Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 164 ไม่อาจหลีกเลี่ยง
บทที่ 164 ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“หึ! เจ้านําเตาหลอมของปลอมมาแอบอ้างว่าเป็นเตาหลอมระดับสวรรค์ของสํานักอสูรเมฆา คิดว่าพวกข้าโง่เง่าถึงขั้นดูไม่ออกเลยเชียวรึ?! ทหารรับคําสั่ง..สังหารมันซะ!”
ไป๋เยี่ยนหูหรี่ตามองเยี่ยฉวนอย่างมุ่งร้าย จากนั้นจึงส่งสัญญาณสั่งการไปยังสาวกใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มรับคําสั่งก่อนพุ่งตัวเข้าหาฝ่ายตรงข้ามอย่างกล้าหาญทันที!
ข้อกล่าวหาของชายชราที่ว่าเตาหลอมระดับสวรรค์เป็นของปลอม ทําให้ฝูงชนที่ได้ยินตกอยู่ในสภาวะสับสน
จิ้งจอกเฒ่า….แม้ชุบกายจนกลายเป็นมนุษย์น่าเกรงขามเพียงใด อุปนิสัยภายในก็ยังเจ้าเล่ห์และร้ายกาจเฉกเช่นสุนัขจิ้งจอกอยู่วันยังค่ำ
“ฆ่ามัน!”
เหล่าสาวกที่ยังคงสวามิภักดิ์ต่อไป๋เยี่ยนหูเปล่งเสียงตะโกนอย่างฮึกเหิมพร้อมชักอาวุธสังหารประจํากายออกอย่างรวดเร็ว จิตสังหารทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ
ชายร่างสูงใหญ่กํายําที่วิ่งนํากองทัพพุ่งเข้าโรมรันอีกฝ่าย คือศิษย์ชั้นเลิศผู้บรรลุการฝึกตนขั้นซิวฉือระดับที่สาม วงแขนแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามหนาราวก้อนหิน ทักษะพิเศษส่วนตัวคือการต่อสู้ในระยะประชิด แม้เยี่ยฉวนมีวรยุทธ์ที่โดดเด่นทั้งยังบรรลุขั้นซิวฉือระดับที่สองซึ่งห่างจากเขาเพียงระดับเดียวแต่ยังนับว่าต่ำกว่า ชายหนุ่มเชื่อมั่นว่าเขาสามารถเอาชนะเยี่ยฉวนได้หากใช้วิธีต่อสู้แบบตัวต่อตัวในระยะประชิดเช่นทุกครั้ง!
“ฮึ่ม! คุณชายขอรับ! ให้ข้าน้อยไปจัดการมันเถิด!” ปีศาจ เขาโค้งนากู้ซื้อโค้งคํานับเยี่ยฉวนพร้อมกล่าวขออนุญาต
หลังแปลงกายเป็นอาวุโสสูงสุดเพื่อหลอกล่อให้คนของไป๋เยี่ยนหูตายใจ และจู่โจมอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขารอจังหวะเพื่อลงมืออย่างจดจ่อ ทว่าไร้โอกาสในการโจมตี เพราะแนวคุ้มกันของเหล่าสาวกใต้บังคับบัญชาแน่นหนาเกินกว่าจะฝ่าเข้าไปได้โดยราบรื่น
“ไม่ต้อง! พวกเจ้าถอยไปเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง!”
เยี่ยฉวนกล่าวด้วยท่าทางนิ่งสงบ จากนั้นจึงพลิกฝ่ามือข้างขวาเพื่อยกเตาหลอมระดับสวรรค์ที่มีน้ำหนักมหาศาลขึ้นสูง
ศิษย์ชั้นเลิศใต้บังคับบัญชาของไป๋เยี่ยนหูเดินมาเข้าใกล้เรื่อยๆ ขณะที่เขายกอาวุธสังหารในมือขึ้นกวัดแกว่งพร้อมเผยสีหน้าโหดเหี้ยม เยี่ยฉวนก็เคลื่อนไหวโดยการเรียกใช้เคล็ดวิชาลับของเตาหลอมระดับสวรรค์
พรึบ!
เปลวไฟร้อนระอุพวยพุ่งออกมาจากเตาหลอมก่อนโหมทะยานขึ้นสูงสู่ท้องฟ้า กลุ่มคนที่วิ่งไปด้านหน้าอย่างเต็มกําลังชะงักฝีเท้าด้วยความตกตะลึง! ชายหนุ่มที่วิ่งนําทัพหยุดเดินพร้อมเผยสีหน้าวิตก ครั้นหมุนตัวกลับเตรียมถอยหลังหนี อสรพิษไฟพลันพุ่งออกมาจากเตาหลอมก่อนเลื้อยพันรอบลําตัวของเขาและกระชากเข้าไปในเตาที่มีเพลิงลุกท่วมทันที!
“อ๊าก…”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นจากภายในเตาพร้อมกับควันสีดําสนิทที่ม้วนตัวลอยขึ้นสู่เบื้องบน จากนั้นเสียงประหลาดในเตาหลอมระดับสวรรค์จึงเงียบลง เปลวไฟที่พุ่งออกมาลดระดับความโหมกระหน่ำลงและค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมราวไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
นี่คืออานุภาพที่แท้จริงของเตาหลอมระดับสวรรค์อย่างนั้นหรือ?!
ฝูงชนทั้งฝั่งของศิษย์สํานักหมอกเมฆาและศิษย์สํานักเครื่องนิลต่างตื่นตระหนกยิ่ง! ความหวาดผวาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาอย่างฉับพลัน!
แม้คนเหล่านั้นยืนห่างจากเตาหลอมระดับสวรรค์ถึงหนึ่งกิโลเมตรยังสัมผัสถึงคลื่นความร้อนมหาศาลที่แผ่ปะทะเข้ากับใบหน้าโดยตรง หากพวกเขาถูกดึงเข้าไปอยู่ในเตาหลอมซึ่งมีเปลวเพลิงร้อนจัดราวลาวาภูเขาไฟ ต่อให้เป็นยอดฝีมือผู้บรรลุการฝึกตนขั้นซิวฉือระดับสูงสุดก็อาจถูกเผาไหม้จนไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก!
“เข้ามา! ผู้ใดไม่เชื่อจงเข้ามาพิสูจน์ว่านี่ใช่เตาหลอมระดับสวรรค์ของจริงหรือไม่?!”
เยี่ยฉวนแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาขณะกวาดสายตามองกองกําลังกบฏและกองทัพของสานักเครื่องนิล
เตาหลอมระดับสวรรค์นี้คือสมบัติสําคัญที่เป็นเครื่องกําหนดชะตากรรมของสํานักอสูรเมฆา ทั้งยังเป็นแกนพลังหลักที่ใช้สร้างภูเขาและแม่น้ำ เมื่อมันตกอยู่ในกํามือของเยี่ยฉวน เขาได้เผยให้เห็นลักษณะพลังที่แท้จริงอันดุร้ายของมัน เพียงพริบตาเตาหลอมขนาดใหญ่ที่ดูไร้พิษสงก็แปรเปลี่ยนเป็นอาวุธสังหารชั้นเลิศ!
ภพชาติที่แล้วก่อนราชินีอสูรเนตรสีครามก่อตั้งสํานักอสูรเมฆา เตาหลอมระดับสวรรค์เป็นอาวุธสังหารประจํากายของเยี่ยฉวน ครั้นเวลาผันผ่านไปหลายล้านปีเตาหลอมอันเดียวกันได้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของเขาอีกครั้งและแสดงอานุภาพอันทรงพลังให้ปรากฏ!
โท่วป่าเซียงแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก สายตาที่จ้องมองเตาหลอมระดับสวรรค์เต็มไปด้วยความหวาดหวัน ทว่าสองขายังคงก้าวไปด้านหน้าอย่างมั่นคง เขาจ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวนพร้อมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ “ไอ้หนู ถึงอย่างไรสามสํานักบนเทือกเขาหมอกเมฆาก็ต้องรวมเป็นหนึ่ง ต่อให้อาวุโสซูโกวหงอยู่ที่นี่ก็ไร้ประโยชน์! คิดว่าพวกเจ้าจะสามารถหยุดกองทัพของสํานักเครื่องนิลและสำนักหมอกเมฆาที่ผนึกกําลังกันได้อย่างนั้นหรือ?!”
เมื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยนหูยังคงตกอยู่ในสภาวะมึนงง โท่วป่าเซียงจึงตัดสินใจออกโรงแทน
การที่เยี่ยฉวนสามารถเรียกใช้เคล็ดวิชาเตาหลอมระดับสวรรค์ได้ทําให้พวกเขาวิตกกังวลไม่น้อย ไม่เพียงเพราะเตาหลอมมีอานุภาพทําลายล้างอันทรงพลัง แต่มันยังเป็นสมบัติล้ำค่าในครอบครองของสํานักอสูรเมฆา หากพวกเขาสังหารเยี่ยฉวนอาจเกิดปัญหาในอนาคต ทว่ายามนี้พวกเขาไม่สามารถถอยหลังได้อีกแล้ว…ลูกศรที่ถูกขึงตรึงอยู่บนคันธนูไม่สามารถปลดออกได้
“จงผายลมต่อไปเสียเถอะ! ข้าต่างหากที่ต้องกําจัดสํานักเครื่องนิลให้สิ้นซาก! พวกเจ้าก็แค่จิ้งจอกเฒ่าสองตัว ตัวหนึ่งโหดเหี้ยมอํามหิต ตัวหนึ่งเจ้าเล่ห์เพทุบาย การสมรู้ร่วมคิดกันกระทําชั่วช้าเช่นนี้ไม่สนใจความสูญเสียของส่วนรวมเลยหรืออย่างไร?!” เยี่ยฉวนไม่ยอมจํานนง่ายๆ เขาตวาดเสียงเกรี้ยวกราดขณะมองไปที่โท่วป่าเซียงจอมเอาแต่ใจ
“ศิษย์น้องโท่วป่า อย่ามัวเสวนากับมันให้มากความเลยสังหารมันซะ….ปัญหาจะได้จบลงโดยเร็ว!”
ไป๋เยี่ยนหูเร่งเร้าอีกฝ่าย หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนร่างกายอ่อนแอคงลงมือสังหารเยี่ยฉวนด้วยตนเองไปนานแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาคิดเสมอว่าหากจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองเมื่อใด เยี่ยฉวนจะถูกทําลายจนย่อยยับ ทั้งยังสามารถกุมอํานาจเบ็ดเสร็จของสํานักหมอกเมฆาได้โดยสมบูรณ์ แต่ตอนนี้เรื่องราวกลับบานปลายและพลิกผันเกินความคาด หมายจนไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป หากเหตุการณ์ดําเนินไปอย่างยืดเยื้อเช่นนี้อาจเสียเปรียบมากขึ้น การหน่วงเวลาจะนํามาซึ่งปัญหาใหญ่
บรรยากาศตึงเครียดแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณโดยฉับพลัน!
โท่วป่าเซียงหยุดชะงักครู่หนึ่งเพื่อไตร่ตรอง จากนั้นจึงโบกมือเป็นเชิงส่งสัญญาณสั่งการให้กองทัพสํานักเครื่องนิลวิ่งไปด้านหน้า “ศิษย์พี่กล่าวถูกต้อง! ฆ่ามันซะ! สังหารไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้ให้ข้า!”
“ฆ่ามัน!”
“เทือกเขาหมอกเมฆารวมเป็นหนึ่ง! สามสํานักรวมเป็นหนึ่งเดียว!”
กองทัพสํานักเครื่องนิลเปล่งเสียงคํารามดังกึกก้องพร้อมพุ่งตัวไปด้านหน้าจากทุกทิศทางเข้าปิดล้อมเยี่ยฉวนและพรรคพวก ไป๋เยี่ยนหูเผยสีหน้าเย็นชาขณะสังการบรรดาสาวกของเขาเช่นกัน กองกําลังกบฏวิ่งเข้าโรมรันอย่างบ้าคลั่ง แม้การปฏิบัติตามคําสั่งจะปราศจากความเต็มใจ ทว่ายามนี้ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอํานาจของชายชราอย่างเปิดเผย!
บนยอดเขาหมอกเมฆา การเข่นฆ่าฝ่ายศัตรูทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เลือดสีแดงฉานทะลักไหลนองไปทั่วราวกับสายน้ำ
ทันใดนั้นปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรจํานวนหลายร้อยตัวก็เริ่มทําการโจมตี ดวงตากลมโตเปล่งลําแสงสังหารสีฟ้ากวาดล้างศิษย์สานักเครื่องนิลที่บ้าระห่ำ ศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่ยังจงรักภักดีก็ทําทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้การโจมตีจากอีกฝ่าย ส่วนเยียฉวนโคจรเคล็ดวิชาเรียกพลังจากเตาหลอมระดับสวรรค์ ทันใดนั้นเตาหลอมยักษ์พลันสั่นสะเทือน เปลวไฟร้อนระอุน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งมันก็ก่อตัวเป็นรูปอสรพิษและดิ้นไปรอบๆ เพื่อขัดขวางศัตรู บางครั้งก็ม้วนโหมขึ้นสู่เบื้องบนและร่วงลงมาจนพื้นดินเบื้องหน้ากลายเป็นทะเลเพลิง!
เตาหลอมระดับสวรรค์กําลังแสดงพลังอันน่าอัศจรรย์ภายใต้การควบคุมของเยี่ยฉวน ถึงกระนั้นฝ่ายโท่วป่าเซียงและไป๋เยี่ยนหูก็เตรียมพร้อมเป็นอย่างดี พวกเขาต้องการมีชัยชนะเหนือเยี่ยฉวนด้วยจํานวนคนที่มากกว่า เพราะศิษย์สํานักหมอกเมฆามีจํานวนลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ กองทัพปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรก็ล้มตายไปไม่น้อย ส่วนปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือเริ่มหายใจหอบอย่างเหนื่อยล้า ตอนนี้สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงทุกขณะ!
“เยี่ยฉวน! เงยหน้าขึ้นยอมรับความตายเสียเถอะ! เจ้าคิดหรือว่าสํานักอสูรเมฆาจะมาช่วยเหลือ?! ตอนนี้เจ้าไม่มีแม้แต่กองกําลังสนับสนุน ทั้งสามสํานักบนเขตเทือกเขาหมอกเมฆาต้องรวมเป็นหนึ่งโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง! ต่อให้คนของสํานักอสูรเมฆามาที่นี่พวกมันก็ต้องตายตกไปพร้อมกัน! ฮ่าๆๆ! ไปซะ! ไปฆ่ามัน!”
ไป๋เยี่ยนหูแค่นเสียงคํารามพร้อมหัวเราะ เขาใช้อํานาจบีบบังคับสาวกที่ยังยืนนิ่งด้วยความลังเลให้ก้าวออกไปด้านหน้า!
ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร วันนี้เขาต้องสังหารเยี่ยฉวน เพื่อชําระความแค้นทั้งมวลให้จงได้ แม้รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายยังมีสำนักอสูรเมฆาคอยหนุนหลัง จนถึงตอนนี้ชายชราก็ยังไม่เชื่อโดยสนิทใจว่าเตาหลอมยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเป็นเตาหลอมระดับสวรรค์ในตํานานของจริง! สํานักอสูรเมฆาจะให้ผู้อื่นหยิบยืมสมบัติล้ำค่าที่เป็นเครื่องกําหนดชะตากรรมของตนได้อย่างไร?! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
กองกําลังกบฏของสํานักหมอกเมฆาพุ่งเข้าโจมตีอย่างไม่จริงจัง แต่ศิษย์สํานักเครื่องนิลยิ่งนานยิ่งแข็งแกร่ง พวกเขาพุ่งเข้าโรมรันเยี่ยฉวนและพรรคพวกจนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลําบาก.ภยันตรายคืบคลานเข้าใกล้ทุกขณะ!
ขณะนั้นเอง…เสียงตะโกนเย็นเยียบดังขึ้นจากบริเวณเชิงเขา “ผู้ใดกล่าวว่าหากสํานักอสูรเมฆาต้องตายตกหากมาถึงที่นี่?! เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงสบประมาทสํานักของข้า!”
แรงกดดันมหาศาลและจิตสังหารเย็นเยียบแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณอุณหภูมิบนยอดเขาลดลงอย่างฉับพลันจนผิวหนังของทุกจนปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง สตรีรูปงามนางหนึ่งสวมชุดหลากสีเหาะตรงมาจากทางเชิงเขา ท่วงท่าที่แสดงออกสง่างามประหนึ่งหยกบริสุทธิ์และธารน้ำแข็งจากสรวงสวรรค์ ด้านหลังศีรษะปรากฏรัศมีเจ็ดสีเลือนราง พลังแปรปรวนที่แผ่ออกจากร่างแม้ไม่ชัดเจนแต่ทรงพลังมากกว่าโท่วป่าเซียงและไป๋เยี่ยนหูหลายเท่า! เบื้องหลังนางปรากฏนักรบพฤกษาที่มีร่างเป็นเปลือกไม้ความสูงเกือบแปดเมตร ทุกย่างก้าวของเขาทําให้ผืนดินสันสะเทือนดังกึกก้อง!
สตรีพรหมจรรย์งั้นหรือ?!
ดวงตาเยี่ยฉวนเปล่งประกายจรัสจ้าด้วยความประหลาดใจยิ่ง!
เดิมที่เขาคิดใช้เตาหลอมระดับสวรรค์เป็นเครื่องข่มขู่ทั้งไป๋เยี่ยนหูและโท่วป่าเซียงให้หวาดกลัว ไม่คาดคิดว่ากลุ่มคนของสํานักอสูรเมฆาจะมาปรากฏตัวถึงที่นี่ โดยมีสตรีพรหมจรรย์และนักรบพฤกษาเถียนผู้ทรงอํานาจนําทัพมาด้วยตนเอง!
คอมเม้นต์