Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 170 ข้ารอเจ้ามา แสนนาน
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 170 ข้ารอเจ้ามา แสนนาน
เยี่ยฉวนดึงเส้นผมของตุ๊กตาหุ่นกระบอกจนมันลอยอยู่บนอากาศ ทันใดนั้นมันก็ชักกริชออกมาเป็นการข่มขวัญ!
ผู้ใดจะคาดคิดว่าก้นเหวมังกรปีศาจจะเกิดเหตุการณ์พิศวงอันน่าเหลือเชื่อ!
ร่องรอยแห่งความตกตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม ไม่นานนักสีหน้าจึงแปรเปลี่ยนเป็นปกติ ครั้นมองไปที่ตุ๊กตาในมือ..สมองปราดเปรื่องจึงเกิดความคิดบางอย่าง!
ด้วยร่างกายในปัจจุบันที่บรรลุขั้นการฝึกตนไม่สูงส่งเท่าที่ควร ทําให้เขาไม่สามารถเข้าไปสํารวจโลกใต้พิภพได้โดยสะดวก ทั้งยังไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาควบคุมมังกรปีศาจที่ทรงพลังกว่า แต่หากเป็นตุ๊กตาตัวนี้ล่ะ?
ตราบใดที่เขาสามารถฝึกฝนตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวนี้สําเร็จจนสามารถควบคุมมันได้ดั่งใจ หลังจากนี้หากพบเจอผู้ใดที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์อีกครั้ง เขาจะปล่อยให้ตุ๊กตาตัวนี้เป็นไพ่ตายสุดท้าย ด้วยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะกลายเป็นมีอสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เพราะแน่นอนว่าผู้ที่พบเห็นมันคงไม่ทันระวังหรือป้องกันตัวเป็นแน่!
ดวงตาเยี่ยฉวนเปล่งประกายเจิดจ้า!
หากเป็นคนอื่นๆ ลงมาสู่ก้นเหวมังกรปีศาจและพบเจอเหตุการณ์น่าสยดสยองดังกล่าว คนผู้นั้นคงกรีดร้องและวิ่งเตลิดไปแล้ว ทว่าเยี่ยฉวนแตกต่าง…เขายังนิ้วเส้นผมของตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวนี้ไว้เช่นเดิม
“อะไรกัน?! ไอ้หนุ่ม ยังไม่วางข้าลงและคุกเข่าคํานับอีกรี?! ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกข้าสังหารหรืออย่างไร?!”
น้ําเสียงของตุ๊กตาหุ่นกระบอกแข็งกระด้างขึ้นด้วยโทสะ แสงสะท้อนของกริชในมือสว่างวาบเตรียมพร้อมต่อการโจม
“ผู้เฒ่า เหตุใดจึงเอาแต่กล่าวว่าจะสังหารข้าซ้ําไปซ้ํามา เจ้ามีความสามารถพองั้นรึ?”
เยี่ยฉวนแค่นเสียงเย็นชา เท้าทั้งสองข้างยืนหยัดอยู่กับพื้นอย่างมั่นคงขณะเหยียดแขนซ้ายออกห่างจากลําตัวจนตุ๊กตาอยู่ห่างออกไป จากนั้นจึงออกแรงแกว่งจนมันหมุนเคว้งหลายครั้ง
แม้ตุ๊กตาหุ่นกระบอกมีพลังชั่วร้ายเป็นที่น่าหวาดกลัว แต่เมื่อชายหนุ่มยื่นมันออกห่างจนสุดแขน ตอนนี้ต่อให้มันขยับแขนเล็กๆ เพื่อกวัดแกว่งกริชในมืออย่างไร้ทิศทาง ปลายคมกริบของมันก็ไม่สามารถทําอันตรายอีกฝ่ายได้ ครั้นมันขยับตัวจะแทงแขนซ้ายเยียฉวนให้หลุดเป็นอิสระ ชายหนุ่มก็เขย่าร่างมันโดยแรง ทําให้มันโกรธแค้นเป็นเท่าทวี ถึงกระนั้นก็ทําสิ่งใดไม่ได้เพราะรู้สึกเวียนหัวกับการถูกเขย่าหลายต่อหลายครั้ง
หลังตุ๊กตาหุ่นกระบอกรอคอยมานานหลายปี ในที่สุดก็มีมนุษย์ที่ลงมาสู่ก้นเหวมังกรปีศาจโดยที่ยังมีชีวิตและร่างกายครบถ้วน มันจึงตัดสินใจทําการจู่โจมอย่างกะทันหัน เพื่อขู่บังคับให้เขาพาตนออกจากขุมนรกแห่งนี้ ทว่าสิ่งที่มันคิดกลับผิดถนัด! เยี่ยฉวนไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใดซ้ําร้าย ยังกล้ายืนหยัดต่อต้าน แม้มันมีพิษสงมหาศาลทั้งยังใช้พละกําลังทั้งหมดเพื่อโจมตี ทว่าจนแล้วจนรอดปลายกริชยังไม่สามารถแผ้วพานอีกฝ่ายได้แม้แต่รอยเดียว!
“เอาล่ะ! ไอ้หน…เจ้าชนะแล้ว วางข้าลงแล้วเดินจากไปเถิด เรื่องที่แล้วก็ให้แคล้วกันไป..”
ครั้นตุ๊กตาหุ่นกระบอกตระหนักว่าการโจมตีของตนไร้ประโยชน์จึงยอมพ่ายแพ้ในที่สุด ใบหน้าของมันยังคงอวบอิ่มและแย้มยิ้มอย่างน่าเอ็นดู แต่หากพินิจให้ถี่ถ้วนจะพบว่าดวงตาของมันฉายแววอาฆาตน่าสะพรึงราวปีศาจร้าย!
“ข้าจะทําเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?! สถานที่แห่งนี้ทั้งมืดมนและรกร้างจะให้ข้าปล่อยเจ้าไว้ลําพังกระนั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนโคลงศีรษะพร้อมเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้ายพลางเลียนแบบสําเนียงการพูดของตุ๊กตาหุ่นกระบอก “วางใจเถิด..หากเจ้ายอมศิโรราบในฐานะข้าเป็นนายเจ้าเป็นบ่าว ข้าจึงจะพาเจ้าออกไปจากขุมนรกแห่งนี้! ตราบใดที่เจ้ารับใช้ข้าเป็นอย่างดี ในอนาคตไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นสมบัติล้ําค่าหรือตําราเคล็ดวิชาที่ทรงพลังไร้เทียมทาน ข้าก็ยินดีมอบให้! ไม่นานมานี้ข้าเพิ่งสูญเสียยอดฝีมือผู้เป็นอัจฉริยะในรอบหนึ่งพันปีไป มือสังหารที่มีทักษะล้ําเลิศก็ปรากฏตัวต่อหน้า! ข้ารอเจ้ามานานแสนนาน!”
“ไอ้หนู เจ้าช่างฝันเฟื่องเสียจริง! จากนี้หมอกโลหิตในหุบเขามังกรปีศาจก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว หากเจ้าไม่รีบจากไปเสียตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับขึ้นไปอีก! ถึงเวลานั้นร่างกายของเจ้าก็จะเหลือเพียงโครงกระดูก! ฮิๆๆ” ตุ๊กตาหุ่นกระบอกเปล่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาด
ไม่ทันขาดคําหุบเขามังกรปีศาจอันน่าสยดสยองพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง! ละอองหมอกพุ่งขึ้นจากรอยโหว่บนพื้นดินลอยขึ้นสู่เบื้องบนอย่างต่อเนื่อง ส่วนหมอกโลหิตที่อยู่บนชั้นบรรยากาศกลับหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ ทําให้พลังการกัดกร่อนยิ่งโหดเหี้ยมขึ้นเป็นเท่าทวี!
เยี่ยฉวนสัมผัสถึงแรงกดดันมหาศาลจากมวลอากาศเลวร้ายทันที! ความเจ็บปวดแสบร้อนที่เกิดขึ้นบนผิวหนังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกล้ามเนื้อกําลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้น รอยแผลเปิดตรงปลายจมูกเปื่อยลงอย่างรวดเร็ว!
ท่ามกลางละอองหมอกโลหิตหนาทึบ ตุ๊กตาหุ่นกระบอกยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์เช่นเดิมทุกประการ เนื่องจากมันอาศัยอยู่ใต้ก้นเหวมาเป็นเวลานานโขจนคุ้นชินกับสภาพอากาศดังกล่าว ทว่าสําหรับเยี่ยฉวนหมอกดังกล่าวเป็นอันตรายต่อเขาอย่างยิ่งยวด! หากเขาดันทุรังอยู่ที่นี่ต่อไปเห็นที่จะต้องพบกับจุดจบอันน่าสังเวชเฉกเช่นเดียวกับโครงกระดูกนับไม่ถ้วนที่ทับถมกันอยู่ในก้นเหวเป็นแน่! ส่วนตุ๊กตาปีศาจได้แต่หัวเราะเยาะอีกฝ่าย เพราะสามารถถ่วงเวลาเขาให้ล่าช้าจนไม่อาจหลบหนีออกไปได้
สีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด….คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันด้วยกําลังครุ่นคิดหาทางออก ทันใดนั้น เขาจึงเรียกเตาหลอมระดับสวรรค์ออกมา พร้อมโคจรเคล็ดวิชาลับจนเปลวไฟในเตาปะทุอย่างรุนแรงและพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยพลัน! คลื่นความร้อนที่กระจายออกทําให้ละอองหมอกโลหิตที่หนาทึบในตอนแรกค่อยๆระเหยหายไปจนเบาบางลงอีกครั้ง!
“ไอ้หนู! นะ…นั่นเจ้าจะทําอะไรน่ะ?!” ตุ๊กตาหุ่นกระบอกเอ่ยถามขณะพลิกตัวจนแกว่งไปมาเมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์พลิกผันอย่างน่าตระหนก! ทว่าร่างของมันก็ยังไม่หลุดเป็นอิสระเพราะเยี่ยฉวนจับเส้นผมของมันไว้แน่น แม้ออกแรงดิ้นรนเพียงใดก็ไม่เกิดผล
“ไม่มีสิ่งใดซับซ้อนหรอก ข้าเพียงอยากให้เจ้าลองชิมเนื้อแกะรมควันดู…” เยี่ยฉวนเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ก่อนที่ข้าจะถูกหมอกโลหิตกัดกร่อนจนร่างเหลือเพียงโครงกระดูก จงตอบข้ามาว่าเจ้าจะยอมศิโรราบและผูกพันธะเลือดโดยดี หรืออยากถูกข้าจับย่างไฟ?!”
เขาลอบโคจรเคล็ดวิชาอย่างเงียบเชียบ ทําให้เปลวไฟที่พวยพุ่งออกมาจากเตาหลอมระดับสวรรค์โหมกระหนําขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว ตัวเตาหลอมที่ทําจากโลหะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงด้วยความร้อนที่แผดเผา ทันทีที่เยียฉวนขว้างดาบเข้าไป ดาบเล่มนั้นพลันหลอมละลายกลายเป็นของเหลวทันที!
“ยะ…อย่านะ! ไม่…ไอ้หนู! เจ้ากล้าดีอย่างไร?!” ตุ๊กตาหุ่นกระบอกร้องเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวสุดขีด!
บรรยากาศบริเวณก้นเหวมังกรปีศาจยามนี้แตกต่างจากทุกครั้ง หมอกโลหิตที่คอยกัดกร่อนเลือดเนื้อของมนุษย์ยังไม่ทําให้มันรู้สึกหวาดผวาจนตัวสันเท่ากับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำรุนแรงจากเตาหลอมระดับสวรรค์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
เยี่ยฉวนไม่ปริปากเอ่ยคําใดอีก เขาโยนตุ๊กตาหุ่นกระบอกเข้าไปในเตาหลอมทันที! ทันใดนั้นวิญญาณชั่วร้ายที่สิงสู่จึงแผดเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสยดสยอง ร่างกายดิ้นพราดและบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน แรงกดดันมหาศาลจากภายในกดทับมันอย่างหนัก อาวุธสังหารทรงอานุภาพที่เป็นเครื่องกําหนดชะตากรรมของสานักอสูรเมฆาร้ายกาจยิ่ง ผู้ใดที่หลุดเข้าไปภายใน..หากไม่บรรลุการฝึกตนขันมหาปราชญ์ ก็คงยากที่จะมีชีวิตรอดออกมา!
“อ๊าก… ไอ้หนุ่ม ข้ายอมให้เจ้าเป็นนายของข้าแล้ว! เอาข้าออกไปเถิด..เอาข้าออกไป!”
