาวุโสล่าดับสองหนานกงเหรินไม่สนใจเรื่องทางโลกอีกต่อไป ตอนนี้มีเพียงไอ้เด็กเยี่ยฉวนที่กุมอํานาจอยู่ มันก็แค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ํานมเท่านั้น ต่อให้มีฝีมือมากมายเพียงใดก็ยังเป็นลูกไก่ในกํามือของข้าอยู่ดี เมื่อใดที่ทําลายล้างสํานักหมอกเมฆาได้ ข้าจะกลายเป็นผู้ปกครองเทือกเขาหมอกเมฆาอย่างแท้จริง ฮ่าๆๆ”
โท่วป่าเซียงระเบิดหัวเราะสุดเสียง ความปรารถนาเนิ่นนานกําลังจะเป็นจริงในที่สุด
ชายชรามองดูโท่วป่าเซียงพร้อมกล่าวออก “ท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐ การมีความมั่นใจก็เป็นเรื่องดี แต่ไอ้เด็กเยี่ยฉวนเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกอายุพันปี ท่านพึงระวังให้มาก ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากสถานการณ์ทั้งหมดคลี่คลายลง ข้อตกลงก่อนหน้านี้ของเรา…”
“วางใจเถิด ข้าจะทําตามข้อตกลงแน่นอน ตราบใดที่พวกท่านช่วยข้าโค่นล้มสํานักหมอกเมฆาอย่างสุดกําลัง” โท่วป่าเซียงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าข้อตกลงลับระหว่างทั้งสองคือสิ่งใด
“เช่นนั้นท่านเจ้าสํานักโปรดวางใจ”
ชายสวมหน้ากากยื่นมือออกไปจับมืออีกฝ่ายเพื่อให้คํามั่นสัญญา ทั้งสองแสยะยิ้มให้แก่กัน สํานักเบญจลักษณ์ย่อมไม่อาจต้านทานการผสานการโจมตีระหว่างบุรุษผู้ชั่วช้าเลวทราม โหดเหี้ยม และป่าเถื่อนทั้งสองได้!
คอมเม้นต์