Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 327 มาได้จังหวะเหมาะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 327 มาได้จังหวะเหมาะ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 327 มาได้จังหวะเหมาะ

เยี่ยฉวนหยิบหน้าไม่เหินเวหาขึ้นพินิจอย่างถี่ถ้วน

หน้าไม้เหล่านี้ถูกทําขึ้นอย่างพิถีพิถันและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกมันมั่นคงและแข็งแรง หากแต่ทุกชิ้นมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะถูกแกะสลักขึ้นอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของช่างคนเดียวกัน ตัวหน้าไม้เป็นสีดําสนิท สัมผัสยามถือไว้ในมือนั้นเย็นเฉียบทําให้สมองรู้สึกปลอดโปร่งอยู่เสมอ ปีกทั้งสองข้างแลดูเสมือนจริงจนแทบก่อเกิดภาพลวงตาว่าผู้ที่ถือหน้าไม่เหินเวหาจะสามารถโบยบินได้ราวกับนก

“ไม้มะเกลือเนื้อเข้ม จารึกคุณธรรมสวรรค์ อักขระสงบเงียบ… ช่างเป็นหน้าไม้ชั้นยอดจริงๆ”

เยี่ยฉวนพึมพํากับตนเองขณะค่อยๆ ตรวจดูวัสดุที่ใช้รวมถึงจารึกและอักขระที่สลักลงบนหน้าไม้

“เยี่ยฉวน เจ้า… เคยเห็นหน้าไม้เหินเวหาเหล่านี้มาก่อนหรือ?” สตรีพรหมจรรย์หงจอเซียเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ

หน้าไม่เหินเวหามาจากหอศาสตราวุธแห่งสํานักอสูรเมฆา แม้แต่นางยังรู้เพียงที่มาและพลังของมันโดยคร่าวเท่านั้น ทว่าไม่อาจล่วงรู้ถึงวัสดุที่ใช้ทํา จารึกที่สลักลงไป และผลของอักขระแม้แต่น้อย แล้วเยี่ยฉวนรู้ข้อมูลทั้งหมดได้อย่างไร?

“ข้าไม่เคยเห็นหรอก เพียงแต่เคยพบภาพของหน้าไม้ที่คล้ายคลึงกันในตําราเก่าแก่เมื่อนานมาแล้ว เหนือภาพนั้นมีชื่อเขียนไว้ว่าหน้าไม่โบยบิน”

เยี่ยฉวนตอบครึ่งจริงครึ่งเท็จ ร่องรอยแห่งความทรงจําฉายแวบผ่านดวงตา

ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเคยมีหน้าไม่โบยบินอยู่จริง มันคือหน้าไม้ที่เขาสร้างขึ้นโดยใช้ปีกของปีศาจโบยบินผู้ครอบครองดินแดนเหินเวหาหลังปลิดชีพอีกฝ่าย หน้าไม่โบยบินเป็นอาวุธสังหารชั้นยอดที่เหล่าทวยเทพและภูตผีต่างเกรงกลัว เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อโจมตียอดฝีมือขั้นมหาปราชญ์โดยเฉพาะ เยี่ยฉวนได้มอบมันให้ราชินีอสูรเนตรสีครามเป็นของกํานัล

หงจือเซียนําหน้าไม่เหินเวหาเหล่านี้มาจากสํานักอสูรเมฆา แม้พลานุภาพของมันไม่อาจเทียบเท่าหน้าไม่โบยบินที่เยี่ยฉวนสร้างขึ้นในอดีต ทว่าเคล็ดลับการปรับแต่งและการจารึกอักขระโบราณก็ถูกดัดแปลงมาจากหน้าไม่โบยบิน ส่วนจะถูกทําขึ้นโดยราชินีอสูรเนตรสีครามหรือยอดฝีมือสํานักอสูรเมฆารุ่นหลังนั้นไม่อาจรู้ได้

“หน้าไม่โบยบิน? ฟังดูเป็นชื่อที่ดี เยี่ยฉวน…”

สตรีพรหมจรรย์พยักหน้าก่อนช้อนตามองเยี่ยฉวนและอ้าปากจะพูดบางสิ่ง แต่แล้วกลับต้อง ตกตะลึง

เยี่ยฉวนถ่ายโอนพลังงานของตนเข้าสู่หน้าไม้เหินเวหาจนร่างของเขาค่อยๆ ลอยขึ้นในอากาศ บัดนี้ปีกทั้งสองข้างของหน้าไม้แลดูสมจริงจนน่าประหลาด ไม่นานเยี่ยฉวนก็เร่งความเร็วและบินตรงไปยังหน้าผา ความเร็วของเขาว่องไวยิ่งกว่ากระบบินในชั่วพริบตาราวกับไม่สามารถควบคุมหน้าไม่เหินเวหาได้อีกต่อไป

“ระวัง!”

สตรีพรหมจรรย์หงจอเซียร้องอย่างตื่นตระหนก ขณะที่นางลังเลว่าจะยื่นมือเข้าไปช่วยดีหรือไม่นั้น หน้าไม้เหินเวหาในมือเยี่ยฉวนพลันส่องแสงสีแดงก่อนที่เขาจะทะยานขึ้นสูงและเลี้ยวกลับกะทันหัน เสียงหวีดหวิวดังแว่วมาจากในถ้ําเมื่อแสงสีแดงนั้นก่อตัวเป็นลูกศรสามลูกพุ่งเฉียด ศีรษะของหงจอเซียไปปักที่หน้าผาด้านหลังอย่างรุนแรง! บัดนี้เกิดหลุมลึกสามฟุตจํานวนสามหลุมขึ้นบนหน้าผาอันหนักแน่น!

“น่าทึ่งนัก! ช่างเป็นเคล็ดวิชาการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!”

สตรีพรหมจรรย์ได้สติและส่งเสียงร้องอย่างสึกเหิม นางสัมผัสได้ถึงอันตรายใหญ่หลวงเมื่อมองดูหลมทั้งสามบนหน้าผา หญิงสาวรีบร้อนนําหน้าไม้เหินเวหาเหล่านี้มาโดยไม่ได้คาดคิดว่าจะมีพลังมหาศาลถึงเพียงนี้ แม้แต่บรรดาศิษย์สามัญก็อาจสังหารยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับสูงได้หากครอบครองมัน!

“ไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชาการยิงธนูหรอก เป็นเพราะหน้าไม้นี้ต่างหาก! เพียงแต่หน้าไม้เหินเวหาสามารถยิงลูกศรได้เพียงครั้งละสามลูก มิหนําซ้ําลูกศรสีแดงยังแข็งแกร่งน้อยกว่า”

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะด้วยความเสียดาย

หน้าไม่โบยบินที่เขามอบให้ราชินีอสูรนัยน์ตาสีฟ้าในกาลก่อนสามารถยิงลูกศรได้ถึงครั้งละเก้าลูก อีกทั้งยังทรงพลังกว่ามากเมื่อเทียบกับลําแสงสีฟ้าจากฝูงปีศาจวัวนัยน์ตาอสูร มันจึงถือเป็นอาวุธสังหารอย่างแท้จริง ส่วนอาวุธที่ลอกเลียนแบบมานี้ก็นับว่าทําได้ไม่เลว อย่างน้อยวัสดุที่ใช้ก็เป็นวัสดุชั้นเลิศและมีจํานวนไม่ต่ํากว่าร้อย อีกทั้งยังได้มาในเวลาที่เหมาะสม ด้วยหน้าไม้เหินเวหาทั้งหนึ่งร้อยชิ้น จะทําให้พลังทําลายล้างของศิษย์สํานักหมอกเมฆาพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าทหารแห่งจักรวรรดิต้าฉันคงไม่อาจตั้งตัวรับสิ่งนี้ได้ทัน!

