Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 118 เมล็ดข้าวมังกรสวรรค์
บทที่ 118 เมล็ดข้าวมังกรสวรรค์
หากพวกเขาต้องการเงินสองหมื่นตําลึงนั่นไม่ใช่ปัญหา หรือถ้าเปลี่ยนเป็นยาและสมบัติวิเศษต่างๆ ก็ยังพอเสาะหามาให้ได้ แต่สตรีสองหมื่นนางเขาจะไปรวบรวมพวกนางจากที่ใดกัน?!
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะพลางเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
ความจริงแล้วเขาสามารถหาสิ่งของเหล่านั้นมาบรรณา การให้คนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย อาจเริ่มจากการปรุงยาขนานใหญ่และนําไปขายให้แก่มหาเศรษฐีในยุทธภพ จากนั้น จึงนําเงินที่ได้มากว้านซื้อทาสและนางบําเรอหญิงจํานวนสองหมื่นคน ทว่าเยี่ยฉวนไม่เห็นความจําเป็นที่จะต้องทําถึงเพียงนั้น!
ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด!
เยี่ยฉวนผู้เคยเป็นถึงมหาปราชญ์ซ่อน เร้นสวรรค์โกรธเคืองยิ่งที่ตนถูกเหยียดหยาม แม้เขาเล็งเห็นคุณค่าในตัวสมบัติชิ้นนั้นและต้องการนํามันมาใช้ประโยชน์เพื่อส่งเสริมขั้นการฝึกตนให้แข็งแกร่งขึ้น แต่เขาก็ไม่อยากใช้วิธีการน่ารังเกียจเช่นนี้
“คุณชายเยี่ยโปรดอภัยเรื่องนี้ข้าก็ไม่สามารถช่วยเหลือท่านได้” หลิวหงกระซิบข้างหูเยี่ยฉวนพลางโคลงศีรษะ
วันนี้นางตั้งใจเชื้อเชิญอีกฝ่ายมาเดินเตรในตลาดมืดแห่งนี้เพราะต้องการตอบแทนน้ําใจเรื่องที่เขาบอกที่อยู่ของขุมทรัพย์ใต้ดินในคราวก่อน หญิงสาวตั้งใจว่าหากเขา สนใจสมบัติชิ้นใดนางยินดีใช้เงินส่วนตัวช่วยจ่ายโดยไม่ลังเล ต่อให้ของชิ้นนั้นมีราคาสูงถึงหนึ่งหมื่นตําลึงก็จะไม่อิดออด ทว่าสตรีสองหมื่นนางคือมนุษย์ไม่ใช่เงินตราที่ไร้ชีวิตจิตใจ แม้นางมีฐานะเป็นถึงบุตรสาวคนโตของเจ้าสํานักเบญจลักษณ์ก็ไม่สามารถทําการใดได้!
“พวกเขาไม่ต้องการเงินแต่ต้องการสตรี! หนําซ้ํายังต้องการจํานวนสองหมื่นนาง! คนนอกรีตพวกนี้ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ!”
“หึๆ! ช่างป่าเถื่อนไร้อารยธรรมนัก! พวกมันคงเป็นผู้ใช้ไสยเวทมนตร์ดําเป็นแน่! หรือไม่ก็อาจฝึกฝนเคล็ดวิชาของจอมมารปีศาจ จึงต้องการสตรีจํานวนมากเพื่อนําไป เซ่นสังเวย!”
บรรดาศิษย์ทั้งสามสํานักส่ายหน้าเป็นเชิงรังเกียจและ เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างออกรส
แม้พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ในสมัยโบราณและไม่เข้าใจพลังของแหวนอัฐิโพธิสัตว์ชิ้นนี้อย่างถ่องแท้ แต่ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างให้ความสนใจสมบัติชิ้นนี้เป็นอย่างยิ่ง ครั้นได้ยินมูลค่าที่กลุ่มคนนอกรีตเหล่านี้เรียกเก็บจึงล่าถอยด้วยจนปัญญา
“คุณชายผู้ประเสริฐ…ท่านพิจารณาดีแล้วหรือยัง?” คนนอกรีตที่นั่งอยู่ตรงกลางเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงดุดัน แม้ใบหน้าของเขาถูกซ่อนเร้นไว้ใต้หมวกไม้ไผ่สานขนาดใหญ่ ทว่าเยี่ยฉวนกลับสัมผัสถึงจิตสังหารและสายตาคมกริบ ราวใบมีดได้อย่างชัดเจน
“นั่นเป็นราคาสูงสุดใช่หรือไม่? แล้วราคาเสนอขายเล่า?!” เยี่ยฉวนถามกลับอย่างรวดเร็ว หลิวหงและผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นถึงขั้นตกตะลึง!
หากสิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา…พวกเขาสามารถตั้ง เพดานของราคาสูงถึงสองหมื่นตําลึง และบรรดาผู้ซื้อก็สามารถต่อลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะหนึ่งหมื่นตําลึงหรือแปดพันตําลึง แต่สิ่งที่เขาต้องการคือสตรีจํานวนสองหมื่นคน! ต่อให้ต่อรองจนเหลือหนึ่งหมื่นหรือแปดพันคนก็ยังเป็นจํานวนที่มากเกินไปอยู่ดี ชายผู้นี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไรจึงนึกต่อรอง?!
แม้คนนอกรีตทั้งเจ็ดหน้าไม่อาย ทว่าเยี่ยฉวนกลับไร้ยางอายยิ่งกว่า!
ฝูงคนต่างรู้สึกตกตะลึงยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น!
คําพูดของเยี่ยฉวนทําให้กลุ่มคนนอกรีตเหล่านั้นประหลาดใจเช่นกัน ไม่นานนักพวกเขาจึงแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาเช่นเดิมพร้อมส่ายหน้า “ไม่มี นั่นคือราคาต่ําสุด”
“แล้วกัน…เช่นนั้นก็ลืมมันไปเสีย ข้าอุตส่าห์มาเดินสํารวจตลาดมืดเพื่อเลือกซื้อสินค้า หากการซื้อขายไม่สามารถต่อรองได้แล้วจะมีประโยชน์อันใด?! พวกเจ้ายังกล้าเรียกตนว่าพ่อค้าอีกรึ?! แม่นางหลิว ไปกันเถอะ!”
เยี่ยฉวนโคลงศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายขณะวางแหวนอัฐิโพธิสัตว์ลงที่เดิมก่อนหันหลังกลับ
เขาทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้จุดประสงค์ของคนเหล่านี้อย่างแจ่มแจ้ง! สาเหตุที่คนเหล่านี้ตั้งราคาแลกเปลี่ยนเป็นสตรีสองหมื่นนางแทนเงินตราสองหมี นตําลึง เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะขายแหวนวงนี้แต่อย่างใด เขาสังเกตจากท่าทางก็พอคาดเดาได้ว่ากลุ่มคนนอกรีตรู้ที่มาและคุณสมบัติของมันเป็นอย่างดี…คงไม่โง่เขลาเอามันมาขายให้ผู้อื่นเป็นแน่!
ห้วงความคิดของเยี่ยฉวนสับสนและยุ่งเหยิง แม้เข้าใจทุกอย่างชัดเจนแต่เขากลับไม่แสดงท่าที่ว่ารู้ทันอีกฝ่าย ทว่าเหตุผลที่กลุ่มคนนอกรีตเหล่านี้ข้ามน้ําข้ามทะเลมาตั้ง กับดักเช่นนี้ในดินแดนอื่นเขาเองก็ไม่อาจล่วงรู้ทันใดนั้นสตรีลึกลับที่เขาเห็นในเงาสะท้อนพลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิด…
แต่แล้วเขาก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไปเพราะไม่ต้องการเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งสองให้มากความและเดินห่างจากแผงขายของนั้นไป
หลิวหงรู้สึกแปลกใจการกระทําของเยี่ยฉวนแต่ก็เดินตามออกไป ขณะนั้นเสียงตะโกนพลันดังขึ้นจากชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นผู้นําของบรรดาคนนอกรีต “ช้าก่อน…คุณ ชายผู้ประเสริฐ ข้ายังมีสมบัติอีกหนึ่งชิ้น ท่านสนใจรับไว้พิจารณาดูหรือไม่?”
ชายผู้นั้นหยิบกล่องไม้ออกมาจากอกเสื้อ กล่องนั้นมีลักษณะปกติธรรมดาทั้งยังไร้การแกะสลักลวดลายใด ทว่าสมบัติที่อยู่ภายในมีความแปรปรวนของพลังงานบางอย่าง
เยี่ยฉวนหยุดชะงักฝีเท้าและหมุนตัวกลับมา ก่อนกล่าวออกด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน “โอ้! อะไรอีกล่ะ? จะตั้งราคาเป็นสตรีสามหมื่นนางโดยไม่ให้ข้าต่อรองราคาอีกงั้นหรือ?!”
หลิงหงและฝูงชนที่ได้ยินเขาประชดประชันพลันหัวเราะลั่น ขาเรียวทั้งสองข้างของหญิงสาวที่มีชายเสื้อคลุมปกปิดไว้เพียงครึ่งดึงดูดสายตาบุรุษเพศหลายคู่
“คราวนี้ข้าไม่ต้องการสตรี คุณชายลองรับไปพิจารณาก่อนเถิด…หากไม่สนใจก็ไม่เป็นไร” ใบหน้าของคนนอกรีตผู้นี้แดงก่ําอย่างอุ่นเคือง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนสู่สภาพปกติ
“อืม…ฟังดูเข้าที่”
เยี่ยฉวนเดินกลับมาที่แผงขายของพร้อมหยิบกล่องไม้รูปทรงเรียบง่ายขึ้นมา ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงสิ่งน่าอัศจรรย์!
พลังที่แปรปรวนนี้ไม่ได้บ่งบอกว่าสิ่งที่อยู่ภายในเป็นสมบัติล้ําค่าหรือเก่าแก่แต่อย่างใด ทว่าเป็นความรู้สึกวิเศษที่กลั่นกรองเป็นคําพูดได้ยากยิ่ง! แม้แต่อดีตชาติที่เขา เคยเป็นมหาปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์ไว้ด้วยฝ่ามือก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อน!
หลิวหงรีบเดินเข้าไปใกล้เยี่ยฉวนทันทีที่เห็นว่าคราวนี้เขามีสีหน้าท่าทางที่แตกต่างออกไป ฝูงชนคนอื่นๆ ก็เริ่มให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้นั้น
เยี่ยฉวนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ในมือประคองกล่องไม้ ไว้แน่นความรู้สึกมหัศจรรย์นั้นชัดเจนและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนจิตใจของเขากระสับกระส่าย หูแว่วราวได้ยิน เสียงเพรียกจากยุคสมัยโบราณ รัศมีความเก่าแก่ของวัตถุนี้ เข้มข้นยิ่งกว่าแหวนอัฐิโพธิสัตว์หลายเท่า พลังงานเบาบางค่อยๆ แทรกซึมออกมาจากตัวกล่องผ่านปลายนิ้วและผ่านไปสู่ดวงจิต ทําให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
สมบัติไร้ที่ติ!
นี่จะต้องเป็นสมบัติทรงคุณค่าที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเท่าได้อย่างแน่นอน!
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกอย่างประหม่าขณะแง้มฝากล่องแววตาเปล่งประกายจรัสจ้าด้วยความปิติยินดียิ่ง!
เมล็ดพันธุ์ขนาดเล็กรูปร่างแปลกประหลาดปรากฏแก่สายตาผู้คน!
ลักษณะของมันคล้ายเมล็ดข้าว แม้มีเพียงเมล็ดเดียวทว่า มีขนาดเต็มพื้นที่กล่องใหญ่กว่าเมล็ดข้าวทั่วไปถึงหนึ่งร้อยเท่า! เมื่อกล่องถูกเปิดออกกลิ่นหอมจางๆ ก็ฟังกระ จายไปทั่วบริเวณ
“มันคือสิ่งใดกัน? ข้าวเมล็ดยักษ์งั้นหรือ?”
“เมล็ดข้าวในดินแดนอื่นมีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”
ฝูงชนต่างโคลงศีรษะและถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง พวกเขารอคอยอย่างจดจ่อว่าสมบัติที่อยู่ภายในจะวิเศษเพียงใด ทว่ากลับพบเพียงเมล็ดข้าวหน้าตาประหลาดเท่านั้น
ผู้ฝึกตนทุกคนต่างแสวงหาเคล็ดวิชาชั้นสูง ยาเม็ดระดับ สวรรค์คุณภาพล้ําเลิศ หรือแม้แต่ขุมทรัพย์สมบัติอันทรงพลัง และหากบรรลุขั้นการฝึกตนไป ถึงระดับหนึ่งแล้วพวกเขาจะอิ่มทิพย์จนไม่มีความจําเป็นต้องกินอาหารทางโลกด้วยซ้ํา ดังนั้นเมล็ดข้าวนี้จึงไม่เป็นที่น่าสนใจอีกต่อไป
“นะ…นี่มัน เมล็ดพันธุ์พืชในตํานาน! อาหารหลักของมังกรเซียนเก่าแก่…ข้าวมังกรสวรรค์?!”
เยี่ยฉวนทบทวนถึงชื่อและที่มาของเมล็ดข้าวในกล่องไม้ ความรู้สึกตื่นเต้นก่อเกิดขึ้นในจิตใจจนยากจะระงับ!
แม้บรรดาศิษย์คนอื่นๆ จะรู้สึกเสียใจและผิดหวังทว่าเยี่ยฉวนกลับรู้สึกยินดีเป็นล้นพ้น! หัวใจของเขาเต้นรัวโคมบงกชสีครามที่แฝงอยู่ในร่างสั่นสะเทือนและแผ่ความร้อนออกมาไม่หยุดหย่อน เขายกกล่องนั้นมาใกล้จมูกก่อนสูดดมกลิ่นหอมเข้าไปจนเต็มปอด พลังปราณบริสุทธิ์จากยุคโบราณจู่โจมประสาทรับกลิ่นของเขา บางทีประวัติความเป็นมาของเมล็ดข้าวชนิดนี้อาจเก่าแก่พอๆ กับเทือกเขาหมอกเมฆาเลยทีเดียว!
ตามตํานานเล่าขานว่าดินแดนรกร้างว่างเปล่าบนโลกใบนี้ ถูกแบ่งออกเป็นหลายยุคสมัยย้อนไปในช่วงก่อนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์จะถือกําเนิด แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลถูกปกครอง โดยมังกรเซียน ลําตัวของมันมีขนาดใหญ่มหึมาหากมังกร เซียนที่โตเต็มวัยอ้าปากหาวหนึ่งครั้งสามารถทําให้เกิดพายุโหมกระหน่ํา ทั้งยังมีพละกําลังมหาศาล.หากโจมตีพวกเดียวกันเองเพียงครั้งเดียวอาจทําให้ภูเขาถล่มล้มลงได้! ความ แข็งแกร่งของมันมาจากพันธุกรรมส่วนหนึ่ง อีกส่วนมาจากการกินอาหารที่อุดมไปด้วยพลังปราณจากธรรมชาติเช่น เมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ ระยะเวลาที่ผ่านมานานโขทําให้ทุกคนต่างคิดว่าพืชชนิดนี้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว
หากเมล็ดข้าวนี้เป็นข้าวมังกรสวรรค์ในตํานานจริงดังที่ เขาคาดการณ์ นั่นหมายความว่าเขาสามารถนํามันไปปลูกให้เจริญเติบโตจนมีหลายเมล็ด จากนั้นจึงนํามัน มาเป็นอาหารให้แก่สัตว์อสูรจนมีอายุคงกระพันและ แข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าทวีในที่สุดเขาก็จะมีกองทัพสัตว์อสูรขนาดใหญ่อยู่ในกํามือ!
หัวใจของเยี่ยฉวนสูบฉีดเร็วขึ้นอีกครั้ง!
“คุณชายผู้ประเสริฐ.ท่านรู้หรือไม่ว่าสมบัติที่อยู่ในกล่องไม้คือสิ่งใด? ท่านรู้จักมันใช่หรือไม่?!” ผู้นําเหล่าคนนอกรีตตั้งคําถามขณะจ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวนด้วยแววตาที่แสดงความคาดหวัง!
ทันใดนั้นเยี่ยฉวนจึงเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
ผู้ฝึกตนจากต่างแดนทั้งเจ็ดไม่ต้องการขายเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ในกล่องไม้นี้ พวกเขาเพียงต้องการใช้โอกาสนี้หลอกถามเขาว่าเมล็ดพันธุ์ชนิดนี้คืออะไรกันแน่!
กลุ่มคนนอกรีตเหล่านี้เดินทางข้ามดินแดนไปเรื่อยๆ เพื่อตามหามหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่รอบรู้ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้า และสามารถตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขามีในครอบครองให้กระจ่างแจ้ง ดังนั้นสินค้าหลายชิ้นที่วางเรียงรายอยู่บนแผงจึงเป็นสิ่งที่ไร้มูลค่าสมบัติที่แท้จริงคือเมล็ดข้าวขนาดยักษ์ในกล่องไม้ต่างหาก! ครั้งแรกพวกเขาใช้แหวนอัฐิโพธิสัตว์เพื่อลองเชิงว่าเยี่ยฉวนจะทําอย่างไรกับมัน ครั้นเห็นว่าเขารู้ลึกถึงประวัติและที่มาจึงตระหนักว่าชายผู้นี้ต้อง ไม่ใช่ผู้ฝึกตนธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน!
คอมเม้นต์