Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 204 ผู้พิทักษ์มังกรปีศาจ
Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 204 ผู้พิทักษ์มังกรปีศาจ
บทที่ 204 ผู้พิทักษ์มังกรปีศาจ
เยี่ยฉวนไม่ใส่ใจหลิวหงอีกต่อไป เขาวิ่งติดตามโท่วปาเซียงเนียวและคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ครู่เดียวคนทั้งห้าก็รวมตัวกันครบและร่วมมือกันตีฝ่าวงล้อมออกไป
ทันใดนั้นสายลมกระโชกแรงพัดมาจากด้านหลัง หลิวหงขึ้นเหยียบกระบี่บินเหาะมาทางพวกเขาโดยไม่ปริปากเอ่ยคําใด เรือนร่างของนางยังทรงเสน่ห์ดึงดูดเฉกเช่นทุกครั้ง เรียวขาขาวผ่องโผล่พ้นจากอาภรณ์เปิดเผยสู่สายตาสาธารณชน หลังฝึกฝนเคล็ดวิชาขนปักษาสีครามจนบรรลุ ดูเหมือนกายาจะเปล่งประกายความงดงามส ว่างไสวยิ่งกว่าเก่าเมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาพี่ใหญ่ลู่…พบว่าแวว ตาของเขายังคงลุกโชนเช่นเดิมทว่าไร้ความเสน่หาอีกต่อไป ส่วน หนาซานและหนาสุ่ยศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ไม่แม้แต่จะชายตามองนางทั้งยังแสร้งทําเป็นไม่รับรู้ว่านางติดตามมาทัน
พวกเขาวิ่งด้วยความเร็วสูงโดยไม่หยุดพักเป็นระยะเวลาสองชั่วยามในที่สุดเมื่อเงยหน้ามองอีกครั้งก็พบจุดสิ้นสุดของเขตปาหิน!
ด้านนอกของปาหินแห่งนี้ปรากฏพระราชวังสูงตระหง่านซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาหนาทึบ หมอกดังกล่าวบดบังทัศนวิสัยจนมองไม่เห็นสะพานเล็กข้ามลําธาร หรือแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าและพฤกษานานาพรรณ เห็นเพียงยอดบนสุดเหนือหลังคาพระราชวังที่วับแวมออกมาให้เห็นบางครั้ง ครั้นสายลมพัดโชยแรงขึ้นอักษร จีนที่เขียนบนผนังว่า วังจ้าวเทียน ก็เผยโฉมเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตา! สามคํานั้นส่องประกายแสงสีทองอร่าม แม้สถาปัตยกรรมจะงามวิจิตรทั้งยังใหญ่โตมโหฬาร แต่เมื่อมันตั้งตระหง่านอยู่ในอาณาจักรสวรรค์กลับดูเยือกเย็นราวภูเขาน้ําแข็งราวเป็นเวียงวังที่แยกตัวออกมาจากโลกมนุษย์
เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้าทันที ไม่ใช่เพราะต้องการชื่นชมความงดงามของพระราชวังเจ้าเทียนอันยิ่งใหญ่และทรงพลัง แต่เป็นเพราะอสูรหินอีกจําพวกหนึ่งที่ปราดเข้าขวางทาง
พวกมันยังคงติดตามกลุ่มของเยี่ยฉวนอย่างไม่ลดละโดยหมายกําจัดผู้บุกรุกปาหมื่นอสูรเหล่านี้ทิ้งเสีย อสูรหินยักษ์ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าล้วนมีพลังวิเศษ เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบจึงพบว่าอสูรหินที่มีความสูงเกือบสิบเมตรปรากฏตัวอยู่ทุกที่ บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยวิหคทรราชที่บินวนรอคอยโจมตีเหยื่อ ส่วนบริเวณชายปามีอ สุรหินครึ่งมนุษย์ดักรออยู่กลุ่มใหญ่ ตลอดระยะทางสํารวจเยี่ยฉวนพบอสรพิษครึ่งคนเพียงสองตนเท่านั้น ทว่าเวลานี้พวกมันกลับมีจํานวนยี่สิบถึงสามสิบตัว! บรรดาอสูรหินดุร้ายพุ่งตัวเข้าหากลุ่มมนุษย์จากทุกทิศทาง!
โท่วปาเซียงเนียวและคนอื่นๆ ก้าวเท้าไม่ออกเช่นเดียวกันสถานการณ์อันตรายถึงชีวิตตรงหน้าทําให้พวกเขาตื่นตระหนกยิ่ง!
“คุณชายเยี่ย…เราควรทําอย่างไรดี?”
หนาซานเผยใบหน้าซีดเซียวก่อนเอ่ยปากถาม เมื่อชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้เขาไม่คํานึงถึงศักดิ์ศรีของตนอีกต่อไปและริเริ่มขอคําชี้แนะจากเยี่ยฉวน
เยี่ยฉวนไม่ตอบคําถามนั้นในทันทีเขามองไปยังบรรดาอสูรหินที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าตึงเครียดขึ้นทุกขณะจากนั้นจึงชี้ไปทางกลุ่มอสูรหินครึ่งมนุษย์ก่อนออกคําสั่งเสียงทุ่มต่ํา “จับตามองพวกอสรพิษครึ่งคนนั้นไว้ให้ดีข้าจะนับถอยหลังจากห้า พร้อมพุ่งตัวไปด้านหน้าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกมันส่วนพวกเจ้าจงใช้โอกาสนี้เร่งรุดไปข้างหน้าเพื่อหนีให้พ้นจากวงล้อม.วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มิเช่นนั้นพวกเจ้าอาจไม่รอดไปจากวงล้อมนี้!”
“คุณชายเยี่ย! แล้วท่านล่ะ?!” โท่วปาเซียงเนียวโพล่งขึ้น
“อย่ากังวลไปข้ามีวิธีเอาตัวรอดออกไปได้อย่างแน่นอนเซียงเพียวเจ้าเคยบอกว่าข้าเลวทรามนักไม่ใช่รึ?! คนเลวย่อมไม่ตายตกไปโดยง่ายหรอก ข้าจะอยู่กระทั่งรอดพ้นจากมหันตภัยในรอบหนึ่งพันปี!” เยี่ยฉวนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวไม่ทันได้ ตอบคําใดกลับเขาก็เริ่มต้นนับถอยหลังทันที “ห้าสี่สาม…”
ครั้นนับถอยหลังจนถึงหนึ่งเขาจึงกระโจนเข้าหาอสูรหินครึ่งมนุษย์ทันทีหนาซาน หนาสู่ย และคนอื่นๆ เปลี่ยนทิศทางโดยพร้อมเพรียงกันและพุ่งตัวไปด้านขวา ส่วนโท่วปาเซียงเนียวยังคงนิ่งมองแผ่นหลังเยี่ยฉวนด้วยความสับสน เสียงกระแสลมแรงพัดผ่านจา กด้านหลังขณะหลิวหงเหยียบกระบี่บินเหาะนําหน้า
หนทางด้านหน้าและขวามือเต็มไปด้วยอสูรหินยักษ์เหนือศีรษะมีวิหคทรราชบินโฉบไปมาพร้อมเสียงร้องแหลมสูงต่อให้บนพื้นดินปราศจากอสูรหินเหล่านั้น แต่ฝูงวิหคบนฟ้าก็พร้อมทุ่งโจมตีพวกเขาทั้งห้าคนจนสูญสิ้น!
โท่วปาเซียงเนียวและคนอื่นๆ เผยสีหน้าซีดเผือดอย่างประหม่าสุดขีดวิหคทรราชบินพุ่งตรงมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆกระทั่งเห็นเส้นขนหินที่เรียงตัวเป็นระเบียบใต้ปีกใหญ่โตกรงเล็บแหลมคมสะท้อนแสงสีซีดวาววับ
การเคลื่อนไหวของทุกคนค่อยๆ ช้าลง ดวงตาทุกคู่ฉายแววหวาดผวาการพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงดังคําสั่งของเยี่ยฉวนจะไม่ทําให้พวกเขายิ่งกลายเป็นเหยื่อที่ถูกส่งมอบให้อสูรหินบ้าเลือดพวกนั้นฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆถึงที่หรืออย่างไร?!
หลิวหงและเหล่าศิษย์ชายเกิดความสับสนและสงสัยบางคนเบี่ยงไปทางซ้ายบางรายเบี่ยงไปทางขวา ไม่มีผู้ใดกล้าพุ่งไปด้านหน้าเพื่อเผชิญกับฝูงนกวิหคทรราชโดยตรงเป็นรายแรก
“เร่งฝีเท้าเร็วเข้า! กลั้นหายใจหนึ่งครั้งแล้ววิ่งไปด้านหน้าซะ!”
เสียงตะโกนของเยี่ยฉวนดังขึ้นอีกครั้งจนก้องโสตประสาทของโทวปาเซียงเดี่ยว
หญิงสาวลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็ขบริมฝีปากล่างแน่นพร้อมพุ่งตัวไปด้านหน้าตามคําที่เขากําชับ แม้ก่อนหน้านี้นางมีอคติหลาย ประการต่อตัวเขาทว่าสัญชาตญาณบางอย่างทําให้นางวางใจว่าสิ่งที่เขากล่าวจะช่วยให้ตนรอดชีวิต!
จากระยะห่างสองร้อยเมตร ลดน้อยลงเหลือหนึ่งร้อยเมตรและเหลือเพียงสามสิบเมตร…
โท่วปาเซียงเนียวขบกรามข่มกลั้นความหวาดกลัวเมื่อตําแหน่งของตนเข้าใกล้รัศมีของวิหคทรราชมากขึ้น ด้วยตระหนักดีว่าการเผชิญหน้ากับมันเพียงลําพังเช่นนี้ไม่มีผลลัพธ์อื่นนอกจากตายเท่านั้น!
ถึงกระนั้นฝีเท้าของนางก็ยังไม่หยุดวิ่งเข้าหาอันตรายเบื้องหน้าครั้นเงยหน้ามองจึงเห็นกรงเล็บแหลมคมของมันพุ่งตรงมาทางตนจากด้านหลังหมายจับร่างของนางฉีกเป็นชิ้น หนาซานและคนอื่นๆกระจัดกระจายไปคนละทิศทางเห็นเช่นนั้นก็ร้องอุทานออกด้วยความตระหนกทว่าหญิงสาวกลับหลับตาปี่และวิ่งตรงไปด้านหน้า โดยไม่ใส่ใจสรรพสิ่งรอบข้าง
วูบ…. ลมพายุเย็นเยียบพัดเข้าปะทะใบหน้าของนางโดยแรงจนพวงแก้มรู้สึกเจ็บร้าว
สถานการณ์เป็นตายที่คืบเข้ามาทําให้หญิงสาวประหม่าจนหัวใจทั้งดวงแทบหลุดออกจากเบ้า แต่แล้วกลับประหลาดใจเมื่อภาพอันน่าสยดสยองไม่เกิดขึ้น หลังวิ่งไปไกลจากจุดเดิมประมาณสิบเมตรนางจึงหันกลับมามอง พบว่าฝูงวิหคทรราชเพิ่มจํานวนขึ้น โดยกะทันหัน พวกมันบินว่อนบนท้องฟ้าก่อนโฉบตรงไปยังเยี่ยฉวนรวมถึงอสูรหินยักษ์จํานวนมหาศาลก็พุ่งความสนใจไปที่เขาเช่นกันลานกว้างก่อนถึงชายปาเต็มไปด้วยความโกลาหล!
ขณะที่เยี่ยฉวนวิ่งเข้าหาบรรดาอสรพิษครึ่งคน มือข้างหนึ่งก็หยิบเอาก้อนผลึกมนุษย์สีฟ้าออกจากอกเสื้อเพื่อล่ออสูรหินตนอื่น
เหตุใดเขาจึงเอาชีวิตตนเข้าเสี่ยงถึงเพียงนี้?!
เพื่อช่วยนางกระนั้นหรือ?!
ฝีเท้าของนางชะงักชั่วครู่ จากนั้นจึงหันกลับและออกวิ่งไปด้านหน้าสู่พื้นราบกว้างใหญ่โดยไม่คิดชีวิต ด้านหลังไม่มีอสูรหินตนใดติดตามมาแล้ว ส่วนหนาซาน หนาสุ่ย พี่ใหญ่ลู่และหลิวหงผู้ลังเลในตอนแรกเผชิญเคราะห์ร้ายเข้าเสียแล้ว รอบกายของพวกเขารายล้อมไปด้วยอสูรหินยักษ์!
ด้านหลังฝูงอสรพิษครึ่งคน…มังกรตัวเล็กสีขาวบริสุทธิ์ความยาวจรดหางสามเมตรปรากฏกายขึ้น กระดูกสันหลังแหลมคมที่เด่นชัดบ่งบอกว่ามันเพิ่งถือกําเนิดเมื่อไม่นานมานี้ แต่เทียบกับอสูรหินตัวอื่นๆ มันมีอํานาจสั่งการสูงสุด ทันใดนั้นมันชูคอสูงพลางแผดเสียงคํารามดังกัมปนาท อสูรหินที่ก้าวเดินอย่างไร้ระเบียบพลันแยกตัวอ อกเป็นสองกลุ่มกลุ่มหนึ่งพุ่งตรงเข้าหาเยี่ยฉวนอีกกลุ่มกรูเข้าปิดล้อมพ์ใหญ่ลู่และคนอื่นๆ ไว้
“ขอให้เจ้าประสบแต่ความโชคดีสาวน้อยของข้า หากยังพอมีวาสนาเราสองคงได้พบกัน!”
เสียงของเยี่ยฉวนดังกังวานขึ้นอีกครั้งในจิตใจของโท่วปาเซียงเนียว กระดูกทั่วร่างกายของเขาลั่นเสียงดังจนสั่นสะท้านขณะก้าวเดินไปด้านหน้าพร้อมปล่อยพลังปราณแปรปรวนมหาศาล ยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งห้าปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาในที่สุด
แม้รอบกายรายล้อมไปด้วยอสูรหินจํานวนมาก แต่จิตใจเยี่ยฉวนปราศจากความประหม่าและกระสับกระส่าย ทว่ากลับเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น หลังจากเข้ามาในเขตอาณาจักรสวรรค์นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาตื่นเต้นและกระหายการต่อสู้ถึงเพียงนี้
มังกรปีศาจ!
ตรงหน้าของเขาคือมังกรปีศาจ.อสูรจากโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่ถือกําเนิดขึ้นใหม่!
ชายหนุ่มระบุประเภทของมังกรตัวน้อยได้ทันที่จากเกล็ดสีขาวบริสุทธิ์ราวหยกล้ําค่า การคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้เมื่อเห็นตราสัญลักษณ์บนโลงศพหินโบราณถูกต้อง สถานที่แห่งนี้คือถิ่นฐานแห่งมังกรปีศาจในตํานานที่แท้จริง! หากเขาสามารถสังหารมันสําเร็จอาจทําให้ได้รับมรดกบางอย่างจากอาณาจักรสวรรค์ และทําให้เข้า ล่วงรู้ความเร้นลับของโลกเหนือแดนสวรรค์เพิ่มขึ้น!
คอมเม้นต์