Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 340 เทียนโตวกลับมาแล้ว
บทที่ 340 เทียนโตวกลับมาแล้ว
“โอ้! สภาวะกิ่งมังกรอย่างนั้นรึ? หรือเจ้าจะกลายร่างเป็นมังกรปีศาจในต่านานกันแน่?!”
บรมครูอุทานด้วยความประหลาดใจพลางกวัดแกว่งธงชัยโลหิตกล้าอย่างเดือดดาล “เยี่ยฉวน! ผู้คนมากมายต่างร่ําลือว่าเจ้าเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับมรดกแห่งอาณาจักรสวรรค์ บัดนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าข่าวลือนั่นหาใช่ความเท็จแต่อย่างใด แม้แต่พรตเต๋สังหารและยอดฝีมือชั้นเลิศคนอื่นๆ ล้วนตายตกด้วยน้ํามือของเจ้า! ทว่านั่นยังนับว่าไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าผู้นี้! ต่อให้เจ้าเป็นมังกรปีศาจตัวจริงหรือมีเคล็ดกายามังกรที่แข็งแกร่งเพียงใด อย่างไรเจ้าก็ต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนภายใต้ธงชัยของข้า!”
ธงชัยโลหิตกล้าที่กวัดแกว่งไปมาหยุดนิ่งอยู่ในทิศทางเดียว จากนั้นจึงหมุนวนด้วยความเร็วสูงกลายเป็นกงล้อแหลมคมพุ่งตรงเข้าหาอีกฝ่าย!
ขณะเดียวกันเยี่ยฉวนก็เรียกใช้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามเพื่อหลบเลี่ยงการจู่โจมนั้น ทว่าไหล่ข้างซ้ายของเขายังคงถูกปลายแหลมคมของธงชัยเฉียดเฉือนกระทั่งเกิดรอยบาดแผลซึ่งลึกเป็นทางยาวไปถึงกระดูก หากเขาตอบสนองช้ากว่านี้เพียงนิดไม่แน่ร่างกายอาจขาดสะพายแล่งออกเป็นสองท่อน!
ผืนธงซึ่งปลิวโบกสะบัดด้วยแรงลมในมือของบรมครูเจียงเดินเชิงแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธสังหารที่ใช้กระบวนกวาด ฟาดฟัน และตบตีคู่ต่อสู้อย่างน่าเกรงขาม ทั้งยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธสังหารอันมีปลายคมกริบ พลังทําลายล้างของมันช่างน่าอัศจรรย์และผันแปรไปเรื่อยๆ อย่างไรขีดจํากัด ลักษณะการโจมตีนั้นดูคล้ายกับกงล้อสะบั้นมังกรในห้องโถงมังกรปีศาจไม่มีผิดเพี้ยน
“คุณชาย! ระวัง!”
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินอุทานพลางพุ่งตัวไปด้านหน้า เถาวัลย์พิษจํานวนมากผุดขึ้นจากพื้นดินและเลื้อยเข้ารัดร่างของบรมครูเจียงเดินเชิงไว้
จูซือเจีย จ้าวต้าจื่อ รวมถึงบรรดาศิษย์ร่วมสํานักคนอื่นๆ ซึ่งกรูเข้ามาดูเหตุการณ์ต่างวิตกกังวลยิ่ง ทว่าพวกเขาทําได้เพียงเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นจากระยะไกลเท่านั้น แม้แต่ปีศาจเพลิง และปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อยังไม่อาจทนต่อการโจมตีเพียงหนึ่งครั้งได้ ต่อให้มีแรงมุ่งมั่นเพียงใดที่จะเอาชนะฝ่ายศัตรูแต่ก็จนปัญญา มีเพียงปีศาจเฒ่าหลัวเต่อเท่านั้นที่ยังยืนหยัดต้านไว้อย่างอาจหาญ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายได้โดยอิสระ ระดับขั้นของมันยังห่างชั้นกับการเป็นคู่ต่อสู้ของบรมครูเจียงเฉินเชิงมากนัก
แต่แล้วเถาวัลย์จํานวนนับไม่ถ้วนกลับถูกธงชัยโลหิตกล้าในมือของเจียงเฉินเชิงตัดจนขาดสะบั้น ชายวัยกลางคนยังคงเอนตัวไปมาและเพิ่มแรงกดดันให้เยี่ยฉวนราวยกภูเขาเข้าทับอก ธงชัยนี้มีความสูงเกือบสิบเมตร ทั้งยังมีขนาดใหญ่กว่าบ้านหนึ่งหลัง มันกวาดล้างทุกสรรพสิ่งรอบข้าง ด้วยวิธีทุกกระบวนท่า ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีรอดพ้นไปจากรัศมีทําลายล้างที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น
รูม่านตาของเยี่ยฉวนหดเล็กลงขณะเขาหยุดชะงักการโต้กลับและเร่งหมอบลงกับพื้น ปลายแหลมของธงชัยน่าสะพรึงกลัวนั้นเกือบเนื้อนปลายจมูกของเขาจนเหวอะออกแล้วบรมครูเจียง เป็นเชิงกวัดแกว่งธงชัยเพื่อโจมตีอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้กระทั่งมันเห็นขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนกิ่งตรงลงมาหมายมั่นศีรษะของเยี่ยฉวนให้หลุดจากบ่าเสียเดี๋ยวนี้!
