Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 321 ฝึกซ้อมทัพใหญ่
บทที่ 321 ฝึกซ้อมทัพใหญ่
เยี่ยฉวนน่าทุกคนมุ่งหน้ากลับไปยังสํานักหมอกเมฆาและเรียกประชุมเพื่อหารือถึงแนวทาง การโต้กลับครั้งต่อไป
จซื้อเจีย จ้าวต้าจอ และคนอื่นๆ รีบเร่งมาถึงทันทีที่ได้ยินข่าว บัดนี้ห้องโถงใหญ่แห่งสํานัก หมอกเมฆาคลาคล่ําไปด้วยผู้คนจํานวนมาก
“คุณชายผู้ประเสริฐ ไม่มีสิ่งใดต้องหารือกันอีกแล้ว เราควรฆ่าพวกมันโดยตรง ไม่ว่าจะมาอีกกี่ คนก็ฆ่าให้หมด! เข้ามาเลย! มากวาดล้างทหารทั้งสองแสนนายให้สิ้นซากกันเถอะ! ฮิๆๆๆ!”
ปีศาจเฒ่าหลัวเต๋อหัวเราะอย่างมีความสุขและเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
มันได้รับผลประโยชน์จากปฏิบัติการสอดแนมกองทัพต้าฉันในครั้งนี้มากที่สุด เยี่ยฉวนได้รับ บาดเจ็บสาหัสและเกือบถูกปิดล้อมในค่ายโดยไร้หนทางหลบหนี แต่มันกลับล่าเหยื่อได้อย่าง น้อยหนึ่งพันคนในศึกบนภูเขา โลหิตแก่นแท้และปราณหยางที่ได้รับทําให้การฝึกตนของมันรุดห น้าจนใกล้บรรลุขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดเข้าไปทุกขณะ เมื่อทะลวงสู่ขั้นต่อไปได้สําเร็จจะกลายเป็น ปีศาจเถาวัลย์ขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดตนแรกในดินแดนรกร้างและทักษะเฉพาะตัวของมันจะเพิ่มพูน ยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกลับไปยังถ้ําพุทธดรรชนี มันจะไม่ใช่อสูรน้อยอีกต่อไป
“จักรวรรดิต้าฉันไม่ทันระวังตัวในการจู่โจมครั้งนี้ แต่เมื่อพวกเขาตื่นตัวแล้วจะจัดการอย่าง ง่ายดายได้อย่างไร?”
จซื้อเจียสั่นศีรษะไม่เห็นด้วยกับคําแนะนําของปีศาจเฒ่า นางขมวดคิ้วปูนพลางกล่าวออกด้วย ความวิตก “ศิษย์พี่ใหญ่ กองทัพจักรวรรดิต้าฉันสามารถปกครองสํานักฝึกตนทั้งหมดในบริเวณตอนกลางได้ การต่อกรกับพวกเขาคงไม่ง่ายนัก พวกเขายังไม่ได้สําแดงพลังที่แท้จริงออกมา แต่สํา นักหมอกเมฆาในตอนนี้ยังไม่อาจประจันหน้ากับกําลังพลสองแสนนายได้โดยง่าย
“จริงของเจ้า อาวุโสลําดับสอง ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?” เยี่ยฉวนหันไปถามหนานกงเหรินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเข็น
หลังสูญเสียขาทั้งสองข้างไปในการจลาจลภายในสํานัก เขาได้ส่งมอบอํานาจทั้งหมดให้แก่ เยี่ยฉวน นับแต่นั้นหนานกงเหรินละจากเรื่องทางโลกและหันไปดูแลพืชสมุนไพรที่ปลูกไว้อย่าง เต็มตัว แต่ในครั้งนี้เขาถูกเชิญมาเป็นที่ปรึกษาเมื่อสํานักต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่อย่างการถูกรุกรานจากจักรวรรดิต้านฉัน
“เยี่ยฉวน เจ้าตัดสินใจด้วยตนเองเถิด ข้าชรามากแล้ว ได้ยินมาว่าเจ้าลงไปตรวจดูบางสิ่งที่กัน บึงหุบเหวมังกรปีศาจ เจ้าพบร่างของหนานเทียนโตวบ้างหรือไม่?”
หนานกงเหรินเอ่ยถาม น้ําเสียงของเขาฟังดูแหบพร่าขึ้นมาก ใบหน้าเหี่ยวย่นแลดูซีดเซียว และโดดเดี่ยว เขาตกอยู่ในสภาวะหดหูนับตั้งแต่หนานเทียนโตวที่เปรียบเสมือนบุตรชายในไส้ปล ดชีพตนเองด้วยการกระโดดลงไปในหุบเขามังกรปีศาจ ความปรารถนาเดียวของชายชราคือการกู้ ร่างของหนานเทียนโตวออกมาจากหุบเหวเพื่อทําพิธีฝังอย่างเหมาะสม ทว่าที่กันเหวมีหมอก โลหิตปกคลุมอยู่ทุกหนแห่งและเหล่าวิญญาณร้ายเพ่นพ่านอยู่ตลอดปี ซ้ําร้ายในยามนี้เขายัง เคลื่อนที่ได้ล่าบาก หากจะขอให้เยี่ยฉวนเสี่ยงชีวิตช่วยเขาก็คงไม่ดีนัก
“เอ่อ…ข้ายังไม่พบ แต่ข้าจะกลับไปตามหาเขาสักวันแน่นอน บางที่ศิษย์น้องเทียนโตวอาจ ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้” เยี่ยฉวนลังเลและตัดสินใจไม่บอกสถานการณ์ที่ก้นบึงหุบเหวตามจริง
ร่างมนุษย์ของหนานเทียนโตวสลายไปแล้ว บัดนี้ดวงจิตของเขากําลังผสานเข้ากับดวงจิตของมังกรปีศาจเพิ่งเอ๋ สุดท้ายแล้วเขาจะกลายร่างเป็นสิ่งใด? เขาจะรอดชีวิตมาได้จริงหรือไม่? ไม่มีผู้ใดรู้…
โศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือการให้ความหวังผู้ที่สิ้นหวังแล้วพังทลายความหวังนั้น เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีผู้ใดทานทนต่อความทุกข์ทรมานเช่นนี้ได้ เยี่ยฉวนจึงตัดสินใจไม่บอกสถานการณ์ที่แท้จริงเพื่อปกป้องอาวุโสล่าดับสอง เพียงแต่ออกความเห็นอย่างคลุมเครือเท่านั้น
“ยังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร?”
อาวุโสลําดับสองสั่นศีรษะก่อนหันเก้าอี้เข็นจากไปโดยทิ้งท้ายเอาไว้ “เยี่ยฉวน ข้าชรามาก แล้ว เจ้าต้องตัดสินใจด้วยตนเองไม่ว่าเรื่องอะไร อีกอย่างหุบเขามังกรปีศาจนั้นอันตรายนัก อย่าคิ ดลงไปหากยังไม่แข็งแกร่งพอ เจ้าจะลงไปได้อย่างง่ายดายเมื่อบรรลุขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นช่วยข้าร่างของหนานเทียนโตวขึ้นมาที หากข้าอยู่ไม่ถึงวันนั้นก็โปรดบอกกล่าว ยามเจ้ามาเยี่ยมหลุมศพข้าด้วย”
อาวุโสหนานกงเหรินผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยหัวเราะร่าหรือตะโกนด่าอย่างโกรธเกรี้ยวโดยไม่เคยระงับ อารมณ์กลับแปรเปลี่ยนเป็นคนละคน หยาดน้ําใสร่วงหล่นจากดวงตาขุ่นมัวของเขายามหันหลัง ออกไปจากห้องโถงหมอกเมฆา ชายชราไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นสภาพของตนในยามนี้
“คํานับท่านอาวุโสลําดับสอง”
บรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาพร้อมใจกันโค้งลาและมองตามร่างของอาวุโสล่าดับสองที่ค่อยๆ ไกลออกไป
ในการก่อกบฏภายในสํานักของอาวุโสไปเยี่ยนหู เยี่ยฉวนได้พยายามยับยั้งกระแสน้ําที่เชี่ยวกรากสุดกําลังจนได้รับความเคารพนับถืออย่างลึกซึ้งจากทุกคนและปกครองสํานักได้สําเร็จ นอกเหนือจากเขาแล้วยังมีอีกสามคนที่ชนะใจผู้คนได้เช่นกัน คนแรกคือหนานเทียนโตวที่กระโดดฆ่า ตัวตายในหุบเขามังกรปีศาจ คนที่สองคือหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของอาวุโสสูงสุดอย่างจซื้อ เจีย และคนสุดท้ายคืออาวุโสลําดับสองหนานกงเหริน ในกาลก่อนเขาเคยไร้กังวลและสนใจเพียง สมุนไพรของตนเท่านั้น เขาไม่เคยสนใจไถ่ถามหรือรับฟังเรื่องราวในสํานักจนถูกขนานนามว่าผู้ คลั่งไคล์โอสถ รูปลักษณ์ของหนานกงเหรินไม่เหมือนผู้อาวุโสประจําสํานักแม้แต่น้อย แต่เมื่อถึง สถานการณ์คับขันชายชรากลับลุกขึ้นยืนหยัดโดยไม่ลังเลท่าให้ผู้คนต้องมองเขาเสียใหม่
“คุณชายผู้ประเสริฐ พวกเราจะทําตามคําสั่งของท่านตามที่ท่านอาวุโสกล่าว เราควรทําอย่าง ไรต่อไปดีขอรับ?”
ปีศาจเฒ่าหลัวเต่ออดทนรอไม่ไหวอีกต่อไป “ให้เจียเจียและคนอื่นอยู่ดูแลเรื่องต่างๆ ที่สํานัก ส่วนข้านํากองกําลังไปลอบโจมตีกองทัพจักรวรรดิต้าฉันและเผาค่ายของพวกเขาดีหรือไม่?”
จซื้อเจียเป็นกังวลอย่างสุดซึ้ง ทว่าปีศาจเฒ่าไม่เห็นด้วย มันปรารถนาจะเห็นทั้งโลกตกอยู่ใน ความโกลาหล มันต้องการให้กองทัพตาฉันเดินทัพเข้าสู่เทือกเขาและเปิดฉากโจมตีเนื่องจากการ สังหารหมู่เป็นหนทางฝึกตนที่ดีที่สุดสําหรับมัน หากกองทัพต้าฉันไม่เข้าสู่เทือกเขาจะล่าเหยื่อ และสังหารอย่างโหดเหี้ยมได้อย่างไร?
“ดี หลัวเต่อ เจ้าไปเผาค่ายของจักรวรรดิต้าฉันเพียงลําพัง อย่าลืมเผาองค์ชายให้เป็นเถ้าถ่าน เพื่อข้าด้วย ตราบใดที่เขายังไม่ไหม้เป็นจุณก็ห้ามกลับมา ทหารสองแสนนายไม่คณามือเจ้าหรอก ต่อให้ยกทัพมาเป็นล้านก็ยังไม่อาจสังหารเจ้าได้” เยี่ยฉวนสั่งการพลางมองดูปีศาจเฒ่าที่หยิ่ง ผยองและทระนงตนเสียเหลือเกิน
“คุณชายกําลังล้อข้าเล่น” ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินยกยิมอย่างประหม่าด้วยไม่กล้าอวดดี อีกต่อไป
“ใช่ว่าเราไม่ควรเผาค่ายของกองทัพต้าฉัน หากแต่ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้กองทัพต้าฉันได้กวด ขันเรื่องการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจึงเป็นการยากที่จะเข้าใกล้ค่ายของพวกเขา มิหนํา ซ้ําโจมตีไปตอนนี้อาจไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก รอให้พวกเขาเข้าสู่เทือกเขาหมอกเมฆามาได้ ครึ่งทางเสียก่อน ถึงตอนนั้นเราจะทําให้หลีก่วงซ่านรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่แท้จริง! ส่วนตอนนี้จะ เล่นสนุกกับพวกเขาเสียหน่อยหรือฉวยโอกาสฝึกซ้อมกองทัพของเราก็คงไม่เป็นไร แบ่งกองทัพ ของเราออกเป็นสองส่วน เจียเจียนําทัพเหล่าศิษย์ส่วนหลัวเต่อนําทัพสัตว์อสุรกายทั้งหลาย ผลัด กันทําศึกและใช้โอกาสนี้ในการฝึกฝนเสีย!”
เยี่ยฉวนยกยิ้มเย็นเยียบขณะออกค่าสั่ง
การมาเยือนของกองทัพต้าฉันเป็นความท้าทายที่อันตรายและนํามาซึ่งความกดดันหนักอึ้ง แต่ในขณะเดียวกันก็นับว่าเป็นโอกาสดี มีเพียงทหารที่ผ่านเปลวเพลิงแห่งสงครามและความตา ยมาแล้วเท่านั้นจึงถือเป็นทหารชั้นเลิศอย่างแท้จริง! ศิษย์สํานักหมอกเมฆาต้องการประสบการณ์ รบเพิ่มเติม ฝูงปีศาจวัวนัยน์ตาอสูร ตัวนิ่ม อินทรีทอง และสัตว์อสูรอื่นๆ ก็เช่นกัน!
อดีตมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ย่อมรู้วิธีรับมือกับศัตรูอันน่าเกรงขามและวิธีฝึกซ้อมยอดฝีมือ เป็นอย่างดี
หลังจากทําให้หลีก่วงซ่านประหลาดใจและล่วงรู้สถานการณ์ฝ่ายกองทัพต้าฉินทั้งหมดแล้ว ขั้นต่อไปคือการทําสงครามอันยืดเยื้อยาวนาน ทั้งสองฝ่ายไม่เพียงต้องขับเคี่ยวกันด้วยกําลังแต่ ยังใช้สติปัญญาและความมุ่งมั่นแรงกล้า ฝ่ายใดใจร้อนกระหายชัยชนะและผลประโยชน์อย่างเร่ง ด่วนจะกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ําทันที!
คอมเม้นต์