Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 77 เชิญรับประทานอาหารมื้อใหญ่
บทที่ 77 เชิญรับประทานอาหารมื้อใหญ่
ยามราตรีเข้าปกคลุมทั้งแผ่นดิน
กระโจมจํานวนมากกระจัดกระจายทั่วผาปากอินทรี ราวกับดวงดาวบนท้องนภา ทั้งยอดเขาตกอยู่ในความเงียบสงัดเพราะผู้คนหมกมุ่นอยู่กับการฝึกตนหรือหลับให้ลเข้าสู่โลกแห่งความฝัน
ค่ายสํานักหมอกเมฆาเงียบงันไม่ต่างกัน
ผู้อื่นพักผ่อนอยู่ในกระโจมที่ปิดสนิท มีเพียงกระโจมของ จ้าวต้าจ่อที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง
เจ้าอ้วนตื่นเต้นจนน้ําลายไหลเมื่อรู้ว่าหลิวหงจะมาเยือน ในค่ําคืนนี้ อา! สตรีผู้งามงด ใจกล้าบ้าบินคนนั้น! เขาอิจฉา ศิษย์พี่ใหญ่ผู้เก่งกาจอีกทั้งยังมีสตรีมากมายห้อมล้อม
อ่านก่อนใครที่ novelza.com
เคราะห์ร้าย แม้เขาจะเฝ้ารอตั้งแต่จบการประลองจนค่ํา มีด สุดท้ายฟ้าสางก็ยังไม่มีวี่แววของเรียวขาคู่สวยและกระโปรงสั้นเพียงคืบ ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และ หลับนอนด้วยความเสียดายสุดซึ้ง ภาพของหลิวหงทะยาน ขึ้นฟ้าพร้อมตัดศีรษะศัตรูยังตามไปปรากฏถึงในความฝัน
แม้จะนัดพบกับสาวงามในค่ําคืนนี้แต่เยี่ยฉวนกลับไร้ความกังวลใด ข้างกายของเขามีขวด หม้อ และยันต์จํานวนหนึ่งกองอยู่
ยันต์เหล่านี้แตกต่างจากยันต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ฝึกตนทั่วไป ลายเส้นนั้นหยักเป็นรูปฟันปลาไปมาราวกับอักษร ลูกอ๊อด” แม้จะดูเหมือนรอยขีดเขียนเล่นแต่เมื่อพินิจดูให้ ดีจะเห็นอักขระโบราณนับไม่ถ้วนแฝงอยู่พร้อมกระแสพลังงานอ่อนจาง
*อักษรลูกอ๊อด = อักษรจีนแบบโบราณ มีชื่อเรียกเช่นนี้ เพราะลักษณะคล้ายลูกอ๊อดที่ว่ายอยู่ในน้ํา
“ขั้นอูเจ๋อระดับเจ็ดคงยากที่จะขัดเกลามัน!”
เยี่ยฉวนพึมพํา เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มใบหน้า
ยันต์เหล่านี้ราวกับเขียนไว้อย่างหวัดๆ แต่ความจริงแล้วต้องใช้พลังมหาศาลในการขัดเกลา จากประสบการณ์ของเยี่ยฉวน เขาผ่านการขัดเกลายันต์ที่ไม่สมบูรณ์มามากมายทั้งยันต์คลื่นควัน ยันต์ระเบิด ยันต์ปลิดชีพ… บรรดาเครื่องรางที่สาบสูญไปในดินแดนรกร้างค่อยๆ ก่อร่างขึ้นใหม่ ณ ที่ แห่งนี้
ในสายตาของคนนอก ผู้นําอย่างเยี่ยฉวนนั้นดีแต่คุยโว อยู่อย่างเปล่าประโยชน์ไปวันๆ และดูจะไม่ใส่ใจการประลองอันยิ่งใหญ่นี้เท่าใดนัก แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังเขาต้อง พยายามมากเพียงใด
ทันใดนั้น แว่วเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกกระโจม
เสียงนั้นเบามากเสียจนทหารอารักขาที่ประจําอยู่ไม่รับรู้ ทว่าเยี่ยฉวนกลับเงยหน้าขึ้นมอง
ลูกธนูพลันพุ่งฉิวแหวกอากาศและปักเข้าที่ขาโต๊ะ ส่วนปลายลูกศรมีผ้าเช็ดหน้าผูกไว้
เยี่ยฉวนดึงธนูออกและรีบเร่งออกไปดูนอกกระโจมแต่กลับพบเพียงความเงียบสงัด ศิษย์ชั้นนอกอู่หย่งผู้ทําหน้าที่อารักขานอนกรนอยู่ข้างกองไฟโดยไม่รับรู้การมาเยือนของแขกไม่ได้รับเชิญเลยแม้แต่น้อย
เยี่ยฉวนหยิบธนูขึ้นมาและพบว่ามีอักษรสี่ตัวเขียนไว้บน ผ้าเช็ดหน้า “คุณชาย มาเร็ว”
อักษรนั้นสวยงาม ลายเส้นวิจิตรบรรจง ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ยังมีกลิ่นหอมอ่อนจางที่คุ้นเคย
“หลิวหงงั้นหรือ?”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของเยี่ยฉวน เขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นสูดดม ใช่! เป็นกลิ่นกายหอมกรุ่นของหลิวหงไม่ผิดแน่ สีหน้าสงบลงเมื่อมองดูถ้อยคําเหล่านั้นอีกครั้ง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับเข้าไปจัดแจงกระโจมให้เรียบร้อย โดยไม่บอกกล่าวผู้ใดและตรงไปยังป่าชายเลนบนเนินเขา
แม้สภาพภูมิประเทศของผาปากอินทรีจะสูงชันแต่สภาพแวดล้อมนั้นงดงามยิ่ง ยอดผาโล่งเตียนแต่มีปาทึบปก คลุมอยู่โดยรอบอีกทั้งยังมีปาชายเลนหา ยากซึ่งจะย้อมภูเขาทั้งลูกให้เป็นสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง
หนทางไปยังป่าชายเลนนั้นหาไม่ยากนัก เพียงชั่วอึดใจ เดียวเยี่ยฉวนก็ย่างเท้าเข้าไปในปาสีแดงสดแห่งนี้และเห็น เงาสตรีนางหนึ่งอยู่ไม่ไกล
ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดําสลับทับซ้อน ภายใต้แสงจันทร์สลัวปรากฎหญิงสาวผู้งามสง่ายืนหันหลัง ให้เยี่ยฉวนใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่างของนางไม่สูงมากนักแต่มี สัดส่วนโค้งเว้า ท่อนบนสวมเสื้อรัดรูปและท่อนล่างสวมกระโปรงหนังที่ไม่อาจสั้นไปกว่านี้เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียน ชัดเจน แม้จะร่างเล็กแต่ขานั้นกลับเรียวยาว แม้มองจากที่ไกลก็เห็นได้ชัดว่านางคือหลิวหง บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนแห่งสํานักเบญจลักษณ์ผู้เป็นที่หลงใหลของชายหนุ่มในเทือกเขาหมอกเมฆานับไม่ถ้วน
“แม่นางหลิว ข้ามาแล้ว”
เยี่ยฉวนเดินตรงเข้าไปหา แม้จะย่างเท้าอย่างรวดเร็วแต่ก้าวเดินของเขานั้นมั่นคง สม่ําเสมอ และไร้ซึ่งความตื่นเต้น เขาไปถึงข้างหลังของหลิวหงอย่างรวดเร็ว
“เยี่ย… คุณชายเยี่ย ข้า”
หลิวหงหันมากอดเยี่ยฉวนทันใด ร่างกายของนางร้อนรุ่ม นัยน์ตาแดงก่ําและพร่ามัว แม้นางจะจําเยี่ยฉวนได้แต่สติของนางดูเลือนรางและแผ่รังสีเจือจางที่อธิบายไม่ได้ออกมา
“แม่นางหลิว นี่คือมื้อใหญ่ที่เจ้าว่าหรือ?”
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะพลางยกยิ้มก่อนจะมองไปรอบๆ และ พบไม้จันทน์กําลังลุกไหม้ในพุ่มไม้อยู่ไม่ไกลนักดังคาดไว้
จุ๊ พ่อคนดี คงทนต่อไปไม่ไหวแล้วจึงได้ลงมือรวดเร็วเช่นนี้!
เยี่ยฉวนยิ้มเยาะก่อนจะมองหาร่างของอี้ชั่ว
หลังจากเหตุการณ์เสียงของหญิงสาวบนสังเวียน เยี่ยฉวนก็รู้ดีว่าอี้ส่วจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปและต้องเคลื่อน ไหวบางอย่างเป็นแน่ เพียงแต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลงมือเร็วขนาดนี้ และที่เกินคาดไปกว่านั้นคือความคิดบ้าๆ อย่างการดึงหลิวหงเข้ามาเกี่ยวและหาญกล้าท้าทายอํานาจเบื้องบน การเคลื่อนไหวอย่างเฉียบขาดและทํา ให้หลิวหงตกหลุมพรางในเวลาอันสั้นเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่อี้ส่วจะทําเรื่องนี้ด้วยตนเองเพียงผู้เดียว
เยี่ยฉวนรู้ได้ในทันทีว่าส่วนสําคัญที่สุดในแผนการของเขาอย่างการล่องออกมาจากโพรงนั้นสําเร็จแล้ว จินจือคุนและอาวุโสลําดับสามเผยตัวออกมาแล้ว!
“ปกป้องคุณหนู! มือสังหารอยู่นั่น!”
“ฆ่าไอ้บ้ากามข้างหน้านั่นซะ! ปกป้องคุณหนู!”
ทันใดนั้นเสียงร้องตะโกนดังก้องขึ้นในความมืด เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นนอกปาชายเลน
เหล่ายอดฝีมือแห่งสํานักเบญจลักษณ์วิ่งเข้ามาพร้อมคบเพลิงในมือ ทุกคนชักกระบี่ออกจากฝักและแผ่จิตสังหารแรงกล้า ผู้ที่นําอยู่ข้างหน้าคือศิษย์พี่ใหญ่ก่ชานเหลิงแห่งสํานักเบญจลักษณ์ เขาขบฟันแน่น ดวงตากลายเป็นสีแดงฉานเมื่อเห็นร่างของหลิวหงที่เขาหลงใหลอยู่ใน อ้อมอกของเยี่ยฉวน
หลิวหงเป็นใครนะหรือ?
นางคือบุตรสาวผู้เป็นที่รักยิ่งของเจ้าสํานักเบญจลักษณ์ เป็นนางในฝันของศิษย์รุ่นเยาว์ทุกคนในสํานัก และเป็นนางที่ชานเหลิงปรารถนาอย่างแรงกล้า
แม้นิสัยใจคอของหลิวหงจะกระตือรือร้นแต่งกายเปิดเผย เจ้าชู้ และมีชายหนุ่มอยู่เคียงข้างไม่ขาดมือ แต่กลับไม่เคยมีผู้ใดได้ครอบครองหญิงงามผู้นี้เลย ภู่ชานเหลิงเปรียบเสมือนพลับพลาริมน้ําที่ได้เพลิดเพลินกับแสงจันทร์เป็นคนแรก สิ่งหนึ่งที่เขาภูมิใจหนักหนาคือครั้งหนึ่งเขาเคยได้สัมผัสมือ บอบบางของหลิวหง ทว่าเหตุใดเยี่ยฉวนจึงได้โอบกอดทั้งร่างของนางแนบแน่นต่อหน้าเขาเช่นนี้
อกของเขาแทบระเบิดด้วยความโกรธจัด
จู่ๆ เขาก็ได้รับข่าวกลางดึกว่าหลิวหงถูกคนบ้ากามวางยา และลักพาตัวไป แม้เขาจะไม่เชื่อในตอนแรกแต่ก็นทหารอารักขากลุ่มใหญ่ไปตรวจดูว่ามีสิ่งน่าสงสัยหรือไม่ แต่แล้วข่าวนั้นกลับเป็นจริงโดยไม่คาดคิด เขาโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่า เดิมเมื่อรู้ว่าคนบ้ากามผู้นั้นคือไอ้สารเลวเยี่ยฉวน!
“ไอ้บัดซบ เจ้าตายแน่! คืนนี้ไม่เจ้าก็ข้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”
ภู่ชานเหลิงย่างเท้าเข้าใกล้ ค่อยๆ ชักกระบี่ที่ข้างเอวออกมา ทหารอารักขากลุ่มใหญ่พากันแหวกทางให้อย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นพื้นที่โล่งกว้าง
ศิษย์พี่ใหญ่คู่ชานเหลิงโกรธจัดแล้ว! บัดนี้ เขาจะจัดการกับเยี่ยฉวนผู้บ้ากามด้วยตนเอง!
ทุกคนสัมผัสได้ถึงโทสะรุนแรงและจิตสังหารแรงกล้าจากคู่ชานเหลิง ค่ําคืนนี้ศิษย์พี่ใหญ่จากสองสํานักใหญ่จะประลองชี้เป็นชี้ตาย ณ ที่แห่งนี้
“การฆ่ามันง่ายดายเช่นนี้แหละ!”
กอหญ้าที่อยู่ห่างออกไปกว่าร้อยเมตรสั่นสะเทือนเมื่ออี้สั่วผู้ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าคลั่งด้วยความปิติยินดี
ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการยืมมือศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเบญจลักษณ์มาฆ่าเยี่ยฉวน เยี่ยฉวนผู้เป็นหนามยอกอกจะได้ถูกกําจัดเสียที่นี่โดยที่เขาไม่ต้องถูกเปิดโปง ด้วยเหตุนี้เขาจะได้ครองตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่และคําสั่งของอาวุโส ดับสามก็เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังมีของดีรออยู่อีกมาก!”
จินจือคุนซึ่งหมอบอยู่ข้างอี้สั่วเหยียดยิ้มเยาะเช่นกัน ความตายของเยี่ยฉวนยังไม่เพียงพอสําหรับความแค้นของเขา เจ้าแห่งหอแปรธาตุต้องการทําลายชื่อเสียงของเยี่ยฉวน ให้ย่อยยับจนถูกผู้คนสาปแช่งแม้จะตายตกไปแล้วก็ตาม
“ท่านเจ้าแห่งหอผู้ประเสริฐ ข้าน้อยขอไปก่อน”
หญิงสาวผมหางม้าโค้งลาจินจือคุนเมื่อเห็นว่าสถาน การณ์ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้ ก่อนจะอาศัยแสงจันทร์สลัวแฝงตัวเข้าไปท่ามกลางกลุ่มคนจากสํานักเบญจลักษณ์อย่างแนบเนียน
เยี่ยฉวนผู้นําคณะเดินทางมาเข้าร่วมการประลองครั้งยิ่งใหญ่เผลอก้าวเข้าสู่กับดักมรณะเสียแล้ว!
คอมเม้นต์