Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 358 คุณหญิงแห่งสํานักมังกรนภา
บทที่ 358 คุณหญิงแห่งสํานักมังกรนภา
เมื่อเยี่ยฉวนยืนกรานกล่าวปฏิเสธหลายครั้งว่าจะไม่ขอใช้วัฏจักรสัมผัสกระดูกสวรรค์ทํานายทายทักคุณหญิงแห่งสํานักมังกรนภา จ้าวชูหยาจึงไร้หนทางอื่นนอกจากหมุนกายกลับเพื่อแจ้งความจํานงของอีกฝ่ายให้กับคุณหญิงทูนหัวของนาง
ทว่าทันทีที่ประตูเปิดออก คนทั้งสามก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น!
นอกที่พักรับรองนี้ปรากฏรถม้าเคลื่อนมาจอดอย่างไรสุ่มเสียงราวโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินฉับพลัน ไม่มีแม้แต่ร่องรอยล้อเกวียนหรือเสียงเกือกม้า แม้แต่เยี่ยฉวนยังไม่อาจล่วงรู้ที่มาที่ไปอย่างชัดเจน
รถม้าคันนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ทักษะพิเศษเพื่อเก็บเสียง หรือเกิดจากปัจจัยอื่นจึงทําให้พวกเขาไม่ทันสังเกตเช่นนี้?
หยดเหงื่อเย็นเยียบผุดออกมาจากบริเวณหน้าผากของเยี่ยฉวนทันที รถม้าปริศนาซึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทําให้เขารู้สึกกดดันราวถูกแรงมหาศาลที่มองไม่เห็นจู่โจมอย่างรุนแรง
“เสี่ยวหยา… คุณหญิงสั่งให้ข้ามารับเจ้าและเฒ่าเยี่ยไปพบพร้อมกัน” กุนซือคนหนึ่งกล่าวออก น้ําเสียงของคนผู้นี้ทุ่มต่ทั้งยังอ๋อี้ประหนึ่งเสียงไม่ได้เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากแต่มาจากช่องท้องของเขา
เยี่ยฉวนมองสํารวจกุนซื่อตรงหน้า แต่แล้วหัวใจกลับสั่นสะเทือนอย่างยากจะระงับอีกครั้ง
กุนซือผู้นี้สวมหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่และก้มศีรษะต่ําอยู่เป็นนิจจึงไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริง ร่างกายผ่ายผอมจนผิวหนังซูบติดกระดูก ตามท่อนแขนปรากฏรอยจุดและกระบ่งบอกถึงอายุในวัยชราภาพ ท่าทางดูแก่เฒ่าเสียจนไร้ซึ่งความแปรปรวนทางพลังปราณภายใน แม้เยี่ยฉวนมองเพียงปราดเดียวแต่ความอึดอัดกลับแผ่ซ่านไปทั่วจิตใจอยู่นาน เขาตระหนักได้ทันทีว่ามีสิ่งผิดประหลาด ทว่าไม่อาจระบุชัดถึงที่มาของความรู้สึกเหล่านั้น
กุนซือผู้นี้ท่าทางประหลาดนัก!
เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์ลอบสบตากัน สองพี่น้องมีสัญชาตญาณเฉียบแหลมที่ตรงกันอย่างไม่ต้องสงสัย
เด็กชายตัวน้อยรู้สึกประหม่ายิ่ง ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะแปลงกายเป็นมังกรปีศาจเยี่ยฉวนกลับดึงเขาไปด้านหลังพร้อมโคลงศีรษะเป็นเชิงห้ามปราม
“เหล่าหาน คะ…คุณหญิงสั่งให้ท่านมาที่นี่หรือ?” เสียวหยาเผยใบหน้าซีดเซียวขณะเอ่ยถามอย่างติดขัด ไหล่บอบบางของนางสันสะท้าน
ดูเหมือนสาวใช้นางนี้กับอีกฝ่ายรู้จักมักคุ้นกันพอสมควร สิ่งนี้ทําให้เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์รู้สึกโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของจ้าวชูหยาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวความมั่นใจของพวกเขาจึงสั่นคลอนอีกครั้ง ในเมื่อสองคนนี้รู้จักมักจี่กัน…เหตุไฉนสาวใช้ผู้นี้จึงตัวสั่นเป็นลูกนกถึงเพียงนี้?
“ใช่ ขึ้น…รถ…เดี๋ยวนี้…” กุนซือชรากล่าวตอบด้วยน้ําเสียงแผ่วหวิวอย่างประหลาด
“ฒะ…เฒ่าเยี่ย…” จ้าวชหยาหันไปหาเยี่ยฉวนด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน
แม้เยี่ยฉวนไม่ต้องการไป ทว่าคุณหญิงถึงขั้นส่งรถม้ามารับและระบุคําสั่งอย่างชัดเจนเช่นนี้ เห็นทีคงไร้หนทางปฏิเสธ
“น้อมรับอย่างเต็มใจดีกว่าปฏิเสธอย่างสุภาพ คุณหญิงอุตส่าห์เมตตาส่งคนมารับข้าถึงที่ เสียวหยา เช่นนั้นพวกเราอย่ารอช้าเลย หลงเอ๋อร์…เจ้ายังเด็กนักควรพักผ่อนอยู่ที่นี่เสียก่อน แล้วข้าจะรีบกลับมาโดยเร็ว”
เยี่ยฉวนลอบส่งสัญญาณให้หลงเอ๋อร์สงวนท่าที่แทนคํากําชับก่อนก้าวขึ้นไปนั่งบนรถม้าอย่างว่าง่าย
เยี่ยฉวนนิ่งไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าพบคุณหญิงสูงศักดิ์แห่งสํานักมังกรนภาผู้ซึ่งดํารงตนอย่างเร้นลับเกินเข้าถึง
“หาน…เหล่าหาน ถะ-ถ้าเช่นนั้นจะเป็นการระ-รบกวนท่านหรือไม่?”
การกระทําของเยี่ยฉวนเด็ดเดี่ยวตรงไปตรงมา ทว่าสาวใช้จ้าวชูหยายังคงลังเลด้วยไม่รู้ว่าควร ทําอย่างไรกับสถานการณ์ดังกล่าวดี ครั้นเห็นเยี่ยฉวนนั่งนิ่งอยู่บนรถม้าอย่างสงบ นางจึงข่มกลั่นความหวาดผวาซึ่งทําให้เส้นผมลุกชันก่อนก้าวขึ้นรถไปนั่งเบียดอยู่ข้างเยี่ยฉวนทันที
“อึด…”
เสียงแผ่วเบาดังก้องอยู่ในโสตประสาทของชายหญิงทั้งสอง ขณะที่รถม้าเคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบประหนึ่งรถม้าปีศาจ!
บรรยากาศด้านนอกตัวรถอุ่นสบาย…สวมเสื้อผ้าบางเบาโดยทั่วไปก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อเข้ามานั่งในรถม้าพวกเขากลับรู้สึกหนาวเย็นจับไปถึงขั้วกระดูก ทั้งอากาศภายในยังเย็นลงทุกขณะ โดยไร้วี่แววจะกลับมาเป็นปกติเช่นก่อนหน้า
เยี่ยฉวนถูกแขนเสื้อขึ้นและพบว่าเส้นขนบนผิวหนังของเขาลูกชุบัน ส่วนจ้าวชหยาซึ่งเป็นสตรีตัวเล็กๆ กลับทนต่อความเหน็บหนาวที่กัดเซาะไปถึงทรวงในไม่ได้ ร่างกายของนางสั่นสะท้านจนฟันกระทบกันไม่หยุดหย่อน
“เสี่ยวหยา เหตุใดกุนซือผู้นี้จึงมีท่าทางประหลาดชอบกล?” เยี่ยฉวนกระซิบถาม
จ้าวชูหยาไม่ปริปากเอ่ยค่าใด นางเพียงส่งสัญญาณให้เยี่ยฉวนสงบคําก่อนยื่นมือสั่นเทาออกไปคว้ามือของอีกฝ่ายเพื่อเขียนคําใบ้แทนการเอ่ยปาก เยี่ยฉวนสะดุ้งหนึ่งครั้งเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวต้องการสื่อทว่าไม่ได้โต้ตอบอะไร สาวใช้จึงกดปลายนิ้วลงเขียนอีกครั้งให้ช้าลงกว่าเดิมตาย?
คราวนี้เยี่ยฉวนได้คําตอบที่ตนอยากรู้ประดุจเห็นแสงสว่างรําไรที่ปลายอุโมงค์ เขาเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเหตุใดจึงสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลในตัวกุนซือผู้นี้เมื่อได้พบเห็น
กุนซือชราสวมหมวกไม่ไผ่สานใบใหญ่ ชีพจรเต้นผิดจังหวะอย่างชัดเจน ทั้งยังปราศจากอุณหภูมิร่างกาย เขาคือคนที่ตายไปแล้ว!
หยดเหงื่อเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเยี่ยฉวนอีกครั้ง จิตใจเต็มไปด้วยความกระสับกระส่ายอย่างยากจะระงับ
เขาไม่เคยพบเห็นศพที่ยังมีชีวิตเฉกเช่นคนปกติมาก่อน สมัยภพชาติก่อนเขาเคยเดินทางไป ยังอาณาเขตลางร้ายโบราณมาแล้วทุกซอกมุมของโลก วิญญาณร้ายทุกชนิดเขาล้วนรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี ทว่าสิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบพาน ทันใดนั้นจึงตระหนักว่า รอบกายคุณหญิงแห่งสํานักมังกรนภาช่างแฝงไปด้วยออร่าดําทะมึนลึกลับยากจะคาดเดา
เห็นที่คืนนี้เขาคงต้องเผชิญเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!
เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ภายในจุดตันเถียนเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกจากร่างจนทุกสิ่งอย่างค่อยคลายลง จากนั้นจึงเหลือบมองสาวใช้ที่กอดอกร่างสั่นเทาอยู่ด้านข้างก่อนรวบเข้าไปกอดแนบอก เพราะหากปล่อยนางไว้ตามล่าพังอาจเหน็บหนาวจนแข็งตาย
รถม้ายังคงเคลื่อนไปด้านหน้าโดยไร้ส้มเสียง ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เคลื่อนตัวช้าจนเกินควร ไม่นานจึงมาจอดอยู่บริเวณหน้าตําหนักใหญ่ ทันทีที่รถม้าหยุดนิ่งจ้าวชูหยาจึงรีบดึงเยี่ยฉวนให้กระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็วราวต้องการหลีกหนีจากกุนซื้อเหล่าหานที่พามาส่งผู้นี้ให้ไกลแสนไกล นางเดินนําชายหนุ่มเข้าสู่ด้านในตําหนักด้วยความชํานาญเส้นทาง ครั้นกําลังจะยกมือขึ้นเคาะประตูกลับได้ยินเสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านในห้องเสียก่อน “เฒ่าเยี่ย เข้ามาเถิด… เสี่ยวหยา เจ้า เฝ้ารออยู่ด้านนอกไว้ให้ดี
“เจ้าค่ะคุณหญิง” สาวใช้จ้าวชูหยาโค้งคํานับอย่างนอบน้อมก่อนปฏิบัติตามคําสั่งโดยดี ไม่กล้าก้าวไปด้านหน้าแม้เพียงหนึ่งก้าว ทําเพียงส่งสายตาให้เยี่ยฉวนเป็นเชิงเตือนให้ระวังตัว
แม้นางยังเยาว์วัยทั้งยังไม่เคยพานพบโลกกว้างเท่าที่ควรจะเป็น ถึงกระนั้นนางก็พอจับสังเกตได้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมมีบางสิ่งที่ผิดแปลกไป นางเกรงว่าการที่คุณหญิงขอให้นางเรียกเยี่ยปั้นเซียนมาเข้าพบคงไม่ใช่เพียงเพื่อมาจับสัมผัสกระดูกเป็นแน่ ดูจากวิธีการที่อีกฝ่ายเลือกส่งปีศาจครึ่งคนเช่นเหล่าหานไปรับพวกตนถึงที่โดยไม่มอบหมายให้บริวารที่มีสถานะปกติสามัญเป็นผู้จัดการ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วคุณหญิงต้องการสิ่งใดกันแน่?
“เอ๊ยด…” เสียงลั่นของบานประตูฝึดดังขึ้นเมื่อเยี่ยฉวนผลักประตูเข้าไปภายใน หลังข้ามธรณีประตูเข้ามาเพียงสองก้าวมันจึงถูกงับปิดเองโดยทันที วินาทีนั้นเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมฟังจากเรือนกายของหญิงสาวที่พัดโชยผ่านใบหน้า เมื่อกวาดสายตาสํารวจโดยรอบจึงเห็นว่าห้องนอนนี้ มีขนาดไม่ใหญ่โตกว้างขวาง ทั้งที่ไร้โคมไฟประดับประดาแต่ภายในห้องกลับสว่างจ้า มีเพียงแสงจันทร์สลัวซึ่งสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา เขาเห็นใครสักคนนอนหงายอยู่บนเตียงพร้อมห่มคลุมกายด้วยผืนผ้าอย่างมิดชิด
เยี่ยฉวนเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวกระทั่งมองเห็นทรวดทรงของสตรีซึ่งนอนเหยียดกายอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนนั้น เส้นผมยาวสลวยสีดําสนิทเกลี่ยกระจายทั่วหมอนหนุน ล่าคอขาวระหงเปิดเผยต่อสายตา ทว่าใบหน้าของนางกลับปิดบังไว้ด้วยผืนผ้าเช่นเดียวกับร่างกายจึงไม่เป็นที่ประจักษ์ชัด
“เฒ่าเยี่ย ข้าได้ยินเรื่องราวจากปากของเสี่ยวหยาว่าทักษะพิเศษของเจ้าเกี่ยวกับวัฏจักรสัมผัส กระดูกสวรรค์ค่อนข้างดี เช่นนั้นขอวานให้เจ้าช่วยพยากรณ์บางสิ่งได้หรือไม่?” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น
เยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม หัวใจของเขากระตุกวูบด้วยรู้สึกตึงเครียด แท้จริงแล้ว ผู้ที่นอนอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนนี้คือคุณหญิงแห่งสํานักมังกรนภาไม่ผิดแน่ เมื่อเย็นวานนี้เขาได้ยิน เสียงเอื้อนเอ่ยของนางจากในห้องโถงใหญ่จึงมั่นใจในความทรงจําที่แม่นยําของตน “เรียนคุณหญิง… เรื่องนั้นข้าน้อยเพียงกล่าววาจาเลอะเลือนไปเรื่อยเปื่อย ทั้งหมดล้วนไม่ใช่คําสัตย์
“อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าอนุญาตให้เจ้าพูดในสิ่งที่ตรงกับความเป็นจริงโดยไม่ปิดบัง นี่นับเป็นความสามารถที่เหนือธรรมดายิ่ง เฒ่าเยี่ย เจ้ายินดีทํานายอนาคตให้ข้าหรือไม่?” นางหยุดชะงักไปชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อด้วยเสียงแหบแผ่ว “หรือเจ้าจะใช้ข้ออ้างว่าการสัมผัสกระดูกหนึ่งครั้งจะลดอายุขัยของเจ้าลงไปหนึ่งปี? เจ้ากังวลว่าตนจะตายตกไปหลังทํานายให้ข้าเพียงหนึ่งครั้ง… หรือเจ้ากังวลว่าข้าจะไม่สามารมอบเงินกํานัลให้เจ้าได้อย่างเพียงพอ?”
“คุณหญิงช่างเปี่ยมอารมณ์ขันเสียจริง ในเมื่อท่านกล่าวถึงขั้นนี้เห็นที่ข้าคงต้องยอมรับอย่างเต็มใจดีกว่าปฏิเสธอย่างสุภาพเสียแล้ว เพราะฉะนั้นโปรดละเว้นโทษให้แก่ข้าน้อยด้วยเถิดที่บังอาจก่ออาชญากรรม”
ครั้นกล่าวจบเยี่ยฉวนจึงเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงก่อนยื่นมือสอดเข้าไปใต้ผืนผ้า แต่แล้วเมื่อฝ่ามือสัมผัสเข้ากับผิวกายนุ่มหยุ่นจึงสะดุ้งสุดตัว ถึงกระนั้นก็ยังไม่หยุดการกระทําและค่อยๆไล้ฝ่ามือสัมผัสไปตามเรียวขา ตั้งแต่ข้อเท้า น่อง ต้นขา จนเลื่อนขึ้นไปถึง…
หยดเหงื่อจํานวนมากซึมออกจากผิวหนังของชายหนุ่มอย่างล้นเหลือ!
ภายใต้ผ้าห่มแพรพื้นบางนี้เป็นร่างเปลือยเปล่าของอิสตรีซึ่งไร่ภูษาอาภรณ์ใดๆ ปกปิดแม้แต่เส้นด้ายเพียงหนึ่งเส้น คุณหญิงสูงศักดิ์ผู้นี้เลือกที่จะใช้ผืนผ้าปิดบังใบหน้า ทว่าเรือนร่างกลับปล่อยให้โล่งเปลือยโดยไม่คิดสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเสียก่อน!
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสาวใช้จ้าวชูหยาสื่อสารกับคุณหญิงของนางผิดพลาด หรือเป็นเพราะสตรีผู้นี้ทําเช่นนี้โดยเจตนากันแน่? เช่นนั้นถือเป็นกับดักที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกล่อเขางั้นหรือ?!
เยี่ยฉวนรู้สึกตกประหม่ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ เวลานี้หากคุณหญิงแห่งสํานักมังกรนภาแปรเปลี่ยนท่าทีกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจและใส่ความว่าเขาจ้องจะกระทําอนาจารนางอย่างหยาบโลนกระทั่ง ทั้งเจ้าสํานักหลงเฟยและองค์ชายหลีก่วงซ่านเร่งรุดมาที่นี่พร้อมกัน ชายหนุ่มจะไม่เพียงตกที่นั่งลําบากเท่านั้น แต่ยังเสื่อมเสียไปถึงชื่อเสียงอย่างไม่อาจแก้ไข ซึ่งเรื่องดังกล่าวย่อมลามไปถึงความอัปยศของสํานักหมอกเมฆาที่เพิ่งจะผงาดขึ้นเป็นใหญ่เมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย!
คอมเม้นต์