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น ทว่าตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม่สามารถทานทนต่อความร้อนแผดเผาได้อีกต่อไป จึงได้แต่กรีดร้องโหยหวนและตะโกนขอความเมตตา
เยี่ยฉวนรอให้มันถูกเผาไหม้ครูใหญ่ จากนั้นจึงหยิบมันออกมาจากเตาหลอมระดับสวรรค์อย่างรวดเร็วพร้อมใช้นิ้วโป้งกดลงตรงบริเวณหว่างคิ้ว เลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยดไหลลงจากนิ้วและซึมเข้าไปทันที!
ทุกกระบวนการโคจรเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ปราศจากคําพูดหรือแม้แต่การบริกรรมคาถาจากปากของเขา ชิ้นส่วนความทรงจําที่กระจัดกระจายค่อยๆปรากฏขึ้นในห้วงคํานึงของเขา ทําให้เข้าใจความลับของมันอย่างละเอียด
ตุ๊กตาหุ่นกระบอกตัวนี้เดิมเป็นเพียงหุ่นเชิดธรรมดา ส่วนวัสดุที่ใช้ในการผลิตมีคุณสมบัติพิเศษจึงทนทานต่อการ ถูกหมอกโลหิตในหุบเขามังกรปีศาจกัดกร่อน ทว่าเหตุใดมันจึงถูกทิ้งไว้กันเหวนี้เขาก็ไม่ทราบแน่ชัด หลายหมื่นปีก่อน.. เฮยปุ๋ย เจ้าสานักหุ่นกระบอกได้เดินทางมาที่นี่และทําสมาธิฝึกตนอยู่บนหน้าผาข้างหุบเขาเป็นเวลานานจนเข้าใจระบบการไหลเวียนของโลหิตภายในร่างอย่างถี่ถ้วน ทันทีที่พระจันทร์เต็มดวงโผล่พ้นจากกลุ่มเมฆเขาจึงเดินลงไปยังก้นเหวอย่างกล้าหาญ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปดังที่คาดหวัง นอกจากจะไม่พบสมบัติล้ําค่าซ่อนอยู่บริเวณก้นบึง เขายังไม่สามารถหาทางป้องกันตนจากการถูกหมอกโลหิตกัดกร่อนได้ ครั้นใกล้ถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตจึงพบกับตุ๊กตาตัวนี้เข้า เฮยกุ้ยจึงตัดสินใจใช้เคล็ดวิชาลับของสํานักหุ่นกระบอกเข้าสิงสู่และจุติขึ้นใหม่! โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสักวันจะมียอดฝีมือพาเขาออกไปจากขุมนรกแห่งนี้ให้ตนได้สัมผัสแสงตะวันอีกครั้ง ซึ่งการรอคอยนั้นยาวนานถึงเจ็ดหมื่นปี!
วูบ! ขณะนั้นเอง…ละอองหมอกที่ลอยขึ้นจากพื้นดินพลันเพิ่มจํานวนขึ้นอย่างกะทันหัน! หมอกโลหิตที่ลอยพลุ่งพล่านอยู่บนอากาศม้วนตัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง ราวมีมือล่องหนปลุกพวกมันให้ตื่นขึ้น โครงกระดูกจํานวนมหาศาลที่กองทับถมกันทยอยกระเด็นกระดอนขึ้นจนดูคล้ายคลื่นขนาดยักษ์!
หลังจากเยี่ยฉวนทําการผูกพันธะโลหิตเข้ากับตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่มีวิญญาณปีศาจเฮยกุ้ยสิงสู่ บรรยากาศภายในหุบเขามังกรปีศาจพลันแปรปรวนอย่างฉับพลันจนสองขาซวนเซและไม่สามารถยืนหยัดได้โดยมันคง เขารีบยันฝ่ามือไว้กับหน้าผาทันที! เปลวไฟที่พวยพุ่งจากเตาหลอมระดับสวรรค์มอดลงจนอากาศกลับมาหนักอึ้งอีกครั้ง หมอกโลหิตรวมตัวกันอย่างหนาแน่น แรงโน้มถ่วงบริเวณก้นเหว เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า พลังการกัดกร่อนเลือดเนื้อของมันทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
คอมเม้นต์