Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 346 เคล็ดวิชากระบวนจอมทัพ
บทที่ 346 เคล็ดวิชากระบวนจอมทัพ
หลังเยี่ยฉวนระงับจิตสังหารก่อนทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิเพื่อเข้าสู่สมาธิฝึกตนพร้อมเรียกใช้เคล็ดวิชาลับ ทันใดนั้นเปลวไฟร้อนแผดเผาพลันปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือเพื่อขัดเกลาธงชัยโลหิตกล้าซึ่งได้รับมาจากสนามรบรั้งรออยู่ครู่หนึ่งเขาจึงอ้าปากกว้างธงที่เคยมีขนาดใหญ่พลันหดเล็กลงก่อนแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงและลอยเข้าไปในปากของเขา
แม้เขาจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บในระดับหนึ่งแล้วแต่ยังไม่หายเป็นปลิดทิ้งเสียทีเดียว ทว่าชายหนุ่มยังพยายามโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์เพื่อถ่ายเทพลังปราณออกขัดเกลาธงชัยนี้ให้มีสภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้หนานเทียนโตวจาวตาจอและคนอื่นๆ จึงถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
จซื้อเจียไม่เต็มใจถอยห่างจากเยี่ยฉวนทว่าจําต้องหมุนกายกลับเนื่องจากยังมีหลายสิ่งที่จําเป็นต้องจัดการ แม้ว่าพายุร้ายผ่านพ้นไปแล้วแต่ยังมีปัญหาอีกหลายประการที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม อย่างแรก… นางต้องจัดการซ่อมแซมค่ายกลที่สร้างขึ้นเพื่อรับมือการโจมตีซึ่งได้รับความเสียหายบางส่วนทั้งยังต้องจัดสรรคนเพื่อสอดแนมการเคลื่อนไหวจากศัตรูทุกฝ่าย
บนยอดเขาจึงเหลือเพียงหลงเอ๋อร์ซึ่งรับหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยของเยี่ยฉวน เด็กชายนั่งขัดสมาธิเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพี่ใหญ่ของเขาอย่างจดจ่อ
กระแสปราณจิตวิญญาณโลกอันบริสุทธิ์ไหลลงมาจากเบื้องบนอย่างต่อเนื่องและซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของเยี่ยฉวน จากนั้นระบบประสาทรวมถึงอาการบาดเจ็บสาหัสที่เกิดขึ้นบนร่างกายจึงได้รับการเยียวยากระทั่งเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหนําซ้ำร่างกายของเขายังแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนที่จะ เข้าสู่สนามรบหลายเท่านักใช้เวลาเพียงไม่นานร่างกายของเขาจึงแข็งแรงขึ้นอย่างผิดถนัด
เขาหยิบเครื่องหอมหยกขึ้นผิงไฟอ่อนๆ อีกครั้ง กลิ่นหอมจากเครื่องกํายานวิเศษดังกล่าวส่งเสริมให้จิตวิญญาณของเขาสดชื่นกระปรี้กระเปร่าและฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ธงชัยโลหิตกล้าที่เขากลืนลงคอให้ไปสมทบอยู่ในจุดตันเถียนค่อยๆ ขยับและหลอมรวมเข้ากับกระแสพลังปราณซึ่งหมุนวนอย่างไร้รูปแบบเขาไม่อาจล่วงรู้ได้ว่ารอบนี้จะต้องใช้เวลาในการขัดเกลานานเพียงใดบางทีอาจนานนับชั่วโมงหรือหลายค่ําคืนก็เป็นได้กว่ายันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่จะปรากฏชัดขึ้น
ยันต์รูปธงชัยโลหิตกล้า!
หลังจากเขาทําการขัดเกลาอาวุธสังหารชิ้นใหญ่ซึ่งริบมาจากบรมครูแห่งแคว้นเจียงเฉินเชิงในที่สุดจุดตันเถียนก็กลั่นกรองยันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่ให้อุบัติขึ้นยิ่งไปกว่านั้นเขายังบรรลุเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่สามในเวลาเดียวกัน!
หลงเอ๋อร์ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลลืมตาขึ้นพร้อมมองไปยังพี่ใหญ่ของเขาด้วยความอัศจรรย์ใจยิ่ง
นับตั้งแต่เด็กชายสูดดมกลิ่นหอมจากกํายานหยกเขาก็จมดิ่งลงสู่ห้วงภวังค์สมาธิแห่งการฝึก ตนอันลึกซึ้ง เขารู้สึกเพลิดเพลินราวท่องเที่ยวอยู่ในดินแดนแห่งเผ่าพันธุ์มังกรปีศาจกระทั่งผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว กระทั่งสัมผัสได้ถึงพลังปราณแปรปรวนที่ระเบิดออกจากร่างของอีกฝ่ายจนชายเสื้อปลิวสะบัดพู่กระแสลมไปด้านหลังจึงตื่นขึ้นด้วยความตระหนกไม่น้อย
“พี่ใหญ่เยี่ยฉวนอาการบาดเจ็บของเขาหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว หนําซ้ํายังบรรลไปสู่อีกระดับด้วยหรือนี่?!”
หลงเอ๋อร์น้อยรู้สึกตื่นเต้นเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นช่างเหลือเชื่อนัก
อาการบาดเจ็บของเยี่ยฉวนก่อนหน้านี้นั้นรุนแรงเกินแก้ไขให้ฟื้นคืนในเร็ววัน แม้แต่อาวุโสหนานกงเหรินที่เดินทางมาตรวจสอบร่างกายของเขายังกล่าวอย่างสิ้นหวังว่าเยี่ยฉวนอาจฟื้นขึ้นโดยที่พละกําลังไม่สมประกอบอีกต่อไป ทั้งยังไม่สามารถสู้รบกับผู้ใดได้อีกเรื่องนี้ทําให้ทุกคนที่ได้ยินถึงขั้นกดดันอย่างหนักหน่วง หลายวันที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดกล้าเล่าเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นกับส ตรีพรหมจรรย์หงจือเซียให้เขารับรู้แม้แต่ผู้เดียวลับสายตาคนอื่นจซื้อเจียลอบร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าอยู่หลายครั้ง ตัวหลงเอ๋อร์เองยังรู้สึกเสียใจไม่น้อยใครจะคาดคิดว่าเยี่ยฉวนจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ทั้งฐานการฝึกตนยังเกิดความก้าวหน้าขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ พี่ใหญ่เยี่ยฉวนมีเคล็ดวิชาลับท้าทายสวรรค์เก็บซ่อนอยู่มากมายเพียงใดกันแน่? นอกจากร่างกายถูกทน เยี่ยงหินผาแล้วความสามารถในการเยียวยาร่างกายยังรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง! ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาทําการขัดเกลาธงชัยโลหิตกล้าจนเกิดผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์เกินจินตนาการเช่นนั้นหรือ?!
เด็กชายตัวน้อยรีบผุดลุกขึ้นหมายแจ้งข่าวดีดังกล่าวให้พี่หญิงเจียเจียรับรู้เป็นคนแรก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหันหลังเดินจากไปกลับพบกับภาพเหตุการณ์ที่น่าตระหนกยิ่งกว่า!
เยี่ยฉวนลุกขึ้นยืนอย่างเงียบเชียบพร้อมอ้าปากออกและถ่มน้ําลายลงไปบนฝ่ามือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นธงชัยขนาดเล็กจิ๋วกลับขยายขึ้นจนมีความยาวหนึ่งเมตร…เพิ่มเป็นสองเมตร และยังขยายออกจนมีความยาวกว่าสิบเมตร! ด้านหนึ่งซึ่งมีผืนธงอยู่ส่วนปลายดูคล้ายกําแพงหนาขนาดมหึมาเสียงกระพือยามพลิ้วต้องลมดังสนั่นหวั่นไหวคล้ายเสียงกลองรบในสงคราม สุ่มเสียงดังกล่าวสามารถปลุกพลังฮึกเหิมในจิตใจของผู้คนได้อย่างไม่ยากเย็น
“ข้า…ในฐานะขุนศึก เตรียมพร้อมป้องกันศัตรู! จอมทัพขั้นที่หนึ่ง…สังหารนับอนันต์!”
เยี่ยฉวนเปล่งเสียงตะโกนพร้อมกวัดแกว่งธงชัยในมือให้โบกสะบัดก่อนกระทืบเท้าไปด้านหน้าครืน! ก้อนหินขนาดยักษ์ซึ่งมีน้ําหนักหลายหมื่นจนลอยทะยานขึ้นไปด้วยพละกําลังมหาศาล
“จอมทัพขั้นที่สอง…ภูตปีศาจหวนไห้!”
เยี่ยฉวนก้าวไปด้านหน้าอีกครั้งพร้อมเปลี่ยนกระบวนท่าให้ผืนธงชัยลากกวาดทั่วบริเวณในแนวราบ ครั้น! พื้นดินตรงหน้าเยี่ยฉวนแยกตัวออกกลายเป็นหุบเหวลึก ทักษะของธงชัยโลหิตกล้าในยามนี้ไม่อาจคาดคะเนความยิ่งใหญ่ได้อีกต่อไป!
“จอมทัพขั้นที่สาม…หอคอยไร้เทียมทาน!”
“จอมทัพขั้นที่สี่..”
เยี่ยฉวนร้องตะโกนออกคําสั่งครั้งแล้วครั้งเล่าขณะทําการฝึกตนอยู่บนยอดเขาพลางแสดง อิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงของเคล็ดวิชาไร้เทียมทานอีกหนึ่งสิ่ง…เคล็ดวิชากระบวนจอมทัพโดยปกติแล้วธงชัยโลหิตกล้าซึ่งมีความยาวมากกว่าอาวุธทั่วไปทั้งยังมีน้ําหนักมากถึงหนึ่งหมื่นจิน แม้แต่ ศิษย์ชั้นสามัญนับสิบคนช่วยกันแบกยังพบว่ายากที่จะยกขึ้นทว่าเยี่ยฉวนกลับควบคุมมันได้ดังใจนึกราวเป็นอาวุธสังหารน้ําหนักเบาทั่วไปยามสําแดงพลังมันเปรียบเสมือนระเบิดที่สามารถถล่มภูเขาและพสุธาให้พังพินาศ เมื่อโบกสะบัดอยู่กลางอากาศก็เปรียบเสมือนสิ่งที่ใช้เรียกลมพายุมรสุมให้ก่อเกิด
หลังเยี่ยฉวนทําการฝึกตนเป็นเวลาเจ็ดวันเต็มร่างกายของเขาจึงได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์พร้อมกับยันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่ที่กําเนิดขึ้น นอกจากนั้นเขายังสามารถแสดงพลังที่แท้จริงของธงชัยโลหิตกล้าออกมาจนเป็นที่ยําเกรงต่อผู้พบเห็น ร่วมกับการเรียกใช้เคล็ดวิชากระบวนจอมทัพซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถฝึกฝนจนชํานาญเทียบเท่าในภพชาติก่อน
เคล็ดวิชาดังกล่าวเป็นเคล็ดลับพิเศษเพื่อเรียกใช้กับอาวุธสังหารประเภทธงชัยรบ ตามตํานานกล่าวขานว่าครั้งอดีตกาลยอดฝีมือผู้เรียกตนเองว่าปรมาจารย์แห่งจอมทัพได้คิดค้นมันขึ้นเป็นมรดกชิ้นสําคัญ บุคคลผู้นั้นมิได้เป็นนักปราชญ์ทั่วไปทว่าดํารงตําแหน่งเป็นถึงทหารกล้าแห่งกองทัพ นับตั้งแต่เขาจับพลัดจับผลูได้เป็นแม่ทัพใหญ่ขั้นการฝึกตนของเขาก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้น อย่างต่อเนื่องกระทั่งวันหนึ่งเขาบรรลุเข้าสู่ขั้นมหาปราชญ์จึงกลายเป็นตํานานทหารนายแรกที่เข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกตนที่มีฐานการบ่มเพาะสูงส่งถึงเพียงนี้ เคล็ดวิชาประจํากายของเขาคือกระบวนจอมทัพ พลังโจมตีของมันเลื่องชื่อลือชาด้านความแข็งแกร่งและโหดเหี้ยม ปรมาจารย์แห่งจอมทัพใช้เคล็ดวิชานี้เพื่อเอาชนะในการทําศึกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนและสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รู้ จักในดินแดนรกร้างกว้างใหญ่มาอย่างยาวนาน
ช่วงชีวิตของเยี่ยฉวนในภพชาติที่แล้วไม่มีโอกาสได้พบปะกับปรมาจารย์แห่งจอมทัพเลยสักครั้ง ครั้นเขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของยุทธภพบุคคลนี้ก็เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์บางคนกล่าวว่าชายผู้นี้ถูกสังหารโดยมหาปราชญ์ดึกดําบรรพ์หลายคนบางคนก็กล่าวว่าเขาใช้ธงชัยประจํากายทะลุผ่านช่องอวกาศว่างเปล่าไปอาศัยอยู่บนโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นสูงสุดเสียแล้ว ส่วนเคล็ดวิชากระบวนจอมทัพซึ่งเยี่ยฉวนได้เรียนรู้นี้ได้รับมาจากจอมมารที่กําราบสําเร็จ เมื่อฝึกฝนจนบรรลุในวันหนึ่งเขารู้สึกชื่นชอบมันอย่างมาก น่าเสียดายที่เวลานั้นเขาเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์อันยิ่งใหญ่จนไม่มีโอกาสได้เรียกใช้มันอย่างจริงจัง
ครั้นเวียนมาสู่ภพชาติใหม่และบ่มเพาะฐานการฝึกตนไปทีละขั้นตอน เขาก็ได้รับธงชัยโลหิตกล้าขนาดใหญ่นี้มาโดยบังเอิญเยี่ยฉวนจึงหวนนึกถึงเคล็ดวิชาดังกล่าวและเรียกใช้มันอีกครั้ง ด้วยจิตสังหารอันแก่กล้า เขาใช้วิธีกวาดสะบั้นทุบตีและจ้วงแทงโดยใช้การเคลื่อนไหวที่ทั้งรุน แรงและรวดเร็วหาตัวจับยากชายหนุ่มยังคงฟาดฟันธงชัยน้ําหนักหนึ่งหมื่นจินอย่างมีชั้นเชิง ท่ามกลางสายลมหนาวเมื่อเห็นเช่นนั้นโลหิตในร่างกายของหลงเอ๋อร์จึงเดือดพล่านเพราะสัญชาตญาณแห่งการสู้รบ
“หลงเอ่อร์! มาเถิด… มาประลองกันสักตั้งว่ากายามังกรปีศาจของเจ้าหรือธงชัยของข้าที่ทรงพลังมากกว่ากัน!”
เยี่ยฉวนหมุนกายกลับมาและชักชวนหลงเอ๋อร์ซึ่งยืนมองอยู่นานแล้วให้เข้าสู่สนามประลองด้วยกัน
“ข้าไม่ขัดศรัทธา! เอาล่ะพี่ใหญ่… ระวังให้ดี!”
หลงเอ๋อร์แผดเสียงคํารามลั่นขณะบังคับร่างกายของตนให้แปลงกายเป็นมังกรปีศาจ จากนั้นจึงพุ่งตัวเข้าหาพี่ใหญ่ของเขาอย่างเดือดดาล บางที่การยอมรับอย่างว่าง่ายอาจน่าสนุกกว่าการปฏิเสธอย่างสุภาพมากนัก อีกทั้งเขายังต้องการเห็นขอบเขตพลังที่แท้จริงหลังจากเยี่ยฉวนฟื้นฟูร่างกายสําเร็จในครั้งนี้! เด็กชายตัวน้อยในร่างมังกรใคร่รู้เหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะดึงอานุภาพทําลาย ล้างของธงชัยโลหิตกล้าซึ่งริบมาจากบรมครูเจียงเดินเชิงให้เป็นที่ประจักษ์ได้อย่างไร?!
คอมเม้นต์