“เยี่ยฉวน เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าเคยใช้หน้าไม้เหล่านี้มาก่อน?”

สตรีพรหมจรรย์หงจอเซียหยิบหน้าไม้เหินเวหาขึ้นมาถ่ายโอนพลังเข้าไปเช่นเดียวกับเยี่ยฉวน นางเคลื่อนไหวไปซ้ายทีขวาที่ขณะล่องลอยอยู่ในอากาศ ท่าทางของนางค่อนข้างชํานาญ อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่ถึงกระนั้นก็ยังห่างชั้นกับความเร็วอันน่าสะพรึงกลัวและพลังที่ปะทุขึ้นของเยี่ยฉวนเมื่อครู่นัก หน้าไม้ที่ทรงพลังยิ่งกว่ากระบี่บินเหล่านี้คือจุดสุดยอดของความสมบูรณ์แบบเมื่ออยู่ในมือของเยี่ยฉวน!

“ข้าเป็นอัจฉริยะจึงคุ้นชินกับทุกสิ่งที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือจอเซีย? เจ้าสุกงอมพร้อมเก็บเกี่ยวอย่างรวดเร็วทีเดียวเมื่ออยู่ในมือข้า” เยี่ยฉวนยกยิ้มพลางโอบกอดและลูบไล้ร่างผุดผ่องเย้ายวนใจของหงจือเซียจนร้อนเป็นไฟ

ร่างกายของหงจอเซียอ่อนปวกเปียกลงโดยเร็ว นางทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของเยี่ยฉวนราวกับคนไร้กระดูก ดวงตาคู่สวยปรือปรอย หากแต่ยังคงซ่อนเร้นใบหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้ด้วยเกรงว่าเยี่ยฉวนจะเห็นรอยเหี่ยวย่นอันเป็นผลจากการฝืนใช้เคล็ดวิชาฟ้าประทานพร “เยี่ยฉวน มะ..มาฝึก ตนอีกรอบกันเถอะ เร็วเข้า…”

“จอเซีย นําหน้าไม้เหินเวหาออกมาจากสํานักมากมายถึงเพียงนี้ไม่กลัวถูกจับได้หรอกหรือ?” เยี่ยฉวนเอ่ยถามขณะโอบกอดหงจือเซียบนพื้น เขาหยอกล้อหญิงสาวที่กําลังร้อนรุ่มด้วยการกระ ซิบแผ่วเบาข้างหู “อย่ารอช้าในการขึ้นครองบัลลังก์ราชินีเผ่าอสูรเพื่อข้าอดทนรอจนกว่าเจ้าจะ ขึ้นเป็นราชินี้และมีอํานาจเหนือทั้งสํานักเผ่าอสูรเมฆาแล้วข้าจะร่วมฝึกตนกับเจ้าสิบวันเต็มดีหรือ ไม่?”

“ไม่ ข้ารู้ดีว่าควรทําสิ่งใด หน้าไม้เหินเวหาเหล่านี้วางอยู่ในมุมอับบนชั้นสามของหอศาสตราวุธ คนทั่วไปไม่มีคุณสมบัติพอจะขึ้นไปที่นั่นขณะที่ผู้มีคุณสมบัติก็ไม่สนใจพวกมัน พวกเขามองหาเพียงชุดคลุมท่าศึก กระบี่บิน และสมบัติอื่นๆเท่านั้น”

สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียกล่าวออกแม้ยังไม่อาจควบคุมความปรารถนาเบื้องลึกได้ นางอดทนไม่ไหวอีกแม้แต่นาทีเดียว และผลักเยี่ยฉวนลงกับพื้นทันใด แต่แล้วกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก

“มีคนกําลังมา”

หงจือเซียสะดุ้งตื่นจากภวังค์และรีบสวมหมวกไม่ไผ่ใบกว้างทันที ทว่าจะจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ของนางตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว เสียงของจูซื้อเจียดังขึ้นจากนอกถ้ํา “ศิษย์พี่ใหญ่… เจ้าอยู่ไหน? ศิษย์พี่ใหญ่…”

เสียงของจูซื้อเจียดังใกล้เข้ามาทุกขณะ

หงจือเซียกวาดสายตามองโดยรอบ ถ้ําแห่งนี้ค่อนข้างมืดหากแต่ไม่ลึกพอจะซ่อนตัวได้ นางจึงหันไปจับจ้องเยี่ยฉวนด้วยแววตาขมขื่นล็กๆ ก่อนจับหมวกไม้ไผ่แน่นและรวบรวมความกล้าพุ่งผ่านจูซื้อเจียไปดุจสายลมกระโชกแรง

“ใครน่ะ?”

จูซื้อเจียสะดุ้งตกใจสุดขีดเมื่อมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากความมืด แต่เมื่อนางกําลังจะไล่ตามออกไปกลับได้ยินเสียงเยี่ยฉวนร้องครวญมาจากในถ้ําราวกับได้รับบาดเจ็บ

“ศิษย์พี่ใหญ่! ศิษย์พี่ใหญ่..”

จูซื้อเจียล้มเลิกความคิดจะไล่ตามและรีบรุดเข้าไปในถ้ําทันที นางพบเยี่ยฉวนกําาลังกลิ้งไปมาบนพื้นแลดูเจ็บหนัก มีหน้าไม้กระจัดกระจายอยู่โดยทั่วราวกับการต่อสู้อันดุเดือดเพิ่งจบลง

“ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?” จูซื้อเจียตรงเข้ามาประคองร่างของเยี่ยฉวนอย่างร้อนรน

“มือสังหาร… จักรวรรดิต้าฉันส่งมือสังหารชั้นเลิศมาฆ่าข้า นางฉวยโอกาสโจมตียามข้ากําลังปรับแต่งหน้าไม้เหล่านี้ในถ้ําและเกือบแทงทะลุหน้าอกของข้าด้วยมีดดาบ” เยี่ยฉวนกล่าวตอบด้วยท่าทางอ่อนแรงพลางเอนลงซบอกจูซื้อเจีย

“บ้าจริง! มือสังหารเข้ามาในนี้ได้อย่างไร!”

จูซื้อเจียทั้งตกใจและโกรธจัด นางอยากรีบออกไปสั่งปิดตายทั้งหุบเขาเพื่อขัดขวางมือสังหารผู้นั้นเสียเดี๋ยวนี้แต่กลับเป็นห่วงเยี่ยฉวนมากกว่า หญิงสาวไม่รู้เลยว่าชายในอ้อมแขนเพียงแค่เสแสร้งเท่านั้น เขาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อสัมผัสได้ว่าออร่าของสตรีพรหมจรรย์จากไปไกลแล้ว

แม่สาวน้อยผู้นี้… เหตุใดจึงโผล่มาในจังหวะอันตรายอยู่เสมอ?

ไม่สิ… นางมาได้จังหวะเหมาะแล้ว เวลานี้ถือเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบที่สุด!

เยี่ยฉวนเริ่มหายใจขาดห่วง ความปรารถนาของเขาที่ถูกหงจอเซียกระตุ้นเมื่อครู่แย่ลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเขาพิงหน้าอกอวบอิ่มของจูซื้อเจียอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มมองดูใบหน้าสะสวยของจูซื้อเจียพลางครุ่นคิดว่าครอบครองนางเสียตอนนี้จะเร็วไปหรือไม่ ในเมื่อมีลูกแกะมามอบตัวถึงหน้าประตูยามที่หมาป่ากําลังหิวโหยเช่นนี้คงโทษหมาป่าไม่ได้!

ฉับพลันเยี่ยฉวนเอื้อมมือออกไปกอดรัดจูซื้อเจียไว้แนบแน่น ราวกับต้องการรีดเค้นน้ําออกจากร่างอันนิมนวลทุกหยาดหยด!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด