Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 350 พันธมิตรยอดวีรบุรุษ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 350 พันธมิตรยอดวีรบุรุษ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 350 พันธมิตรยอดวีรบุรุษ

“เอาเถิด คุณชายจ้าว ท่านต้องมีเรื่องที่ต้องการแจ้งเป็นแน่จึงได้เดินทางมาจากแดนไกล เร่งแสดงเจตจํานงโดยเร็วเถิด หากประเด็นสําคัญคือต้องการให้ข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับพวกเจ้าเพื่อโค่นบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิแห่งตาฉัน เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเอ่ยคําใดอีกและย้อนกลับไปเสีย” เยี่ยฉวนนั่งลงบนบัลลังก์เจ้าสํานักขณะกล่าวด้วยน้ําเสียงราบเรียบ ดวงตาจ้องเขม็งไปยังช่วย หนานจอจ้าวอิงและผู้ติดตามทั้งสองอย่างคาดคั้น

เวลานี้เขาแข็งแกร่งมากพอที่จะแสดงพลังของสํานักหมอกเมฆาเพื่อกดดันแขกทั้งสาม เพราะตามจริงแล้วเยี่ยฉวนไม่สนใจเข้าร่วมกับเหล่าข้าราชบริพารและรุกรานการปกครองในโลกฆราวาสเลยแม้แต่น้อย สถานการณ์ของสํานักหมอกเมฆาในปัจจุบันยังห่างไกลจากการมีอิทธิพล กับเรื่องดังกล่าว

“คุณชายเยี่ย ท่านเข้าใจผิดแล้ว… ทั้งหมดไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดแม้แต่ประการเดียว”

คราวนี้ช่วยหนานจื่อจ้าวองไม่พูดอ้อมค้อมแต่กลับกล่าวถึงจุดประสงค์หลักอย่างตรงไปตรงมา “ครั้งนี้ส่วยหนานจอไม่ได้มาเยือนที่นี้เพราะหวังให้ท่านเข้าร่วมเป็นพันธมิตร ทั้งยังไม่ได้มาในนามของข้าเอง หากแต่มาเพื่อเชิญให้ท่านเข้าร่วมเป็นพันธมิตรยอดวีรบุรุษ ส่วนอาวุโสทั้งสองท่านที่ติดตามข้ามาก็ไม่ใช่คนของตระกูลช่วยหนาน ทว่าเป็นยอดฝีมือจากพันธมิตรนี้”

“โอ้! พันธมิตรยอดวีรบุรุษเช่นนั้นรึ?” เยี่ยฉวนทวนชื่อเสียงสูงด้วยความประหลาดใจ

“ถูกแล้วคุณชาย…”

ฮ่วยหนานจื่อจ้าวอิงตอบรับด้วยน้ําเสียงตื่นเต้น “เครือข่ายนี้แตกต่างจากพันธมิตรในวังหลวง เราไม่ต้องการรวบรวมขุนนางชั้นสูงจากทุกหนแห่ง ทว่าต้องการรวบรวมวีรบุรุษทั้งหมดในอาณาเขตรกร้างกว้างใหญ่ เพื่อสร้างเป็นกลุ่มพันธมิตรที่ทรงพลังอันเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ครั้งใหม่”

“เช่นนั้นจุดประสงค์ของเจ้าหลังจากรวบรวมได้สําเร็จเล่า?” เยี่ยฉวนเอ่ยถาม

“อํานาจอันไร้เทียมทาน” ช่วยหนานจื่อจ้าวอิงตอบกลับอย่างไม่อับอาย

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย “ถ้าอย่างนั้นพันธมิตรที่เจ้าว่ากับพันธมิตรขุนนางเหล่านั้นมีความแตกต่างอย่างไรกัน? ทุกเครือข่ายล้วนมีเป้าหมายเพื่อโค่นราชวงศ์ต้าฉินทั้งสิ้นมิใช่รี?!”

“เปล่าเลย ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ฮ่วยหนานจอเงยหน้าขึ้นสบตาเยี่ยฉวนก่อนกล่าวต่อด้วยท่าที่กระตือรือร้น “ขุนนางต่างมีความคิดเป็นของตนเอง พวกเขาล้วนมีความทะเยอทะยานที่จะขึ้นครองบัลลังก์แทนที่จักรพรรดิองค์เก่าเพื่อปกครองประเทศ ระยะเวลาการก่อตั้งนั้นก็สั้นนัก ล้มองค์เก่าแต่งตั้งองค์ใหม่เท่านี้ก็สิ้นความ แม้แต่บิดาของข้ายังใฝ่ฝันเช่นนั้นไม่แตกต่าง ทว่าพันธมิตรยอดวีรบุรุษนั้นต่างออกไป พวกเขามีจุดประสงค์เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามทุกทางที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นองค์จักรพรรดิแห่งต้าฉิน เหล่าข้าราชบริพารที่แก่งแย่งชิงดีอย่างร้ายกาจ หรืออาจเป็นภัยจากเหล่ายอดฝีมือซึ่งมาจากโลก เหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์! หากผองคนมากความสามารถไม่รวมพลังกันเห็นที่ทวีปอัคคีสวรรค์นี้อาจตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านั้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง และผู้คนทั้งหมดก็จะถูกเอารัดเอาเปรียบ”

“สิ่งที่คุณชายจ้าวกล่าวมาหมายความว่าอิทธิพลของโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้แผ่ขยายลงมาถึงทวีปอัคคีสวรรค์แล้วอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยฉวนเข้าใจความนัยที่อีกฝ่ายต้องการสื่อในทันที

“ถูกแล้ว” ช่วยหนานจอจ้าวอิงไม่ปฏิเสธ

“พวกเขาเหล่านั้นเป็นใครกัน?” เยี่ยฉวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย ห้วงคํานึงครุ่นคิดเกี่ยวกับพลังอันเร้นลับและทรงพลังยิ่งซึ่งแผ่ออกมาจากทูตแห่งโลกันตร์ รวมถึงเฒ่าโหวจอมลวงโลกที่เคยแฝงตัวเข้ามาสร้างปัญหาในเทือกเขาหมอกเมฆาเมื่อครั้งก่อนหน้า

“ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเช่นจอมมารทูตแห่งโลกันตร์ มหาปราชญ์ทรงธรรมผู้สง่างาม หรือเทพโพธิสัตว์ผู้ลึกลับ” ชายหนุ่มหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนกล่าวด้วยน้ําเสียงมั่นคงต่อไป “คุณชายเยี่ย… สํานักหมอกเมฆาของท่านอาจพึงพอใจที่จะครอบครองอาณาเขตเล็กๆ ในชาย แดนตอนใต้และไม่คิดข้องเกี่ยวกับสํานักผู้ฝึกตนหรือขุนนางท่านอื่น ดังนั้นท่านอาจไม่ล่วงรู้ถึง บางสิ่ง ตามจริงแล้วดินแดนรกร้างแห่งนี้มีความซับซ้อน อันตราย และโกลาหลเกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการนัก เหล่าพันธมิตรยอดวีรบุรุษค้นพบพลังปราณมหาศาล ซึ่งมาจากโลกเหนือแดนสวรรค์ สัญญาณทุกประเภทได้รับการคํานวณไว้อย่างแม่นย่า ว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่ซึ่งต้องเกิดขึ้นในดินแดนรกร้างทุกหนึ่งแสนปีใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นสรวงสวรรค์และโลกมนุษย์จะเสื่อมเสถียรภาพ รอยแยกทางเวลาและอวกาศจํานวนมากจะปรากฏขึ้น เหล่ายอดฝีมือรวมถึงวิญญาณชั่วร้ายที่โลกไม่เคยพานพบจะข้ามผ่านช่องว่างนั้นมายังที่ของเรา ไม่ว่าสํานักผู้ฝึกตน หรือแม้แต่โลกฆราวาสล้วนต้องประสบแต่ความหายนะ”

ช่วยหนานอกล่าวถึงความลับอันน่าพิศวงนั้นด้วยน้ําเสียงจริงจัง

ในปัจจุบันมีผู้ทรงอํานาจเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้เกี่ยวกับความลับเหล่านี้ ทว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นทุกขณะ กองกําลังที่ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวจึงตัดสินใจแถลงไขให้ผู้อื่นทราบ

เยี่ยฉวนเม้มริมฝีปากแน่น จิตใจเต็มไปด้วยความตกตะลึง

คําบอกกล่าวของอีกฝ่ายทําให้เขาตระหนักทันทีว่าระหว่างช่วงเวลานับล้านปีที่เขาถูกกักขังไว้ในสุสานเทพเจ้า ดินแดนรกร้างที่เขาเคยรู้จักเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ล้ําลึกเกินหยั่งถึงมากมายนัก ภพชาติก่อนสมัยที่เขายังเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ก็พอทราบถึงจุดอ่อนเหล่านี้มาบ้าง ทว่าไม่ถึงขั้นซับซ้อน ภัยพิบัติที่ต้องเกิดขึ้นทุกๆหนึ่งแสนปีนั้นเป็นอย่างไรกัน?!

“คุณชายเยี่ย ท่านไม่เชื่อคํากล่าวของข้าหรอกหรือ?” ครั้นเห็นเยี่ยฉวนนิ่งเงียบไปช่วยหนานจื่อจึงเผยสีหน้าผิดหวัง

“เชื่อสิ เหตุใดข้าจะไม่เชื่อคําพูดของคุณชายจ้าว?” เยี่ยฉวนยกยิ้ม ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงสงวนท่าทีไม่ตอบรับหรือปฏิเสธว่าจะเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวหรือไม่

ดวงตาของฮ่วยหนานจือเปล่งประกายขึ้นทันที “คุณชายเยี่ย เช่นนั้นท่านเห็นด้วยหรือไม่? ด้วยฐานการฝึกตนและวรยุทธ์อันเป็นเอกลักษณ์ของท่าน หากเข้าร่วมกับพันธมิตรยอดวีรบุรุษ ไม่แน่ว่าท่านอาจกลายเป็นวีรบุรุษยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่อันมีชื่อเสียงระบือไกลในภายภาคหน้าก็เป็นได้”

“ต้องขออภัยคุณชายจ้าวด้วย ข้าเชื่อคําบอกกล่าวของท่านทุกประการ ทว่าข้ายังไม่สนใจเข้าร่วมกับกองกําลังของท่านในขณะนี้ อีกทั้งพวกท่านรอนแรมมาจากแดนไกลอย่างกะทันหันจึงไม่สามารถหาสิ่งของไว้รับรองได้ทันเวลา ดังนั้นข้าขอมอบใบชาชนิดพิเศษจากยอดเขาของเราเป็นของกํานัลให้สักถุงก็แล้วกัน” เยี่ยฉวนปฏิเสธคําเชื้อเชิญจากอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นจึงปรบมือเรียกศิษย์คนหนึ่งให้นําใบชาชั้นยอดของเทือกเขาหมอกเมฆามาไว้ตรงหน้าของช่วยหนานจื่อจ้าวถึง

“เข้าใจแล้วคุณชายเยี่ย เช่นนั้นพวกเราคงต้องขอตัวลา… ข้าจะไม่มารบกวนท่านอีกต่อไป”

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนประสานมือคํานับและหมุนกายเดินออกไป ทว่ายังไม่ทันก้าวออกจากห้องโถงเขาจึงหันกลับมาพร้อมกล่าวเสริม “คุณชายเยี่ย ก่อนจากไปคราวนี้ข้าใคร่บอกข้อมูลบางอย่างให้ท่านทราบ… การหลีกเลี่ยงการต่อสู้อย่างเปิดเผยกระทําได้ง่ายดายยิ่ง ทว่าเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันการโจมตีที่มาเยือนอย่างฉับพลันราวคลื่นใต้น้ํา ศัตรูที่เป็นปรปักษ์อย่างไร้เหตุผลนั้นรับมือยากที่สุด สํานักหมอกเมฆาของท่านอาจต้องเผชิญกับหายนะอีกครั้งในอนาคตอันใกล”

“เอ๊ะ! คุณชายจ้าวหมายความว่าอย่างไรกัน?” เยี่ยฉวนรีบผุดลุกขึ้นยืนทันที

ช่วยหนานจอจ้าวอิงกล่าวตอบเยี่ยฉวนเพียงหกคําก่อนจากไปพร้อมผู้ติดตามทั้งสองของเขาคงเหลือเพียงเสียงดังก้องซึ่งลอยแว่วมาตามสายลมจากระยะไกลอีกครั้ง “คุณชายเยี่ย ขอให้ท่านประสบแต่ความโชคดี แม้พันธมิตรยอดวีรบุรุษปราศจากยอดฝีมือรุ่นเยาว์ซึ่งเปี่ยมด้วยไหว พริบและความกล้าหาญเช่นท่าน แต่ในอนาคตข้าจะหวนกลับมาที่นี่อีกครั้ง!”

เจ้าของเสียงนั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงพริบตาเดียวพวกเขาทั้งสามก็หายลับไปจากสายตาเสียแล้ว มีเพียงเสียงที่ยังสะท้อนก้องอยู่ในห้องโถงเท่านั้น

“องค์รัชทายาทแห่งตาฉัน แคว้นมังกรนภา…”

เยี่ยฉวนพิมพ์เพื่อทวนชื่อของบุคคลที่มีสถานะครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจอย่างองค์ชายหลีก่วงซ่าน จากนั้นจึงหันไปสั่งการหลงเอ๋อร์โดยไม่รอช้า “หลงเอ๋อร์ ข้าต้องการแผนที่”

“ได้ขอรับ!”

เด็กชายรีบวิ่งไปด้านหน้าเยี่ยฉวนก่อนหยิบแผนที่ขนาดใหญ่คลี่กางออก ทางตอนเหนือของสานักหมอกเมฆา ด้านนอกของแนวเทือกเขาสลับซับซ้อนที่ทอดยาวมีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปประมาณแปดพันไมล์ เป็นดินแดนสีฟ้ากว้างใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพรมแดนทิศใต้ สถานที่ดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อแคว้นมังกรนภา ทั้งยังเป็นที่ตั้งของสํานักผู้ฝึกตนชื่อว่ามังกรนภาอีกด้วย สํานักนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งยังมีมรดกล้ําค่าอายุราวพันปี ที่สําคัญรากฐานของมันยังหยั่งลึกเกินพรรณนาโดยที่สานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าไม่สามารถเทียบเคียงได้

“ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาต้องการคุยข่มพวกเราเท่านั้น ส่วยหนานจอจงใจพูดเช่นนี้เพื่อทําให้เราสับสนหรืออย่างไร?” จซื้อเจียเดินเข้าไปใกล้ขณะเอ่ยถามด้วยเสียงทุ่มต่า

“เปล่าหรอก ข้าตระหนักดีว่าหลีก่วงซ่านเป็นผู้ร้ายซึ่งยอมทําทุกวิถีทางเพื่อให้ตนได้ล้างแค้นเจียเจีย…ฝากเจ้าดูแลสํานักหมอกเมฆาแทนสักระยะหนึ่งเถิด ข้าจะเดินทางไปยังแคว้นมังกรนภา เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”

เยี่ยฉวนตัดสินใจอย่างรวดเร็วก่อนเรียกหาหลงเอ่อร์และเดินออกไปด้านนอกห้องโถงใหญ่ ครั้นหลงเอ๋อร์แปลงกายเป็นมังกรปีศาจแล้วจึงกระโดดขึ้นขี่หลังโดยไม่รอช้า ไม่นาน หนึ่งมนุษย์หนึ่งมังกรจึงเหาะทะยานออกไปไกลลิบและหายลับไปในขอบฟ้า

สํานักมังกรนภามีอาณาเขตกว้างใหญ่และทรงพลังมหาศาล แม้ยังห่างไกลจากการเป็นคู่แข่งของสํานักอสูรเมฆา ทว่ามีอํานาจรุ่งโรจน์กว่าสํานักหมอกเมฆาในปัจจุบันหลายเท่าตัว หากสํานักดังกล่าวถูกองค์ชายหลีก่วงซ่านหาทางหว่านล้อมให้ร่วมเป็นพวกกระทั่งบุกรุกเข้าจู่โจมพวกเขาอย่างกะทันหันคงจะเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงตัดสินใจเดินทางไปยังแคว้นห่างไกลแห่งนี้ ด้วยตนเองเพื่อสืบสาวราวเรื่องนอกจากนี้หากสบโอกาสเขาก็มุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะสังหารองค์ชายชั่วช้าผู้นั้นไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายตกเป็นภูตผีก็ตาม!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด