Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 328 หญิงสาวอารมณ์ร้าย
บทที่ 328 หญิงสาวอารมณ์ร้าย
“ศะ…ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?!”
ใบหน้าจซื้อเจียแดงกําด้วยความเขินอายระคนประหม่าเล็กน้อย แม้นางรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติทว่าการหยอกล้อของเยี่ยฉวนทําให้นางไม่ปักใจเชื่อ
“เจียเจีย ขะ..ข้าถูกวางยาพิษ!” เยี่ยฉวนพูดพลางแสร้งทําท่าทางเจ็บปวดแทบกระอักเลือด
“พิษใดกันบาดแผลเล่าอยู่ตรงไหน?” หญิงสาวตื่นตระหนก
“ด้านล่าง…”
“หน้าอกงั้นรึ?”
“ไม่ ต่ำลงไปอีกหน่อย”
“ถ้าเช่นนั้นคงเป็นท้องน้อยสินะ?”
“ต่ากว่านั้นอีก” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยี่ยฉวน เขาใช้กลวิธีแบบเดิมเพียงแต่สตรีในอ้อมแขนของเขาเป็นคนละคนกัน
จซื้อเจียกังวลจนไม่ทันระวังตัวหรือทราบถึงเจตนาฉ้อโกงของอีกฝ่ายด้วยเกรงว่าเขาจะถูกวางยาพิษจริงดังคํากล่าวอ้างครั้นฝ่ามืออ่อนนุ่มไล้ต่ําลงไปจากท้องน้อยส่วนล่างจึงเริ่มรู้สึกตัว
“ไอ้คนโกหก!”
ทันทีที่มือขวาสัมผัสถูกแก่นกลางนุ่มหยุ่นของอีกฝ่ายนางจึงสะดุ้งสุดตัวและรีบตอบสนองตามสัญชาตญาณ นางทั้งอับอายและขุ่นเคืองยิ่งจนเผลอทุบเข้าไปที่ร่างกายของเขาส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุต่อเยี่ยฉวนจนรู้สึกเจ็บจุกยิ่งกว่าเดิมเสียอีก แม้เขาบรรลุเคล็ดกายามังกรทว่าจุดอ่อนไหวของเขายังเปราะบางนักทําให้ไม่อาจทนทานต่อการถูกอีกฝ่ายทําร้ายโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้
“ศะ…ศิษย์พี่ใหญ่ ขะ…ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ! ท่านเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากหรือไม่?” ครั้นเห็นเยี่ยฉวนบิดตัวด้วยความเจ็บปวดนางจึงปราดเข้าประคองร่างเขาไว้ก่อนลูบบริเวณที่เพิ่งลงไม้ลงมือด้วยความรู้สึกผิด
“เจียเจีย ดูการกระทําของเจ้าเวลานี้สิ เพียงลูบคลําหน้าท้องเช่นนั้นจะเยียวยาข้าได้อย่างไรกัน?” เยี่ยฉวนกล่าว
ตัวจซื้อเจียเองก็ตระหนักดีว่าการลูบคล่หน้าท้องนั้นไม่เกิดประโยชน์ ทว่าหากไม่ให้นางสัมผัสบริเวณนี้จะให้ไปสัมผัสเนื้อนุ่มกลางกายของเขากระนั้นรี?!
–
“ซึ่ม! สมควรแล้วล่ะ! หากมันบาดเจ็บจนใช้การไม่ได้อีกคงดีกว่านี้หลายเท่า!”
หญิงสาวพ่นลมหายใจแรงก่อนสะบัดกายเดินออกจากถ้ําอย่างรวดเร็วราวหลบหนีจากภัยพิบัติร้ายแรงบางประการ หากนางรั้งรออยู่ภายในถ้ําต่อไปผู้ใดเล่าจะล่วงรู้ว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นต่อจากนั้น ต่อให้นางชื่นชอบเขามากเพียงใดทว่าท่านปู่ของนางยังไม่กลับจากเมืองหลวงหนําซ้ํา นางยังไม่ได้เข้าพิธีตบแต่งกับเขาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม หากพลั้งเผลอกระทําสิ่งใดไปโดยไม่คํานึงถึงถูกผิดอาจต้องเผชิญกับความอับอายไปจนกว่าชีวาจะหาไม่
“นางช่างมีไหวพริบเสียจริง!”
เยี่ยฉวนยกยิ้มบน
ยกยิ้มมุมปากก่อนยืดหลังตรงดังเดิม ท่าทางเสแสร้งว่าเจ็บปวดหายสิ้นเป็นปลิดทิ้ง
ความวุ่นวายที่ประดังประเดเข้ามาโดยไม่คาดคิดในครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง
ด้วยไหวพริบอันชาญฉลาดของจซื้อเจีย หากนางรู้จักสังเกตและไตร่ตรองถึงความผิดปกติอย่างใจเย็นจะพบว่าบุคคลที่เขาอ้างว่าเป็นมือสังหารนั้นมิใช่คนธรรมดาสามัญ และคงย่ําแย่กว่านี้ หากนางรู้ว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายคือสตรีพรหมจรรย์หงจือเซีย
เยี่ยฉวนหยิบหน้าไม้ที่วางอยู่บนพื้นขึ้นพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ทันใดนั้นเปลวไฟแผดเผาพลันปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของเขาจากนั้นเขาจึงเริ่มทําการขัดเก ลาหน้าไม้เหินเวหา
หน้าไม้ลักษณะพิลึกเช่นนี้ถูกหงจือเซียลอบนําออกมาจากหอศาสตราวุธแห่งสํานักอสูรเมฆา แม้น้อยคนจะสนใจเลือกอาวุธชนิดนี้เป็นเครื่องมือสังหารประจํากาย แต่ตราบใดที่เขาใช้พวกมันในการสู้รบตบมือกับศัตรจะยิ่งเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนจํานวนมากถึงเวลานั้นหากบรรดา อาวุโสสานักอสูรเมฆาทราบเรื่องคงไม่พึงใจในตัวหงอเซียยิ่งขึ้นไปอีก
ครั้นเขาตระหนักได้เช่นนั้นจึงตัดสินใจปรับแต่งหน้าไม้เหล่านี้ภายในถ้ําเพื่อให้มีรูปลักษณ์ผิดแปลกไปโดยที่ยังคงคุณสมบัติร้ายกาจเช่นเดิมทุกประการต่อให้สํานักอสูรเมฆาหาเรื่องจับผิดอย่างน้อยเขาอาจหาข้อแก้ตัวอื่นๆ ได้
ม่านแสงสีแดงปรากฏขึ้นบนอาวุธซึ่งทํามาจากเนื้อไม้สีดําสนิท
ไม้มะเกลือเนื้อเข้มหลอมรวมเข้ากับโลหิตแก่นแท้หนึ่งหยด ครั้นพวกมันถูกไฟอุณหภูมิสูง แผดเผาหน้าไม่เหินเวหากลับไม่มอดไหม้จนเสียรูปทรงและแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสีสันที่แท้จริงของไม้มะเกลือชนิดนี้ ยิ่งเปลี่ยนสียิ่งเพิ่มความดุร้ายกว่าเดิมเป็นเท่าทวี
ถึงแม้สีของมันแปรเปลี่ยนไปจากเดิมทว่าเยี่ยฉวนยังไม่หยุดกระบวนการลง เขาโคจรยันต์กลนกินสวรรค์ภายในจุดตันเถียนเพื่อทําการขัดเกลาหน้าไม่ให้สมบูรณ์แบบ รูปร่างของมันค่อยๆ กลายเป็นปีกและหัวของมังกรเต็มวัย เมื่อมองเพียงแวบเดียวต่อให้เป็นยอดฝีมือจากสํานักอสูรเมฆาก็ไม่อาจระบุได้ว่ามันคือสมบัติชิ้นเดียวกันจากหอศาสตราวุธของพวกเขา
นอกจากเยี่ยฉวนจะเป็นมหาปราชญ์ผู้ชํานาญเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์แล้วยังชํานาญด้านการขัดเกลาและปรับแต่งอาวุธเป็นอย่างยิ่งแม้เวลาผันผ่านนานนับล้านปีทว่าฝีมือของเขายังคงเลิศไร้ข้อบกพร่อง
ก่อนหน้านี้เขาเคยขัดเกลาหน้าไม่โบยบินซึ่งเป็นรุ่นดั้งเดิมของอาวุธประเภทนี้มาแล้วหนึ่งครั้ง ดังนั้นแม้เป็นการยากที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะสามารถปรับแต่งมันได้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินแก้ไขสําหรับเขา
เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิเข้าสู่สมาธิฝึกตนอยู่ภายในถ้ําเป็นเวลาสามวันเต็ม
แม้การขัดเกลาหน้าไม้เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากทว่าต้องทุ่มเทเวลาให้มันมากกว่าปกติตามจริง แล้วผู้ที่จะทําเช่นนั้นได้ต้องเป็นยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นมหาปราชญ์เท่านั้น เยี่ยฉวนซึ่งบรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเตระดับที่สองมาได้ไม่นานจึงต้องใช้ความเพียรพยายามหลายเท่าตัว ครั้นเขาขัดเกลาหน้าไม้จนครบหนึ่งร้อยอันจึงอ่อนระโหยโรยแรงเพราะสูญสิ้นพลังไปจนหมด แต่ดวงตากลับเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นยินดียิ่ง เขารีบเรียกหาจุซื้อเจีย ปีศาจเฒ่าหลัวเต๋อ หลงเอ๋อร์น้อย รวมถึงศิษย์ผู้ใกล้ชิดคนอื่นๆ ให้รับมอบภารกิจต่อไป
“ศิษย์พี่ใหญ่ สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”
จซื้อเจียหยิบมันขึ้นพินิจอย่างใกล้ชิดจึงรู้สึกถึงอันตรายที่แผ่ออกมาจากวัตถุทรงประหลาดชิ้นนั้นอย่างน่าตระหนกหลงเอ๋อร์และคนอื่นๆ ก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน แม้แต่ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินที่ยืนอยู่ไม่ไกลยังลอบสูดอากาศเย็นเยียบภายในถ้ําเพื่อผ่อนคลายความหวั่นเกรง
“หน้าไม่เหินเวหา… หน้าไม้แห่งจิตวิญญาณประเภทหนึ่งที่สามารถเหาะเหินทําร้ายศัตรูด้วยความเร็วที่มากกว่ากระบบินเรียกมันว่าหน้าไม่เศียรมังกรก็แล้วกัน”
เยี่ยฉวนเอ่ยคําเบาขณะตั้งชื่อใหม่ให้แก่อาวุธสังหารเหล่านี้
แม้ชีวิตในภพชาติก่อนของเยี่ยฉวนเคยรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเพียงใด ทว่าเรื่องราวเหล่านั้นก็กลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว สิ่งที่สําคัญยิ่งในเวลานี้คือชีวิตในภพชาติใหม่ของเขา รวมถึงเรื่องของหน้าไม่โบยบินที่เคยทรงพลังมหาศาลก็เป็นเรื่องราวของอดีตเช่นเดียวกันภพชาตินี้เขาต้องการขัดเกลาหน้าไม่ให้เป็นอาวุธสังหารที่แข็งแกร่งเปี่ยมอานุภาพทําลายล้างยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ตอนนี้นับเป็นเพียงการปรับแต่งขั้นต้นเท่านั้น รอจนกว่าเขาสามารถฝึกตนจนบรรลุเข้าสู่ขั้นกึ่งปราชญ์หรือขั้นมหาปราชญ์ถึงขนาดสังหารมังกรดุร้ายจนราบคาบเขาจึงจะถ่ายเทพลังวิญญาณของมันลงไปในหน้าไม้ทั้งหมดกระทั่งกลายเป็นเศียรมังกรที่แท้จริงถึงเวลานั้นแม้แต่หน้าไม่โบยบินก็ไม่อาจเทียบเคียงได้
ภพชาติก่อนเขาเพียงซ่อนเร้นสวรรค์…ทว่าภพชาตินี้เขาต้องการกลืนกินมันเสีย!
ความทะเยอทะยานของเยี่ยฉวนยังคงลุกโชนอยู่ภายในจิตใจราวเปลวไฟซึ่งไม่มีวันดับมอด
“หน้าไม้เศียรมังกร…”
จซื้อเจียทวนชื่อของอาวุธดังกล่าวอีกครั้งพลางถ่ายเทพลังวิญญาณลงไป จากนั้นร่างของนางพลันลอยสูงขึ้นขณะทดลองยิงลูกศรออกไปสามครั้ง กระทั่งปลายคมกริบของพวกมันเฉียดผ่านหนังศีรษะของจ้าวต้าจอไปอย่างหวุดหวิดและแทงทะลวงเข้าไปยังผนังหินด้านหลังจนเกิดหลุมลึกถึงสามหลุมวิธีการใช้หน้าไม้นี้แตกต่างจากหงจือเซียมากนัก ส่วนเจ้าอ้วนที่ถูกกระทําให้ อกสั่นขวัญแขวนรู้สึกหวาดผวาจนร่างอันเต็มไปด้วยไขมันสั่นสะท้าน แข้งขาอ่อนแรงจนทรุดฮวบลงกับพื้น ตราบใดที่ศิษย์พี่หญิงเจียเจียไม่ทันระวังไม่แน่ว่าหัวของเขาอาจหลุดออกจากบ่าไปแล้วก็เป็นได้
“ช่างเป็นเคล็ดลับการใช้อาวุธธนูที่ยอดเยี่ยม!”
ทุกคนต่างโห่ร้องอย่างชื่นชมในอานุภาพทําลายล้างของมันกันยกใหญ่ แววตาพวกเขาเจ็ดจรัสด้วยความตื่นเต้น
จซื้อเจียล่องลอยไปมาบนอากาศอยู่อย่างนั้นและพยายามเร่งความเร็วสลับกับหยุดกะทันหัน เพื่อซักซ้อมนางพบว่าหลักการของมันเป็นจริงดังที่เยี่ยฉวนกล่าว… เมื่อเปรียบเทียบกับกระบี่บิน แล้วหน้าไม้นี้มีความรวดเร็วกว่าหลายเท่าตัวทั้งยังสามารถควบคุมสมดุลได้ดีกว่าการเคลื่อนที่ ของนางรวดเร็วจนทิ้งไว้เพียงภาพซ้อนอันสง่างามยิ่ง แรงผลักดันของนางทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้เศียรมังกรที่อยู่ปลายขอบทั้งสองด้านของมันยิ่งมีลักษณะคล้ายของจริงเข้าไปใหญ่ทําให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงผู้พิทักษ์มังกรปีศาจสองตนซึ่งยืนเฝ้าอยู่บริเวณทางเข้าอาณาจักรสวรรค์
“ศิษย์พี่ใหญ่ สมบัติเหล่านี้ท่านมอบให้พวกเราหรอกหรือ?!” จซื้อเจียหยุดทดสอบพลังของมันก่อนเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงตื่นเต้นนางตระหนักดีว่าในเมื่อมันไม่ได้มีเพียงชิ้นเดียวแต่รวมกัน แล้วเป็นจํานวนถึงหนึ่งร้อยชิ้นสํานักหมอกเมฆาสามารถใช้พวกมันจัดตั้งแนวกระบวนทัพในกลุ่มของศิษย์ยอดฝีมือเพื่อเข้าสู่สนามรบได้พลังมหาศาลของพวกมันเมื่ออยู่รวมกันเช่นนี้สามารถูกวาดล้างฝ่ายศัตรูให้แพ้พ่ายได้โดยไม่ต้องสงสัย
“ถูกแล้ว พวกมันเป็นของพวกเจ้าทุกคนเจียเจีย… มัวรั้งรออะไรอยู่เล่า? รีบเข้าสู่สนามรบกันได้แล้ว!”
เยี่ยฉวนหยัดกายลุกขึ้นยืนพร้อมแผ่จิตสังหารแรงกล้า
เขาปลีกตัวเข้าสู่สมาธิฝึกตนอย่างสันโดษมาเป็นเวลาแรมเดือนและปล่อยให้กองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉันพัฒนาฐานที่มั่นของตนโดยราบรื่น ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เขาจะออกโรงด้วยตนเองและ สั่งสอนบทเรียนให้องค์ชายรัชทายาทหลีก่วงฮานรวมถึงเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้ลิ้มรสความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส!
คอมเม้นต์