Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 140 จ้าวกระบีสังหาร

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 140 จ้าวกระบีสังหาร อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 140 จ้าวกระบีสังหาร

 

ล่วงเลยมาค่อนคืนแล้วนับตั้งแต่ชั่วชานออกจากห้องโถงใหญ่ ทว่าความหงุดหงิดในใจของเขายังไม่จางลง

 

เขาเดินทางมาที่ห้องโถงใหญ่แห่งอสูรเมฆาเพื่อพบอาวุโสเถียนชิงเพราะหวังว่าอีกฝ่ายจะอนุญาตให้เขาไล่เยี่ยฉวนและพรรคพวกออกจากสํานัก ไม่คาดคิดว่านอกจากชายชราจะไม่เห็นด้วยยังหยิบยกกฏสนธิสัญญาเก่าแก่ ระหว่างสํานักมาตอกหน้าเขาอีกต่างหาก! ทําให้คนที่เป็นฝ่ายถูกคือไอ้เด็กเหลือขอนั้นไปโดยปริยาย

 

“สั่งสอนกฏโบราณของสํานักอสูรเมฆาให้กับศิษย์สํานักอ สูรเมฆาเช่นข้าน่ะหรือ? หึ! กล้าดีอย่างไร?!”

 

ครั้นหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เยี่ยฉวนเรียกตนว่าศิษย์น้องฮั่วชานอย่างไม่อายปาก เขายิ่งรู้สึกโกรธแค้นจนแทบอยากฉีกเนื้อของเจ้าเด็กนั่นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้ไม่สบอารมณ์ เพียงใดแต่เมื่ออาวุโสเถียนชิงให้การรับรองด้วยตนเองเช่นนี้ เขาจึงทําสิ่งใดไม่ได้นอกจากอดกลั้นและจัดเตรียมให้คนเหล่านั้นเข้าพบชายชราภายในสองวันหลังจากนี้

 

ฮั่วชานบังคับตนให้ระงับความขุ่นเคืองภายในจิตใจ และอาจทําเช่นนั้นได้อีกนานหากไม่ได้ยินข่าวร้ายจน ทําให้เปลวเพลิงความโกรธโหมกระหน่ําขึ้นมาเสียก่อน

 

“ว่าอย่างไรนะ!? ศะศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาสังหารฮั่วหยวนชาง เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?!”

 

เขาได้รับข่าวร้ายอันน่าตกใจทันทีที่กลับมาถึงยอดเขามังกรนิทรา บรรยากาศโดยรอบมืดลงอย่างฉับพลัน! ความโกรธในใจของผู้พิทักษ์ชราทวีขึ้นอย่างสุดบรรยายด้วยไม่ อาจทําใจยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง

 

ฮั่วหยวนชางคือใคร?

 

เด็กหนุ่มผู้นั้นคือบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา ทั้งยังบรรลุการฝึกตนเป็นยอดฝีมือขั้นซิวฉือระดับที่ห้า มีวรยุทธ์สูงส่งจนกลายเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ชั้นเลิศแห่งสํานักอสูรเมฆา ไอ้เยี่ยฉวนเป็นไม่อาจเทียบเท่าลูกชายของเขาได้แม้เพียงเสี้ยวด้วยซ้ํา

 

มันเป็นเพียงศิษย์ชั้นสามัญที่บรรลุขั้นซิวฉือระดับที่สอง ต่ํากว่าฮั่วหยวนชางถึงสามระดับ แม้มีตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาพ่วงท้าย ทว่าก็เป็นแค่สํานักเล็กๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การคํานึงถึง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามาที่นี่เพราะต้องการเจรจาเรื่องบางอย่าง เขาควรนอบน้อมเข้าไว้ไม่ใช่กระทําการอุกอาจถึงเพียงนี้!

 

“ปะเป็นเรื่องจริงขอรับท่านอาวุโส เจ้าเด็กเยี่ยฉวนนั่น โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ มันปิดบังความจริงข้อนี้ไว้เสียมิดชิด จู่ๆ ก็ระเบิดวรยุทธ์ขึ้นทีเดียว! พวกเราพยายามเข้าหยุดยั้งแล้ว ตะ…แต่มันแข็งแกร่งเกินไป”

 

ทหารอารักขากล่าวรายงานอย่างติดขัดด้วยความประหม่า สิ้นคํากล่าวร่างไร้วิญญาณของฮั่วหยวนชางจึงถูกคนยกเข้ามาก่อนวางลงกลางห้องโถง

 

ฮั่วหยวนชางผู้หาญกล้าราวมังกรผงาดและกระฉับกระเฉงว่องไวราวเสือโคร่ง ทั้งยังสร้างผลงานเป็นที่ภาคภูมิใจของผู้เป็นบิดาอยู่เสมอ กลับนอนแน่นิ่งกลายเป็นศพแข็งกระด้างอยู่เบื้องหน้า ฮั่วชานทรุดตัวลงกับพื้นด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขาเหยียดแขนออกพร้อมใช้ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยความอาวรณ์ มือข้างนั้นสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม

 

“เสี่ยวฮั่วเหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้! โธ่…ลูกชายข้า”

 

น้ําตาของบุรุษอกสามศอกไหลรินลงจากหางตาด้วยความโศกเศร้าที่สูญเสียบุตรชายอันเป็นที่รัก ทันใดนั้นชายชราจึงแค่นเสียงคํารามพลางชักกระบี่สีแดงดุจเลือดออกจากฝัก ใบดาบเปล่งแสงสะท้อนวาววับขณะที่มันถูกกวัดแกว่ง คมกระบี่เชือดลําคอของทหารอารักขาสิบสามนายที่ประจําการอยู่ในห้องโถงจนล้มลงระเนระนาดกับพื้นทันที! แม้แต่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ถูกทําร้ายโดยไม่มีข้อยกเว้น!

 

กระบี่ปีศาจ!

 

ดวงตาของฮั่วชานแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง…เพราะจิตสังหารที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ กระบวนท่าที่ใช้ควบคู่กับกระบี่ปีศาจเผยอานุภาพอันทรงพลังยิ่ง!

 

ฮั่วชานผู้เป็นที่รู้จักทั่วไปในฉายา จ้าวกระบี่สังหาร มีทักษะการใช้อาวุธสังหารประเภทซื้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ!

 

ตั้งแต่ดํารงตําแหน่งผู้พิทักษ์แห่งสํานักอสูรเมฆาซึ่งเป็นตําแหน่งสําคัญ เขาจึงวางมือจากการสังหารคนมาเป็นระยะเวลาหลายปี ทว่าคืนนี้เขากลับฝ่าฝืนขีดจํากัดของตน เองด้วยระงับโทสะไว้ไม่ได้อีกต่อไป! บุคคลที่สังเวยให้แก่อารมณ์โกรธาของเขาไม่ใช่เยี่ยฉวนแต่เป็นเหล่าทหารอารักขาผู้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย!

 

“ไอ้พวกสวะ! พวกแกมัวทําอะไรอยู่จึงไม่ปกป้องลูกข้า! ไปลงนรกซะ!”

 

ฮั่วชานคํารามเสียงเกรี้ยวกราดและพร้อมสังหารทุกคนที่ปรากฏในสายตา! ท่าทางของเขาในตอนนี้โหดเหี้ยมอํามหิตและดุร้ายประหนึ่งเทพสังหารกลับชาติมาเกิดไม่มีผิดเพี้ยน!

 

ทันทีที่มีการนองเลือดเกิดขึ้น ทหารอารักขานายอื่นและบรรดาศิษย์รับใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกต่างวิ่งหนีตายกระเจิดกระเจิงไปคนละทางด้วยความตื่นตระหนกยิ่ง!

 

ฉัวะ! ฉัวะ! เสียงกระบี่ที่ฟาดฟันอย่างต่อเนื่องดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส แสงสะท้อนของใบดาบส่องประกายไปทั่วบริเวณครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างของผู้คนที่วิ่งหนีชะตากรรมอันโหดร้ายไม่พ้นทรุดลงกองกับพื้น

 

ฮั่วชานสติไม่สมประดีไปเสียแล้วหลังจิตใจกระทบกระเทือนอย่างหนักเพราะสูญเสียบุตรชายไปอย่างกะทันหัน ผู้คนภายในตําหนักชั่วทั้งหมดถูกสังหารสิ้น! รวมถึงสหาย ใกล้ชิดทั้งสองของฮั่วหยวนชางก็ถูกสังหารจนตายตกตามไป เช่นกันเพราะไม่ปกป้องชายหนุ่มจนถึงวาระสุดท้าย ศิษย์รับใช้รวมถึงนางกํานัลที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่นอนตายเกลื่อนกลาดราวผักปลา ชายชราเดินลงจากยอดเขามังกรนิทราโดยทิ้งตําหนักฮั่วซึ่งเต็มไปด้วยศพและกลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไว้เบื้องหลัง เหตุการณ์ดังกล่าวปลุกบรรดาศิษย์ร่วมสํานักที่อยู่ใกล้เคียงให้ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว!

 

หยางเทียนกวงซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในเรือนรับรองลืมตาตื่นจากห้วงสมาธิ ทันใดนั้นประตูก็ถูกพังลงพร้อมกับแสงสะท้อนวาววับของใบดาบที่พุ่งตรงมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งรับ!

 

“อ๊าก.. ”

 

เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังขึ้นท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรีที่มืดสนิท!

 

ผู้พิทักษ์หยางยังไม่ตายแต่มองไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเลือดสีแดงสดที่กลบเบ้าตา การโจมตีเพียงครั้งเดียวทําให้เขาพลาดท่า แม้เขาเป็นยอดฝีมือที่บรรลุขั้นซิวฉือระดับที่หกก็รับมือได้ยากยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่หนึ่งเช่นฮั่วชานผู้นี้

 

“ไอ้สารเลว! ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะซ่อนตัวไปได้นานแค่ไหน!”

 

ฮั่วชานใช้สายตาแข็งกร้าวกวาดมองโดยรอบทว่าไร้วี่แววคนที่ตนกําลังตามหา เขาจึงหันไปเค้นถามถึงที่อยู่ของเยี่ยฉวนกับหยางเทียนกวง ครั้นได้ความจึงแบกร่างอ่อนปวกเปียกของอีกฝ่ายมุ่งตรงไปยังทะเลสาบน้ํามังกรนิทราทันที!

 

ก่อนหน้านี้เขายังมีความกังวลในเรื่องสนธิสัญญาสัมพันธมิตรโบราณระหว่างสํานักอสูรเมฆาและสํานักหมอกเมฆา ประกอบกับคําชี้แนะจากอาวุโสเถียนชิงทําให้เขาอดกลั้นระงับโทสะในจิตใจ แต่เมื่อเห็นศพของบุตรชายเพียงคนเดียวที่ถูกอีกฝ่ายสังหารอย่างโหดเหี้ยม ทําให้ชายชราไม่สนใจสนธิสัญญาอะไรนั่นอีกต่อไป..เป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือสังหารเยี่ยฉวนเพื่อล้างแค้น!

 

ณ ทะเลสาบน้ําใสสะอาดบนยอดเขามังกรนิทราเยี่ยฉวน ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างทะเลสาบน้ําสะดุ้งตื่นจากห้วงภวังค์ทันทีที่สัมผัสถึงภยันตราย!

 

“ศิษย์พี่ใหญ่เกิดเหตุใดขึ้นหรือขอรับ?”

 

จ้าวต้าจือตื่นจากการหลับใหลเช่นกัน เขากะพริบตาถี่ พลางกวาดสายตามองบริเวณโดยรอบอย่างสับสน ภาพที่ปรากฏต่อสายตามีเพียงความสงบเงียบ…งูเผือกยักษ์ตัวนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

“เกิดเหตุร้ายขึ้นกับผู้พิทักษ์หยาง” เยี่ยฉวนเอ่ยตอบ

 

เจ้าอ้วนที่ได้ยินเช่นนั้นพลันตื่นเต็มตาด้วยความตระหนกยิ่ง! เขาผุดลุกขึ้นนั่งทันทีก่อนเอ่ยถามอย่างร้อนรน “แย่แล้ว! เร็วเกิดศิษย์พี่ใหญ่! พวกเราต้องรีบไปช่วยเขา…”

 

“สายเกินไปแล้วล่ะ…แต่เจ้าวางใจเถิด เขายังปลอดภัยดี”

 

เยี่ยฉวนรักษาท่าที่นิ่งสงบขณะส่งกระแสจิตบริสุทธิ์แผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง ทันใดนั้นกลิ่นคาวเลือดพลันโชยมาตามสายลม ร่างของฮัวชานที่กําลังวิ่งตรงมาปรากฏขึ้นจากระยะไกล แขนข้างหนึ่งนิ้วปีกหยางเทียนกวงที่ได้รับบาดเจ็บ สาหัสไว้เป็นตัวประกัน ด้านหลังชายทั้งสองมีเหล่าทหารอารักขาและบรรดาศิษย์สํานักอสูรเมฆาติดตามมาเป็นจํานวนมาก!

 

ถึงเวลาแล้วสินะ!

 

ในที่สุดสํานักอสูรเมฆาก็ลุกฮือตอบสนองต่อเหตุการณ์ในช่วงกลางวันดังที่เยี่ยฉวนต้องการ!

 

ร่างกายของจ้าวต้าจอสันสะท้านด้วยความหวาดผวาทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า การปรากฏตัวของฮั่วชานครั้งนี้ทําให้เขาตระหนักทันทีว่าภัยพิบัติของจริงกําลังคืบคลานเข้ามา แม้แต่ผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงที่แข็งแกร่งที่สุดคณะเดินทางยังไม่อาจต่อกร.แล้วเขาและเยี่ยฉวนจะรับมือชายชราผู้ซื้อย่างไร?! นอกจากภารกิจยืมเตาหลอมระดับสวรรค์ไม่สําเร็จ พวกเขายังต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่อีกงั้นหรือ?!

 

การเคลื่อนไหวของฮัวซานรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์! เพียงพริบตาเดียวเขาก็มาหยุดยืนตรงหน้าชายสองคนที่นั่งอยู่ข้างทะเลสาบโดยทิ้งระยะห่างเพียงสิบก้าว จิตสังหารอันเดือดดาลพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด!

 

“ไอ้หนู! แกฆ่าฮั่วหยวนชางบุตรชายข้าใช่หรือไม่?!”

 

ชายชราจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นด้วยดวงตาแดงก่ําราวจะถลนออกมานอกเบ้าขณะเอ่ยถาม

 

“เป็นข้าเอง!”

 

เยี่ยฉวนพยักหน้าและยอมรับข้อกล่าวหาต่อหน้าสาธารณชนด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“เหตุผลล่ะ?! พูดมา เหตุใดถึงขั้นต้องฆ่าแกงเขา!” ฮั่วชานก้าวไปด้านหน้าพลางพ่นลมหายใจแรงพลังปราณใน ร่างพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ กระบในมือส่งเสียงกระดิ่มเตรียมพร้อมต่อการโจมตี

 

“การฆ่าใครสักคนจําเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?”

 

แรงกดดันจากชั่วชานทําให้จ้าวต้าจอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ทว่าเยี่ยฉวนกลับไม่สะทกสะท้าน หนําซ้ํายังตอกกลับอย่างเจ็บแสบขณะจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเย้ย หยัน เขาเบนสายตามองหยางเทียนกวงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนใบหน้าโชกเลือด ฉับพลันแววตาจึงแปรเปลี่ยนเป็นวูบไหวและทอประกายซีดจาง เมื่อเห็นว่าผู้พิทักษ์ซื่อสัตย์ยังไม่ตาย แต่ถูกชั่วชานทําร้ายโดยกระบวนเคล็ดวิชาอันร้ายกาจยิ่ง!

 

“ฮ่าๆๆ! ไม่ต้องมีเหตุผลสั้นหรือ?!” ฮั่วชานระเบิดเสียงหัวเราะลันด้วยโกรธายิ่ง! คําตอบที่เขาไม่คิดว่าจะออกจากปากอีกฝ่ายช่างบ้าระห่ํา สุมไฟแค้นในใจให้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี!

 

“ถูกแล้ว! การสังหารฮัวหยวนชางบุตรชายของเจ้าไม่จําเป็นต้องเสาะหาเหตุผลมารองรับให้มากความ…การสังหารเจ้าก็ไม่ต้องใช้เหตุผลเช่นกัน!” เยี่ยฉวนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างเดือดพล่านและปะทุขึ้น ยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งสามใบหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง!

 

เปรียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประหนึ่งสว่านเจาะผนัง!

 

* สว่านเจาะผนัง = ประจันหน้ากันอย่างกะทันหัน

 

การต่อสู้โดยหมายเอาชีวิตกําลังจะก่อเกิดขึ้นบริเวณข้างทะเลสาบมังกรนิทราแห่งนี้

 

เผชิญหน้าระหว่างผู้ฝึกตนขั้นซิวฉือระดับที่สองและขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่หนึ่งไม่อาจเรียกว่าการต่อสู้ได้อย่างเต็มปาก เพราะดูอย่างไรก็รู้ว่าฝ่ายใดจะเพลี่ยงพล้ํา ถึงกระนั้นท่ามกลางฝูงชนซึ่งมามุงดูเหตุการณ์กลับเงียบกริบไร้ เสียงหัวเราะ ภาพเยี่ยฉวนตัดศีรษะฮั่วหยวนชางและหยิบขึ้นมาวางไว้บนแผ่นหลังศพในช่วงกลางวัน ผุดขึ้นมา ทําให้แต่ละคนรู้สึกครั้นคร้ามและหวาดผวายิ่ง! ไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกความสามารถของศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอก เมฆาอีกต่อไป ชายผู้นี้อาจซุกซ่อนไม้ตายอันน่าสะพรึงไว้โดยที่พวกเขาไม่อาจล่วงรู้

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด