Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 98 ดวงจิตหยินชั้นเลิศ
บทที่ 98 ดวงจิตหยินชั้นเลิศ
ดูซีรีย์ ฟรีได้ที่ series-max.com
หลังบรรดาศิษย์ของสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์เคลื่อนทัพจากไปไม่นาน ความมืดมิดยามราตรีก็แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
สํานักหมอกเมฆายังคงปักหลักพํานักอยู่ตรงจุดเดิม บรรดาศิษย์ต่างดื่มกินฉลองชัยชนะจากการประลองระหว่างสามสํานักครั้งนี้อย่างครื้นเครง บรรยากาศอบอวลไปด้ วยรอยยิ้มและความตื่นเต้นยินดี ศิษย์หลายคนร่ําสุราจนเมาหัวราน้ําล้มพับไป ส่วนเยี่ยฉวนปลีกตัวออกไปอยู่ในเขาวงกตเพราะต้องการความสงบ เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนหนึ่งอย่างเงียบเชียบพลางระลึกถึงความหลังขณะทอดสายตามองพื้นดินที่แปรสภาพไปตามกาลเวลา
หลายล้านปีก่อน เยี่ยฉวนคือมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ชํานาญการซ่อนเร้นสวรรค์ อํานาจของเขาแผ่ไพศาลไปทั่วแคว้น แม้แต่ราชาโอสถหัตถ์วิญญาณผู้ก่อตั้งสํานักหมอกเมฆาที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรในปัจจุบันก็เป็นเพียงบริวารคนสนิทของเขา!
ระยะเวลาผันผ่านไปหลายล้านปี แผ่นดินกว้างใหญ่ที่เขาคุ้นเคยเปลี่ยนแปลงไปจนแปลกตา ตอนนี้เขาปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกกักขังออกมาจากสุสานเทพเจ้าได้แล้ว ทว่ามาจุติใหม่ในร่างมนุษย์ที่เป็นเพียงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอก เมฆาเท่านั้น กระต่ายเฒ่าที่เป็นผู้ก่อตั้งสํานักและบริวารคนอื่นๆ หายไปสิ้นทั้งโลกที่เคยเป็นใหญ่เหลือแต่เขาเพียงผู้เดียว
“โชคชะตาเล่นตลกร้ายกับมนุษย์เสมอ… นี่คือสิ่งที่ข้าต้องพบเจอหรืออย่างไร?!”
เยี่ยฉวนรําพึงอย่างอาวรณ์ สายตาจ้องมองไปยังรอยแตกของพื้นหินที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นต้น พืชสีเขียวชนิดหนึ่งที่มีดอกตูมเล็กๆ รอวันผลิบานงอกออกมา!
ผาปากอินทรีเป็นพื้นที่แห้งแล้งที่ไม่มีแม้แต่วัชพืช อสุรกายและสัตว์ร้ายไม่อาจมีชีวิตรอดในที่แห่งนี้เพราะปราศจากแหล่งอาหาร ทว่าสิ่งมีชีวิตบางอย่างกลับเติบโตขึ้นในมุมที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ทั้งยังงอกงามออกมาจากพื้นหินที่แข็งกระด้าง
ความตายไม่ใช่จุดจบแต่เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตของเขาเริ่มต้นเมื่อกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง!
เยี่ยฉวนยังคงนิ่งสงบ ความรู้สึกราวได้บรรลุธรรมอย่างถ่องแท้เปี่ยมล้นอยู่ในจิตใจ ทันใดนั้นพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างค่อยๆ เพิ่มขึ้น และทวีความแปรปรวนรุนแรง ขึ้นเรื่อยๆ ราวระลอกคลื่นในมหาสมุทรครั้นพลังควบแน่นสู่จุดสูงสุดเขาจึงหยิบยาเม็ดเชี่ยนหยางที่เหลืออยู่เพียงเม็ดสุดท้ายออกมาก่อนกลืนมันลงคอในอีกเดียว ขณะนั้นเองพลังปราณในร่างที่เกือบตกลงสู่จุดต่ําสุดพลันพุ่งทะยานขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง! ทั้งยังพลุ่งพล่านราวเปลวไฟที่โหมกระหน่ํา!
ฉ่า! ฉ่า! เสียงดังราวน้ําที่เดือดพล่านดังขึ้นจากร่างกายของเยี่ยฉวน ระบบไหลเวียนเลือดสูบฉีดเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้น! ยันต์กลืนกินสวรรค์หมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนแผ่พลังปราณอันน่าเกรงขามออกมา ในที่สุดเสียงหนึ่งพลันดังกึกก้อง ร่างของเขาสั่นสะท้านเมื่อดวงจิตทะยานขึ้นสู่เบื้องบน
ความมืดสลัวยามค่ําคืนปกคลุมทั่วผืนแผ่นดินกว้างใหญ่
ลมหนาวที่เย็นเยือกจนกัดกินไปถึงกระดูกโชยพัดผ่านตลอดทั้งคืน
ดวงจิตของเยี่ยฉวนลอยออกจากร่างเช่นเดียวกับตอนที่เขาใช้เคล็ดวิชาดวงจิตหยินท่องราตรี ทว่าคราวนี้ไม่อึดอัดเช่นครั้งก่อนๆ เขารู้สึกราวเป็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ใน สายน้ําอย่างอิสรเสรีกระแสพลังปราณในร่างของเขาปรากฏสัญญาณการควบแน่นของส่วนที่สองในยันต์กลืนกินสวรรค์!
ขั้นซิวฉือ ระดับที่หนึ่ง!
สถานที่ที่แตกต่างเช่นผาปากอินทรีที่มีลมหนาวพัดโชยส่งเสียงดังหวีดหวิว ทําให้เยี่ยฉวนเกิดความรู้สึกปลอดโปร่ง และสงบสุขยิ่ง เขาจึงปลดปล่อยความแปรปรวนของพลังงานในร่างให้พุ่งพรวดโดยไม่สกัดกั้นอีกต่อไป ทั้งยังกลืนเม็ดยาเชี่ยนหยางเพื่อส่งเสริมให้พลังทะยานสูงยิ่งขึ้น หลายล้านปีผ่านไป ในที่สุดเขาก็ก้าวผ่านขั้นอู่เจ๋อและเข้าสู่ขั้นซิวฉือโดยสมบูรณ์! นับจากนี้เขาสามารถฝึกฝนกระบวนเคล็ดวิชา ต่างๆ ได้อีกครั้ง!
เสียงดวงจิตคํารามลั่น!
บรรดาศิษย์ที่กําลังดื่มกินไม่ได้ยินเสียงนั้น ทว่าแก้วหูของพวกเขาต่างสันสะเทือน
ดวงจิตของเยี่ยฉวนลอยขึ้นสูงสู่ฟากฟ้า เสียงคํารามที่ไร้ผู้ใดได้ยินกลับทําให้กระแสลมโดยรอบบิดเบี้ยวเป็นคลื่นวงกลมและค่อยๆ แผ่ออกไปไกลหลายลี้ ใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นถูกพลังที่มองไม่เห็นพัดให้ลอยวนอยู่บนอากาศ
ดวงจิตหยินชั้นเลิศ
เมื่อผู้ฝึกตนบรรลุเข้าสู่ขั้นซิวฉือ ดวงจิตหยินท่องราตรี หรือที่รู้จักกันในนามดวงจิตหยินศักดิ์สิทธิ์จะแปรสภาพเป็นขั้นที่สูงกว่าคือ ดวงจิตหยินชั้นเลิศที่มีพลังงานมหาศาลและ ไม่ต้องหวั่นเกรงลมหนาวและแสงมืดสลัวยามค่ําคืนอีกต่อไป!
ดินแดนรกร้างในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งในแต่ละยุคสมัย ทําให้เคล็ดวิชามากมายสูญสลายไปตามกาลเวลา ดังนั้นผู้ฝึกตนที่บรรลุขั้นซิวฉือคนอื่นๆ เมื่อถอดดวงจิตออกจากร่างจะไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาใดๆ ได้นอกจากเคล็ดวิชาดวงจิตหยินท่องราตรีเท่านั้น แต่เยียฉวนกลับต่างออกไป…หลังจากร่างกายของเขาพัฒนาพลังปราณจนบรรลุสู่ขั้นซิวฉือโดยที่เขาไม่ต้องใช้ความพยายาม ดวงจิตของเขาสามารถใช้เคล็ดวิชาต่างๆ ควบคู่ขณะถอดดวงจิตได้
ภายในถ้ํามืดสนิทที่ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นสู่ยอดเขา จินจื่อคุนหลบซ่อนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่แล้วจู่ๆ เขากลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เลือดและพลังปราณในร่างสูบฉีดเร็วขึ้นราวกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูผู้น่าเกรงขาม! แปลกตรงที่ศัตรูผู้นั้นไม่มาปรากฏตัวให้เห็น ชายวัยกลางคนกวาดสายตามองโดยรอบทว่าไม่อาจล่วงรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่?! หัวใจของเขาเริ่มกระสับกระส่าย…ระหว่างคิ้วของเขากระตุกอย่างรุนแรง ทันใดที่รู้สึกว่าตนเองไม่ปลอดภัยเขาจึงเร่งร้อนวิ่งออกไปให้ไกลจากผาปากอินทรี แห่งนี้โดยทันทีทันใดที่จินจอคุนจากไป แสงสีทองสว่างวาบพลันส่องประกายออกมาจากถ้ําที่เขาซ่อนตัวอยู่เมื่อครู่นี้
อาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินนั่งทําสมาธิฝึกตนอยู่ในกระโจมที่พํานักอย่างเงียบเชียบ ครั้นสัมผัสได้ถึงดวงจิตของเยี่ยฉวนที่ลอยกลิ้งไปมาบนท้องฟ้า สีหน้าเรียบเฉยของเขาจึงแปรเปลี่ยนเป็นอัศจรรย์ใจ!
ใต้หุบเขาที่มีลมหนาวพัดโชยเป็นระยะ ร่างสูงใหญ่เกือบสามเมตรของปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาลืมตาตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์การฝึกตนเมื่อสัมผัสถึงดวงจิตนั้น
“เยี่ยฉวนเพิ่งบรรลขั้นซิวถือระดับที่หนึ่งแต่กลับมีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ หรือเขาจะเป็นจอมมารปีศาจโบราณมาจุติใหม่บนโลกมนุษย์จริงๆ?!” นากู้ซื้อพึมพําออกมาโดยไม่ รู้ตัวความหวั่นเกรงในตัวอีกฝายปรากฏขึ้นในหัวใจของเขา!
แสงสีทองสว่างขึ้นเมื่อราชันจักจั่นทองคําบินกลับเข้ามาในเขาวงกตก่อนร่อนลงข้างกายเยี่ยฉวน
“ตาเฒ่านั่นวิ่งเร็วเสียจริง!”
เยี่ยฉวนกล่าวอย่างไม่แยแสพร้อมลืมตาขึ้นจากนั้นจึง เรียกดวงจิตที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าให้หลอมรวมเข้ากับกายหยาบของตน โคมบงกชสีครามปรากฏขึ้นตรงหน้าและ ค่อยๆ ลอยขึ้นสูงเหนือศีรษะหมูป่าขนขาวและแมลงสาบตัวน้อยพลันออกมาจากโคมนั้น
ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากหลังบรรลุขั้นซิวฉือ ทั้งโคมบงกชสีครามที่แฝงอยู่ภายในก็มีลักษณะเปลี่ยนไปเช่นกัน
บนตัวโคมดวงน้อยปรากฏลายอักขระต่างๆ เพิ่มขึ้นกว่าครั้งที่เขาเพิ่งได้รับมันจากสุสานเทพเจ้า แสงสว่างจากโคม ไม่เพียงให้ความอบอุ่นแต่กลับร้อนจัดทั้งยังแผ่พลังที่ช่วยส่งเสริมสมดุลของเลือดและปราณของผู้ฝึกตนอีกด้วย บริวารตัวน้อยทั้งสามของเขาก็มีพัฒนาการที่เห็นได้ชัดเช่นกัน ตอนนี้พวกมันมีการตอบสนองต่อกระแสจิตที่รวดเร็วขึ้นราวสติปัญญาเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี
ราชันจักจั่นทองคํามีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด! ตุ่มก้อนเล็กๆ สองก้อนบนหลังของมันปริออกกลายเป็นปีกคู่ที่สาม…มันก้าวสู่การมีหกปีกโดยสมบูรณ์ ตอนนี้ความเร็วของมันมากกว่ากระบี่บินหลายเล่มรวมกันเสีย อีกส่วนหมูปาขนขาวยังคงนอนหลับไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดอยู่อย่างนั้น หากพินิจให้ดีจึงจะรู้ว่ามันมีความพิเศษ เหนือสัตว์เลี้ยงน่ารักหรือแม้แต่หมูปาทั่วไป ส่วนแมลงสาบตัวเล็กก็ยังคงมีรูปร่างเฉกเช่นแมลงสาบธรรมดา ทว่าการที่มันเข้าไปอยู่ในโคมบงกชสีครามเป็นเวลาหลายวัน ทําให้มันบินเร็วกว่าแมลงสาบทั่วไปในระดับหนึ่ง
ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่สัตว์อสูรเป็นเพียงแมลงสาบธรรมดา ดังนั้นหากจะฝึกฝนอย่างไรก็คงไร้ประโยชน์เดิมที่เยี่ยฉวนคิดจะปล่อยแมลงสาบตัวนี้ไปแต่กลับเกิดความลังเลอยู่ ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงตัดสินใจว่าเก็บมันไว้เช่นเดิมและให้มันอาศัยอยู่ในโคมบงกชสีครามต่อเพื่อดูว่าหลังจากนี้มันจะเกิด การเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง..เขาจะได้ทําความเข้าใจความลึกลับของโคมโบราณนี้ให้มากยิ่งขึ้น!
“ไป! ตามหาบุคคลผู้นั้นให้พบก่อนรุ่งสาง!”
เยี่ยฉวนออกคําสั่งเสียงเบาก่อนหลับตาลงอีกครั้ง บริวารตัวน้อยทั้งสามแยกย้ายกันลงจากเนินเขาเพื่อตามหาจินจือคุนตามที่ได้รับมอบหมาย
เมื่อบรรลุสู่ขั้นซิวฉือ กระแสจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากโขและด้วยความช่วยเหลือจากบริวารตัวน้อยทั้งสามทําให้ประสาทสัมผัสของเขาขยายออกกว้าง ไปเกือบหนึ่งร้อยลี้! ในรัศมีดังกล่าวทําให้เขารับรู้ถึงทุกสรรพสิ่งได้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งใบไม้ที่ปลิวไสวในสายลม
จินจือคุนหนีเอาตัวรอดไปได้ ทว่าอี้สั่วยังคงถูกมัดมือไพล่หลังและกักขังไว้ในค่ายพํานัก คนรักชีวิตเช่นอีสัวหากถูกไต่สวนและเค้นความจริงต่อหน้าบรรดาศิษย์ในสํานักหมอกเมฆา เขาย่อมพาดพิงถึงจินจือคุนและอาวุโสลําดับสามที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมดอย่างแน่นอน! ชายชราสองคนนั้นจะนิ่งเฉยรอการตัดสินลงโทษอย่างนั้นหรือ?!
ไม่มีทาง!
หากเยี่ยฉวนเป็นชายชราสองคนนั้นก็คงไม่นั่งรอความตายมาเคาะประตูเช่นกัน! ดังนั้นตอนนี้มีสองวิธีในการแก้ปัญหา นั่นคือแสดงตัวปกป้องอี้สั่ว หรือไม่ก็ฆ่าปิดปากเขาเสีย!
เยี่ยฉวนยังคงนั่งทําสมาธิฝึกตนต่อไปอย่างสงบ แต่ในสมองของเขากําลังไตร่ตรองแผนการอย่างรอบคอบ และ คาดเดาสถานการณ์ทุกทางที่อาจเป็นไปได้พร้อมจัดลําดับความสําคัญอย่างละเอียดราวพระโพธิสัตว์ผู้ล่วงรู้อนาคต
ระดับการฝึกตนในขั้นซิวฉือของเขาในภพชาติปัจจุบัน และภพชาติก่อนที่บรรลุขั้นสูงสุดจนเป็นมหาปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์ด้วยฝ่ามือนั้นไม่อาจเทียบได้แม้ฝุ่นผง ทว่าเขายังมีความได้เปรียบกว่าผู้ฝึกตนคนอื่นๆ เพราะล่วงรู้เคล็ดวิชาลับต่างๆ มากกว่าสามพันเคล็ดวิชา ทั้งยังมีประสบการณ์มากพอที่จะวางแผนการอย่างแยบยลกลับมาเกิดใหม่คราวนี้ หากมีผู้ใดขัดขวางไม่ให้เขาขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง เขาจะบดขยี้คนเหล่านั้นให้แหลกเป็นจุณไม่ว่าด้วยวิธีใด!
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
คอมเม้นต์