“คุณชาย! จับนี่ไว้ใ”
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินส่งเถาวัลย์ยาวออกมาจากฝ่ามือข้างหนึ่ง เยี่ยฉวนหันกลับไปคว้า มันไว้อย่างรวดเร็วเพื่อถอยหลบจากอาวุธสังหารนั้น
“น่าเลื่อมใส! ผู้ฝึกตนบรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่สองหนึ่งคน ผนวกกาลังกับปีศาจซึ่งบรรลุระดับสูงสุดของขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋า ความสมัครสมานของเจ้าทั้งสองน่าชื่นชมไม่น้อย โชคร้ายที่เจ้าต้องมาตายตกไปพร้อมกันเสียวันนี้ เอาเถิด! ถึงเวลาจบเรื่องยืดเยื้อนเสียที!”
เจียงเป็นเชิงเงื่อธงชัยโลหิตกล้าขึ้นจนสุดแขน พลังปราณแปรปรวนหาตัวจับยากภายในร่างของเขาปะทุขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เขากําลังรวบรวมพละกําลังทั้งหมดเพื่อสังหารเยี่ยฉวนและปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน… ฉับพลันเสียงคํารามของมังกรอันทรงพลังจึงดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า ตามด้วยเสียงเพลงขับกล่อมที่นําพาให้ผู้ฟังรู้สึกเคลิบเคลิ้มด้วยความสุนทรีย์ในอารมณ์
ครั้นสถานการณ์ดําเนินมาสู่ช่วงวิกฤต มังกรปีศาจหลงเอ๋อร์ซึ่งแบกภูตทะเลสาวไหลี่ลี่ไว้บนหลังจึงเร่งเหาะทะยานลงสู่สนามรบได้อย่างทันเวลา พร้อมกับหญิงสาวซึ่งเรียกใช้ทักษะอันเป็นพรสวรรค์แต่กําเนิดของเผ่าพันธุ์ภูตทะเล
ฝูงชนทั้งจากด้านในสํานักหมอกเมฆาและด้านนอกต่างยืนนิ่งและจมดิ่งเข้าสู่ห้วงภวังค์ในบัดดล แม้แต่บรมครูเจียงเดินเชิงซึ่งเงยหน้าขึ้นมองเมื่อครู่ยังตะลึงงันและหยุดชะงักการเคลื่อนไหว ทั้งมวลที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก ธงชัยโลหิตกล้าในมือหยุดโบกสะบัดทันใด
ทุกสรรพสิ่งหยุดชะงักการเคลื่อนไหวราวช่วงเวลาถูกแช่แข็ง
บทเพลงแห่งภูตทะเล!
ไหลลี่ถ่ายเทพลังชะตากรรมของนางออก เพื่อขับกล่อมบทเพลงเยือกเย็นแสนหวานสะกดจิตฝูงชนทั้งหมดโดยไม่ลังเล
ในช่วงเวลาที่จซื้อเจียและศิษย์ร่วมสํานักคนอื่นๆ กําลังสู้รบกับฝ่ายศัตรูอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ภายนอก ทว่านางยังคงดํารงตนอย่างสงบบนยอดเขามังกรสวรรค์เพื่อดูแลต้นเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์รวมถึงต้นไผ่สายหมอกไม่ให้บกพร่อง นางเฝ้ารอช่วงเวลาสําคัญนี้อย่างจดจ่อ กระบวนท่าสังหารในวินาทีสุดท้าย!
“ฆ่า!”
เยี่ยฉวนแค่นเสียงพร้อมรวบรวมพลังกระโดดลุกขึ้นจากพื้นก่อนพุ่งตัวไปด้านหน้าของบรมครูเจียงเดินเชิงด้วยความรวดเร็วเหนือแสง ริมฝีปากของเขาอ้ากว้างพร้อมด้วยกระบีบนสะบั้นมังกร คมกริบที่เหาะตรงออกมาพร้อมทําการสังหารอย่างดุเดือด
เขาเฝ้าคอยโอกาสอันดีเช่นนี้มาโดยตลอด… บัดนี้เวลาแห่งชัยชนะมาถึงแล้ว!
เยี่ยฉวนทุ่มเทแรงพลังทั้งมวลออกไปอย่างเต็มกําลัง
ปลายแหลมคมของกระบีบนสะบั้นมังกรแทงเข้ากระทบผิวหนังของเจียงเฉินเชิงแล้ว ทว่านั้นไม่ต่างอะไรจากโลหะซึ่งกระทบเข้ากับเหล็กกล้าซึ่งไม่มีวันหลอมละลายโดยง่าย แกรั้ง! อาวุธ สังหารซึ่งมีพลังทําลายล้างสูงถึงขั้นทําลายแส้หางม้าของพรตเตสังหารจนไม่เหลือชิ้นดีไม่สามารถที่มแทงทะลุผิวหนังของอีกฝ่ายได้ หนําซ้ํายังกระดอนกลับและร่วงลงสู่พื้นราวเป็นเพียงมีดทําครัวเท่านั้น!
นอกจากขั้นการฝึกตนของชายผู้นี้จะสูงส่งจนเกินหยั่งถึง ร่างกายของเขาก็ยังมีความแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง!
โอ้!
เยี่ยฉวนลอบอุทานภายในใจด้วยความตื่นตระหนกหาใดเปรียบ ทว่าเขายังไม่หยุดชะงักการโจมตี…กลับเปลี่ยนไปใช้อีกกระบวนท่าโดยใช้กระบบินสะบั้นมังกรเล่มเดิมด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า ตึง! เสียงจากแรงกระแทกดังสนั่น ทว่าบรมครูเจียงเฉินเชิงเพียงถอยกลับไปสองสามก้าวเท่านั้น ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกลับเป็นตัวเยี่ยฉวนเสียเอง! แรงกระแทกครั้งเดียวกันกลับทําให้กระดูกท่อนแขนของเขาหัก สะบักไหล่หลุดหลวมจนผิดรูปทั้งยังตกห้อยลงมาสิ้นท่าอย่างฉับพลัน!
ความแข็งแกร่งทางร่างกายนับหนึ่งแสนสองหมื่นหกพันจินที่มหาศาลถึงเพียงนี้ไร้ประโยชน์ได้อย่างไรกัน?!
คราวนี้เยี่ยฉวนตกตะลึงสุดขีดกระทั่งแววตาปรากฏร่องรอยแห่งความสิ้นหวัง เขาพยายามทรงตัวให้มั่นเพื่อที่จะหยัดลกขึ้นยืนเป็นหนที่สอง ทว่าทุกอย่างกลับสายเกินไปเสียแล้ว… บรมครู เจียงเดินเชิงกลับมามีสติรู้ตัวอีกครั้ง!
“พรสวรรค์แต่กําเนิดของเผ่าพันธุ์ภูตทะเลกระนั้นรึ?! ดี! ดีมาก! ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสํานักหมอกเมฆาเสื่อมโทรมของพวกเจ้าจะสะสมยอดฝีมือผู้มากความสามารถไว้มากมายเช่นนี้! พ่อหนุ่ม… ใจจริงแล้วข้าไม่อยากสังหารเจ้าแม้แต่นิด น่าเสียดายที่เจ้าไม่เหลือทางเลือกอื่นให้กับข้า โชคชะตาของเจ้าถูกกําหนดไว้แล้วว่าต้องตายตกไปที่นี่ในวันนี้เท่านั้น!”
ครั้นเจียงเฉินเชิงพูดจบจึงกวัดแกว่งธงชัยโลหิตกล้าด้วยความรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ผืนธงที่โบกสะบัดได้สร้างลมพายุมรสุมกระโชกแรงจนหลงเอ๋อร์ในร่างมังกรถึงขั้นทรุดกายล้มลงเพราะต้านทานไว้ไม่สําเร็จ ส่วนภูตทะเลไหลล์ก็เลื่อนร่วงลงจากหลังของเขา ฝ่ามือขวาของชายวัยกลางคนกระชับด้ามธงชัยไว้มัน… มือซ้ายออกแรงฉุดกระชากร่างอ่อนปวกเปียกของเยี่ยฉวนให้ เข้าใกล้ ทันใดนั้นธงชัยโลหิตกล้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นใบมีดยักษ์ที่พร้อมจําหันร่างของอีกฝ่าย ให้แยกออกเป็นสองชิ้น!
เจียงเดินเชิงผู้ไม่เคยสังหารคนโดยปราศจากมนุษยธรรมแปรเปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์ราวกลายเป็นคนละคน หลังพบเจอกลยุทธ์การโจมตีของเยี่ยฉวนครั้งแล้วครั้งเล่าโทสะในจิตใจยิ่งสั่งสมจนระเบิดออกกลายเป็นจิตสังหารรุนแรง
“ไม่นะ! ศิษย์พี่ใหญ่!”
“คุณชาย!”
จซื้อเจีย ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินและคนอื่นๆ ร้องตะโกนสุดเสียงด้วยความตระหนกขณะพุ่งตัวไปด้านหน้าโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยส่วนตนอีกต่อไป ทว่าลมพายุมรสุมกลับกั้นขวางให้คนเหล่านั้นจาต้องล่าถอย เวลานี้เจียงเดินเชิงโกรธจัดจนไม่ปล่อยให้ผู้ใดเข้ามาขัดขวาง พวกเขาจึงทําได้เพียงมองเยี่ยฉวนซึ่งดิ้นรนสุดชีวิตโดยไม่อาจช่วยเหลือใดๆได้
“โฮก!” เสียงคํารามดังสนั่นสะท้านปฐพี่ของมังกรจนทําให้หูอื้อไปชั่วขณะดังขึ้นอีกครั้ง เสียงดังกล่าวดังมาจากทิศทางของหุบเขามังกรปีศาจซึ่งอยู่ด้านหลังสํานักหมอกเมฆา เมื่อเปรียบเทียบกับเสียงคํารามของมังกรน้อยหลงเอ๋อร์นับว่าทรงพลังมากกว่าอย่างมหาศาล มาพร้อมกับพลังปราณเดือดพล่านและจิตสังหารหนาแน่นที่ทะยานขึ้นถึงขีดสุด
ทันใดนั้นร่างมหึมาของมังกรยักษ์สีแดงเพลิงจึงปรากฏตัวขึ้นเหนือท้องฟ้า บนกระดูกสันหลัง จรดหางซึ่งมีความยาวกว่าหนึ่งพันเมตรมีเปลวไฟลุกท่วม มันทะยานขึ้นมาจากห้วงลึกของหุบเขามังกรปีศาจและโฉบพุ่งตรงเข้าหาบรมครูเจียงเฉินเชิงอย่างดุร้าย
“ผู้ใดบังอาจแตะต้องศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆา ข้า… หนานเทียนโตวจะสังหารมันเสีย!”
มังกรเพลิงร่างยักษ์เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาเป็นภาษามนุษย์ขณะที่ร่างเต็มกายของมันพุ่งทะยานข้ามท้องฟ้ายามค่ําคืนจนดูคล้ายพระอาทิตย์ท่ามกลางความมืดสลัว ครั้นมันอ้าปากกว้าง เปลวเพลิงร้อนระอุจึงพ่นออกมาเป็นสายแผดเผาเหล่าทหารแห่งจักรวรรดิต้าฉินหลายพันนายจนมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา!
ทันทีที่สัมผัสได้ว่าเยี่ยฉวนผู้เคราะห์ร้ายกําลังจะตายตกด้วยน้ํามือของบรมครูเจียงเดินเชิงผู้นี้ มังกรปีศาจร้ายในตํานานแห่งหุบเขาต้องห้ามจึงทะยานออกจากถิ่นพํานักโดยไม่ลังเล ดูเหมือนหนานเทียนโตวซึ่งสูญเสียกายหยาบของมนุษย์โดยสมบูรณ์จะหลอมรวมร่างและจิตวิญญาณเข้ากับมังกรปีศาจเพิ่งเอ๋ได้สําเร็จแล้ว บุคคลผู้เคยได้รับฉายายอดอัจฉริยะในรอบหนึ่งพันปีแห่ง สํานักหมอกเมฆา บัดนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมรูปกายที่น่าเกรงขามทั้งยังทรงพลังอย่างสุดพรรณนา
บริเวณด้านนอกสํานัก… บรมครูเจียงเดินเชิงผู้เคยกระหยิ่มยิ้มย่องในชัยชนะของตนแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมทันใด!
คอมเม้นต์