Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 212 หัวใจนางมารร้าย

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 212 หัวใจนางมารร้าย อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 212 หัวใจนางมารร้าย

 

ฝูงชนที่ยืนอยู่บริเวณชายปาหินเผยสีหน้าหลากอารมณ์

 

การที่โท่วปาเซียงเนียวปราดเข้าไปปกป้องเยี่ยฉวนอย่างเร่งร้อนเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคน อีกทั้งคํากล่าวของนางยังสร้างความตื่นตระหนกยิ่งประกอบกับประโยคถัดมาของเยี่ยฉวนทําให้ผู้ที่ได้ยินถึงกับตะลึงงัน

 

คนหนึ่งประกาศว่าตนจะไม่ตบแต่งกับชายอื่น ส่วนอีกคนประกาศว่าตนจะรับผิดชอบเรื่องอย่างว่าที่เกิดขึ้นช่างสอดคล้องกันเสียจริง!

 

บุคคลทั้งสองมาจากสองสํานักที่เป็นปรปักษ์ต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ฝ่ายหญิงคือบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าสํานักเครื่องนิล ส่วนฝ่ายชายมีฐานะเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นมายาวนานแล้วเหตุใดทั้งคู่จึงตกลงปลงใจกันเช่นนี้?!

 

โท่วปาเซียงโกรธจัดจนแทบกระอักเลือด จูชื่อเจียที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนเผยสีหน้าขุ่นเคืองและผิดหวังตอนนี้นางไม่ต้องการเห็นหน้าเยี่ยฉวนอีกต่อไป

 

ที่ตลาดมืด…เขาทําท่าทางเจ้าชู้กับหลิวหงผู้พร้อมหว่านเสน่ห์ตลอดเวลา ที่สํานักอสูรเมฆาเขาลักลอบติดต่อกับสตรีพรหมจรรย์ ครั้นเข้ามาในเขตอาณาจักรสวรรค์ยังอยู่กับโท่วปาเซียงเนียวสองต่อสอง ซ้ําร้ายเขายังประกาศก้องต่อหน้าทุกคนว่าระหว่างเขาและนางมีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้น!

 

“ไอ้คนฉาวโฉ่! รอกลับไปที่สํานักหมอกเมฆาก่อนเกิด ข้าจะชําระความกับเจ้า!”

 

จซื้อเจียขบกรามแน่นเพื่อข่มกลั้นโทสะ ถึงกระนั้นภายในช่องปากยังมีรสขมที่ไม่จางไปโดยง่ายนางตระหนักดีว่าในสถานการณ์ที่โท่วปาเชียงจอมเอาแต่ใจกําลังโกรธแค้นเช่นนี้ไม่ใช่เวลาที่นางควรชําระความกับเยียฉวน

 

สีหน้าของศิษย์สํานักเครื่องนิลค่อนข้างอึดอัดด้วยรู้สึกว่าการชี้ปลายดาบไปทางเยี่ยฉวนเริ่มไม่สุภาพนักแม้เยี่ยฉวนจะเคยเป็นและยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของสํานักเครื่องนิลทว่าสถานะของเขาตอนนี้ค่อนข้างคลุมเครือและอธิบายได้ยากยิ่ง

 

คุณหนูโท่วปาเซียงเนียวประกาศเจตนารมณ์ของตนชัดเจน ไม่แน่ว่าในอนาคตนางอาจตบแต่งเข้าสํานักหมอกเมฆาในฐานะภรรยาของเยี่ยฉวน และเมื่อถึงเวลานั้นชายหนุ่มจะมีฐานะเป็นบุตรเขยของเจ้าสํานักโท่วปาเชียงทันทีหากพวกเขาชักอาวุธเล็งไปที่เยี่ยฉวนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าจะไม่ถือ เป็นการตัดอนาคตของตนเองหรืออย่างไร?!

 

ไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้ทรงอิทธิพลนัก! เพียงเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบด้วยแผนการอันแยบยลเจ้าสํานักโท่วปาเชียงก็จัดการกับเขาไม่สําเร็จ

 

แผนการเช่นนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้เตาหลอมระดับสวรรค์เป็นอาวุธสังหารเสียอีก!

 

บรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลจึงมองหน้ากันด้วยความตระหนกระคนสับสน ในที่สุดจึงยอมลดอาวุธลงแต่โดยดี

 

บรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาตอบสนองต่อเหตุการณ์ช้ากว่า ครั้นเห็นฝ่ายตรงข้ามลดอาวุธลงถึงพากันผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก โดยเฉพาะเจ้าอ้วนจ้าวต้าจ่อที่เผยสีหน้าปิติยินดีอย่างออกนอกหน้า ตอนนี้เขารู้สึกเลื่อมใสในตัวศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนจนเกินพรรณนา

 

เจ้าอ้วนยิ้มแย้มแจ่มใส ทว่าภายนอกวงล้อมของฝูงชนบริเวณแท่นหินที่ตั้งอยู่ในหมอกทึบสตรีนางหนึ่งซึ่งสวมกระโปรงสั้นกุดทั้งยังขาดวิ่นจนไม่น่ามองกลับเผยสีหน้าคล้ําเข้มราวสูญเสียบุพกา

 

หลิวหงที่ตอนแรกหลบหนีไปด้วยความอับอายลอบย้อนกลับมาอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นโท่วปาเซียงนําทัพศิษย์สํานักเครื่องนิลออกมาจากหมอกหนาทึบและออกคําสั่งกวาดล้างคนของสํานักหมอกเมฆาทั้งหมด นางรู้สึกเปรมปรีดิ์เสียยิ่งกว่าใคร แม้นางไม่สามารถสังหารเยียฉวนด้วยตนเองแต่การได้เห็นเขาถูกผู้อื่นสังหารต่อหน้าต่อตาก็เป็นที่น่าพึงใจไม่แพ้กันทว่าความสุขก่อตัวได้ไม่นานนักเมื่อท้ายที่สุดโท่วปาเซียงจัดการเขาไม่สําเร็จ!

 

หญิงสาวขบกรามแน่น ตอนนี้บุคคลที่นางเกลียดชังไม่ใช่เยี่ยฉวนเพียงคนเดียว…ยังเคียดแค้นชิงชังไปถึงโท่วปาเซียงเพียวอีกด้วย! ช่วงเวลาคับขันเช่นเมื่อครู่หากนางไม่ปราดเข้าไปขวางชายหนุ่มคงถูกนั่นจนกลายเป็นชิ้นเนื้อไปแล้ว!

 

“ พวกโสเภณีน่ารังเกียจ! คิดหรือว่ารวมหัวกันพูดปดเช่นนี้จะหลีกเลี่ยงความตายได้!?”

 

หลิวหงสบถสาปแช่งอย่างหยาบคายด้วยท่าที่โกรธจัดขณะก้าวไปด้านหน้า

 

ทันทีที่เยี่ยฉวนซึ่งยืนอยู่ที่เดิมเหลือบไปเห็นร่างของหลิวหงที่เดินใกล้เข้ามา สายตาแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นหมื่นแสง รอยยิ้มเย้ยหยันพลันหุบลงโดยกะทันหัน

 

ไม่ดีแล้ว…เหตุใดนางมารร้ายผู้นี้จึงย้อนกลับมา?!

 

ชายหนุ่มเริ่มตระหนักถึงสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายลงทันที โท่วปาเซียงเพิ่งเดินทางมาถึงจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เยี่ยฉวนกล่าวนั้นจริงหรือเท็จ ทว่าหลิวหงคือผู้ที่รู้เห็นทุกสิ่งอย่างกระจ่างหากนางเปิดโปงเขาต่อหน้าสาธารณชนขึ้นมาเขาจะตกที่นั่งลําบากโดยสมบูรณ์ความโกรธแค้นของเจ้าส์นักชราจะปะทุขึ้นอีกครั้งจนเข่นฆ่าทุกคนอย่างไร้สํานึก!

 

“คุณชายเยี่ย…หลิวหงมาถึงที่นี่แล้ว เราควรทําเช่นไรดี?!” โท่วปาเซียงเพียวกระซิบเสียงแผ่วข้างหูเยี่ยฉวนหัวใจของนางเต้นแรงราวกวางกระโดด

 

ครู่นี้นางยังมีท่าทีเขินอายจนใบหูซับสีแดงเมื่อได้ยินคํากล่าวอ้างของเยี่ยฉวนจึงคอยรักษาระยะห่างแต่ไม่กี่เสี้ยววินาทีต่อมาที่หันไปเห็นหลิวหงความรู้สึกวิตกกังวลและกระสับกระส่ายกลับก่อตัวขึ้นอย่างยากจะบรรเทา

 

“อย่ากลัวไป.ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”

 

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนเหยียดแขนออกพลางรวบเอวบางของหญิงสาวให้เข้ามาใกล้ก่อนสวมกอดจากด้านหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทําให้โท่วปาเซียงเนียวตื่นตระหนกและอับอาย จนใบหน้าแดงก่ํา แต่แล้วจึงพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อได้ยินคําของเขา “อย่าขยับ เซียงเนียว หากเจ้าไม่ยอมเก็บอาการทุกอย่างจะไม่แนบเนียนจนเป็นที่สังเกต!”

 

โท่วปาเซียงเนียวหยุดสะบัดตัวจากอ้อมแขนของเขาทันที จากนั้นจึงพิงศีรษะของตนลงบนไหล่ข้างหนึ่งของเยี่ยฉวนอย่างช้าๆ ท่าทีที่แสดงออกนั้นอ่อนหวานไม่ต่างอันใดไปจากหญิงสาวแรกรักทว่าความเป็นจริงนางรู้สึกละอายเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับผู้อื่น

 

ภาพบาดตาตรงหน้ากระตุ้นความไม่สบอารมณ์ของโท่วปาเซียงจนริมฝีปากสั่นระริกการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความรักของโท่วปาเซียงเพียวซึ่งเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวทําให้เขาโกรธจัดจนอยากสังหารใครสักคนเพื่อระบายความอัดอั้นนี้ แต่แขนและขาทั้งสองข้างกลับปราศจากกําลังวังชา จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคับแค้นและสับสน

 

“ท่านเจ้าสํานัก สังหารมันเสีย! มัวนิ่งเฉยด้วยเหตุใดเล่า?!”

 

หลิวหงก้าวเท้าเร็วๆ แหวกวงล้อมของฝูงชนเข้าไปภายในก่อนกล่าวต่อ “หลังจากเข้ามาในเขตอาณาจักรสวรรค์ ข้าพบเข้ากับเยี่ยฉวนและโท่วปาเซียงเนียวโดยบังเอิญทั้งยังมีหนาซานหนาสยศิษย์สํานักเบญจลักษณ์และผู้ฝึกตนไร้สังกัดนามลู่หยิงกุยอีกคนหนึ่งพวกเราทั้งหกร่วมมือกันฝ่าฟันภยันตรายในปาหมื่นอสูรเพื่อหาทางออกท้ายที่สุดมีเพียงสามคนที่รอดชีวิต ตลอดระยะทางเยียฉวนมีโอกาสช่วยเหลือโท่วปาเซียงเพียวไว้เพียงครั้งเดียวแต่นั้นเป็นการช่วยเหลือในฐานะสหายร่วมเดินทางที่ลงเรือลําเดียวกันเท่านั้น สถานการณ์คับขันเช่นนั้นข้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าพวกเขาสองคนมีเวลาทําเรื่องอย่างว่าได้อย่างไรภายในปามีอสูรหินดุร้ายนับไม่ถ้วนวิ่งพล่านอยู่ทุกหนแห่งหนําซ้ําพวกเราใช้เวลาอยู่ในนั้นเพียงเกือบสองวัน ต่อให้กิ่งไม้แห้งอยู่ใกล้ไฟที่แผด เผา… แต่ด้วยเวลาอันกระชั้นชิดและบรรยากาศพิลึกเหล่านั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะมี สัมพันธ์ลึกซึ้ง!”

 

*กิ่งไม้แห้งอยู่ใกล้ไฟที่แผดเผา = ชายหญิงอยู่ใกล้ชิดกันจนเกิดความรักใคร่อย่างร้อนแรง

 

จริงดังที่เยี่ยฉวนคาดการณ์ หลิวหงจงใจเปิดโปงความเท็จระหว่างเขาและโท่วปาเซียงเนียวด้วยเจตนาร้าย

 

ปฏิกิริยาของบรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลเปลี่ยนแปลงทันที พวกเขายกอาวุธสังหารเล็งไปทางเยี่ยฉวนอีกครั้ง ส่วนบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆากลับมืดหม่นลงอีกคราด้วยความวิตก

 

หลิวหงเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีละฉากอย่างน่าเชื่อถือ หากสิ่งที่นางกล่าวมาเป็นเรื่องจริงการสังหารหมู่ย่อมเกิดขึ้นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง ในเมื่อโท่วปาเซียงเพียวไม่ได้ตกหลุมรักเยี่ยฉวนจากใจจริงทว่าออกตัวปกป้องเพราะหนี้บุญคุณที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้ดังนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ควรเกินเลยไปมากกว่านี้โท่วปาเซียงสามารถก่อสงครามได้โดยไม่มีเหตุผลให้ตัดสินใจลําบากอีกต่อไปยิ่งเหตุการณ์พลิกผันเช่นนี้แน่นอนว่าความโกรธแค้นย่อมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

 

จ้าวต้าจ่อที่ยิ้มยินดีในตอนแรกแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดด้วยรู้สึกประหม่ายิ่งจูซื้อเจียก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน ถึงกระนั้นจิตใจนางกลับสุขล้น เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วเยี่ยฉวนไม่ได้เด็ดดอกไม้ใบหญ้าความโกรธขึ้งพลันมลายลงทันที ครู่นี้นางด่วนตัดสินเขาพลาดไป

*เด็ดดอกไม้ใบหญ้า = เล่นสนุกกับหญิงอื่น

 

โท่วปาเซียงไม่ปริปากเอ่ยคําใด แต่ดวงตากลับฉายแววเข้มจ้าและแดง…ราวสัตว์ป่ากระหายเลือดลมหายใจของเขากระชั้นขึ้นขณะที่พลังปราณมหาศาลในร่างพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่งจิตสังหารอันรุนแรงปะทุขึ้นอีกครั้ง!

 

“หงหง ข้าตระหนักแล้วว่าก่อนหน้านี้ข้าตัดสินใจพลาดไป ในฐานะหัวหน้ากลุ่มสํารวจป่าหมีนอสูร ข้าไม่ได้มอบกระบี่บินเล่มนั้นให้แก่เจ้า…แต่กลับมอบมันให้เซียงเนียวแทนถึงกระนั้นเจ้าเอง ก็ได้รับเคล็ดวิชาขนปักษาสีครามขั้นเทวาลัยไปฝึกฝนจนบรรลุไม่ใช่รึ?มูลค่าของมันสูงส่งกว่า กระบี่บินเล่มนี้นัก เหตุใดเจ้าจึงยังไม่พึงใจอีกเล่า?!เจ้าชอบข้าก็ถือเป็นสิทธิ์ของเจ้า แต่ข้าก็มีสิทธิ์ เลือกสตรีที่ข้าพึงใจเช่นกันหงหงแท้จริงแล้วเจ้างดงามยิ่งกว่าข้าปักใจในตัวเซียงเนียว ทําให้เจ้าเกลียดข้าทั้งสองคนจนถึงขั้นพล่ามเรื่องไร้สาระเหล่านี้ต้องรอให้ข้าและเซียงเนียวตายตกไปก่อน จึงจะพอใจ? แต่ถ้าเจ้าปรารถนาในกระบี่บินเล่มนี้ก็รับไปเถิดข้ารู้ว่าหากเจ้าชอบสิ่งใดย่อมต้องกา รมันไปครอบครองเอาล่ะเซียงเนียว…ส่งกระบี่บินให้นางเสีย!”

 

เยี่ยฉวนโคลงศีรษะก่อนหันไปขยิบตาให้โท่วปาเซียงเนียว หญิงสาวเข้าใจเจตนาของเขาจึงโยนกระบี่บินสีดําสนิทที่พบในปาหมื่นอสูรไปทางหลิวหงทันที

 

“เยี่ยฉวน เจ้าพูดความเท็จอีกแล้ว! ในปาหมื่นอสูรผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสํารวจคือข้าต่างหาก! ฮ่าๆๆ! คนที่มีทักษะต่ําต้อยเช่นเจ้าน่ะหรือจะมีคุณสมบัติพอดํารงตําแหน่งนั้น?!” หลิวหงระเบิดเสียงหัวเราะร้ายกาจขณะเหยียดหยามอีกฝ่ายไม่หยุดปาก ทว่าไม่นานเสียงหัวเราะกลับหยุดชะงัก 

 

นางตระหนักดีว่าสิ่งที่เยี่ยฉวนกล่าวออกล้วนไม่เป็นความจริง นางเป็นหัวหน้ากลุ่มสํารวจแต่ผู้อื่นจะเชื่อคําพูดของนางหรือไม่?!

 

ฝูงชนทั้งจากสํานักหมอกเมฆาและสํานักเบญจลักษณ์ล้วนเผยสีหน้าเคร่งขรึมด้วยไม่เชื่อคําของนาง ตามหลักแล้วผู้ที่แข็งแกร่งสูงสุดทั้งยังมีความกล้าหาญและไหวพริบเป็นเลิศจะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้า ซึ่งความปราดเปรื่องและทักษะการเอาตัวรอดของเยี่ยฉวนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนนับตั้งแต่การประลองระหว่างสามสํานักส่วนเรื่องความแข็งแกร่งเขาก็แสดงให้เห็นในการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวเมื่อครู่ หมัดหนักๆ เพียงครั้งเดียวกลับสร้างรูโหว่บนหม้อสัมฤทธิ์ของโท่วปาเซียงอย่างน่าอัศจรรย์! หลิวหงที่เป็นเพียงสตรีบอบบางผู้เอาแต่แต่งตัวยั่วยวนฝูงภมรเช่นนี้จะได้รับตําแหน่งหัวหน้าได้อย่างไรกัน?!

 

หญิงสาวขบกรามแน่นเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าตนตกหลุมพรางของเยี่ยฉวนเข้าโดยไม่ทันระวังเวลานี้หากจะกลับคําเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของตัวเองคงเป็นการยากเสียแล้วลมปากของนางช่างไร้ น้ําหนักเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของเขาที่ประจักษ์ต่อสายตาฝูงชน!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด