Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 216 โลกแห่งความว่างเปล่า

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 216 โลกแห่งความว่างเปล่า อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 216 โลกแห่งความว่างเปล่า

 

วูบ… ลมกระโชกแรงที่พัดออกมาจากภายในวังรองส่งเสียงดังกัมปนาท

เสียงนั้นฟังคล้ายกับเสียงเห่าหอนของหมาป่าและเสียงโหยหวนของดวง วิญญาณที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ได้ยินขนพองสยองเกล้าด้วยความหวาดกลัวยิ่งประหนึ่งดวงจิตจะโบยบินออกจากร่าง

ดวงจิตของเยี่ยฉวนกระเด็นกลับด้วยความเร็วสูงไปยังทิศทางที่กายหยาบนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งออกไปสํารวจก็ถูกแรงผลักมหาศาลส่งกลับมาเช่นกัน

 

“ระวัง! ตั้งแนวรับปราณกระบี่หมอกเมฆา!”

 

จูชื่อเจียตะโกนออกคําสั่งอย่างรวดเร็ว บรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลรับคําสั่งก่อนชักอาวุธออกมาโดยพร้อมเพรียงคมกระบี่ในมือวางทับซ้อนกันอย่า งมีแบบแผนจากนั้นปราณกระบี่อันทรงพลังจึงพุ่งออกไปด้านหน้าขณะที่ พวกเขาเหวี่ยงมันไปทางกระแสลมร้ายที่ไล่ตามดวงจิตของเยี่ยฉวนอย่างไม่ ลดละ

จูซื้อเจียผู้รับหน้าที่คุ้มกันเยี่ยฉวนตัดสินใจอย่างเฉียบขาดขณะสั่งให้บร รดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาจัดกระบวนปราณกระบี่เพื่อทําการโจมตีตอบโต้

 

วูบ..

 

เสียงหวีดหวิวคล้ายคนร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วบริเวณอีกครั้งกระแสลมร้ายที่พุ่งออกจากวังรองกระเพื่อมโดยแรงก่อนบิดเบี้ยวและควบแน่นจนเห็นเป็นรูปวิญญาณปีศาจความสูงเกือบหนึ่งร้อยเมตรเลือนรางปากขอ งมันอ้ากว้างมือข้างหนึ่งถือหอกสองง่ามแหลมคมรูปแบบการปรากฏตัวขอ งมันดูคล้ายเคล็ดวิชาชาติวายุของอาวุโสเฟิงเหรินทว่าน่ากลัวกว่าหลายเท่า!

 

วิญญาณปีศาจเหวี่ยงหอกสองง่ามอย่างไร้ทิศทางเพื่อปัดป้องการโจมตี จากเหล่าศิษย์สํานักหมอกเมฆา ทว่าพลังของปราณกระบี่หมอกเมฆาแข็งแก ร่งกว่า พวกเขาตรึงกําลังไว้จนร่างสั่นสะท้านและหน้าซีดเผือดไม่นานนัก วิญญาณปีศาจจึงหดตัวลงเพราะสูญเสียพลังไปมากถึงกระนั้นก็ยังพยายาม กลืนกินดวงจิตของเยี่ยฉวนอย่างต่อเนื่อง

 

ทันใดนั้นโคมบงกชสีครามที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยฉวนพลันเปล่ง แสงสีฟ้าเจิดจ้าทั้งยังแผ่ครอบคลุมทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เคียงในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร ราวจะคุ้มกันให้พ้นภัย

 

บรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่อยู่ภายใต้แสงสว่างสีฟ้ารู้สึกอบอุ่นขึ้นทัน ใดกระแสพลังปราณอุ่นๆไหลซึมเข้าสู่ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเชื่องช้า ทําให้ดวงจิตที่อ่อนแอถูกเยียวยาอย่างรวดเร็วส่วนวิญญาณปีศาจร้องค รวญครางอย่างเจ็บแสบเมื่อสัมผัสถูกแสงสีฟ้าควันสีดําสนิทลอยคลุ้งออกมา ไม่หยุดหย่อนขณะที่ร่างของมันหดตัวลงเรื่อยๆครั้นมันทิ้งระยะห่างจากดวงจิตของเยี่ยฉวนเพียงก้าวเดียวมันก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงเสียงโหยหวนอันน่าสยดสยองที่ลอยมาตามสายลมเท่านั้น

 

ตอนนี้ดวงจิตและกายหยาบของเยี่ยฉวนหลอมรวมเป็นหนึ่งแล้วทว่าใบ หน้ากลับซีดเซียวไร้เลือดฝาดเนื่องจากนั่งขัดสมาธิบนพื้นเป็นเวลานาน แต่เมื่อแสงสีฟ้าจากโคมบงกชสีครามโอบล้อมอาการของเขาจึงค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ

 

“ศิษย์พี่ใหญ่! ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” จูซื้อเจียเอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย

 

“ข้าปลอดภัยดี อย่าได้กังวล”

 

เยี่ยฉวนส่ายหน้าพลางเก็บโคมบงกชสีครามเข้าที่บาดแผลทั้งทางกาย และทางจิตวิญญาณได้รับการฟื้นฟูจนหายเป็นปลิดทิ้งถึงกระนั้นภาพภายในวังรองที่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ประสบมาเมื่อครู่ยังติดตา

 

“ภายในวังรองมีอะไรหรือ?” จูชื่อเจียเอ่ยถามอีกครั้งบรรดาศิษย์จับจ้องไปในทางเดียวกันด้วยหวาดผวาในสิ่งที่มองไม่เห็น

 

ก่อนหน้านี้เขาเฝ้ามองศิษย์สํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์เดิน หายลับเข้าไปในวังรองทีละคนในใจนึกอยากเดินติดตามเข้าไปบ้าง แต่หลังจากเผชิญหน้ากับกระแสลมร้ายของวิญญาณปีศาจ พวกเขาก็ล้มเลิกความตั้งใจนั้น

 

“กระดานหมากรุก มีค่ายกลหมากรุกขนาดใหญ่อยู่ด้านในที่พวกเรา ต้องลงเล่นทว่าก่อนเข้าไปถึงจุดนั้นจะถูกชั้นบรรยากาศอันตรายดึงดูดเช่น เดียวกับทางเข้าโลงศพหินหากเดินอย่างประมาทเพียงก้าวเดียวอาจถูกมันพาไปยังโลกลี้ลับหรืออาจถูกมันฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆจนเหลือเพียงความว่างเปล่า!” เยี่ยฉวนกล่าวตอบ

 

ศิษย์สํานักหมอกเมฆาเกือบร้อยคนซึ่งจัดกระบวนปราณกระบีโดยพร้อม เพรียงเผยสีหน้าแปลกแปร่ง

 

หมอกสีหนาหนาทึบในระยะไกลหยุดการเคลื่อนไหว ผ่านมาหนึ่งชั่วยา มนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็ไม่มีผู้ใดปรากฏตัวขึ้นเพิ่มเติม ตอนนี้พวกเขาสามารถ เข้าไปในวังรองด้วยตนเองได้แล้ว ทว่าพวกเขากลับมองหน้ากันด้วยท่าที กล้าๆกลัวๆ หลายคนมีความคิดที่จะถอยกลับ

 

“ทุกคนล้วนมีโอกาสแสวงหาโชคลาภ แม้ข้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่สามารถบังคับพวกเจ้าได้ดังนั้นผู้มีความกล้าที่จะเข้าไปสํารวจภายในจงติดตามข้ามาส่วนผู้ที่ยังไม่กล้าจงหันหลังกลับและหาทางออกจากอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้เสีย!”

 

เยี่ยฉวนออกคําสั่งด้วยน้ําเสียงทุ่มต่ําขณะลุกขึ้นยืนก่อนก้าวยาวๆเข้าไป ภายในวังรองแห่งพระราชวังจ้าวเทียนทันที

 

จูซื้อเจียและบรรดาศิษย์ประมาณยี่สิบคนติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิดจ้าว ต้าจ่อยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งอย่างชั่งใจจากนั้นจึงตัดสินใจเดินตามไปอย่างเหนือ ความคาดหมายของทุกคน

 

เยี่ยฉวนเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจพร้อมหันมามองและเอ่ย ถาม “เจ้าอ้วนเจ้าไม่กลัวตายหรืออย่างไร?”

 

“กลัวสิขอรับ! แต่ต่อให้ภายในวังรองอันตรายเพียงใดการรออยู่ด้านนอกก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน ข้าคิดว่าติดตามศิษย์พี่ใหญ่คงเป็นการดีกว่า!”จ้าวต้า อกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมาจนทุกคนที่ได้ยินแทบลมจับเจ้าอ้วนผู้นี้ เจ้าเล่ห์เสียจริง เมื่อเห็นต้นขาของเยี่ยฉวนใหญ่กว่าคนทั่วไปจึงกอดไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย

 

“อืม! ความคิดไม่เลว! แต่ข้าเกรงว่าหากเจ้าเดินรั้งท้ายอาจตามไม่ทันอีก ทั้งข้ากําลังมองหาคนที่จะเดินนําเข้าไปภายในวังรองพอดีเจ้ามาก็ดีแล้ว ช่างเหมาะสมกับตําแหน่งนั้นเสียจริง!” เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปาก

 

“ศิษย์พี่ใหญ่อย่าล้อข้าเล่นเช่นนี่สิขอรับ!”

 

ร่างอ้วนสั้นเพิ่มจนไขมันกระเพื่อม

 

“ข้าล้อเจ้าเล่นเสียที่ไหนกัน! ไปเถิดเจ้าอ้วน เดินนําหน้าเพื่อสํารวจทาง ส่วนคนอื่นๆ เดินตามหลังข้าจับมือกันไว้ให้มั่น!”

 

เขาผลักจ้าวต้าจอไปด้านหน้าก่อนเหยียดแขนออกและใช้มือขวาจับมือซ้ายของอีกฝ่าย จากนั้นจึงลดระดับเสียงลง “เจ้าอ้วนอย่ากังวลไปหาก เจ้าพบเจออันตรายเข้าจริงศิษย์พี่จะช่วยให้เจ้ารอดกลับกันหากข้าเดินนําห น้าแล้วพบกับดักเข้าเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดช่วยข้าได้และเราทุกคนจะตายตก โดยไม่มีข้อยกเว้น!”

 

เยี่ยฉวนอธิบายด้วยน้ําเสียงจริงจัง ชัดเจนว่าเขาไม่ได้แกล้งจ้าวต้าจอแต่ ต้องการใครสักคนเดินนําหน้าเพื่อช่วยในการสํารวจทางครั้งนี้

 

ทันใดนั้นจูซื้อเจียและคนอื่นๆ จึงจับมือกันแน่นและเรียงแถวเป็นแนวยาวต่อหลังกันขณะเดินเข้าไปภายในโดยมีเจ้าอ้วนผู้ขี้ขลาดนําหน้า

 

“เหตุใดผู้ที่โชคร้ายจึงเป็นข้าทุกที!?”

 

เจ้าอ้วนตัดพ้อในชะตากรรมของตนอย่างโศกเศร้าร่างของเขาสั่นสะท้าน ไม่หยุดหย่อน แข้งขาอ่อนเปลี้ยแทบไร้เรี่ยวแรงเดินอย่ากล่าวว่าเขาเป็นผู้นํา ขบวนสํารวจเลย…เรียกว่าถูกศิษย์พี่ใหญ่ผลักให้ขึ้นนําหน้าคงเหมาะสมกว่า 3

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

หมอกสีเทาที่ลอยปกคลุมเหนือพระราชวังเริ่มเบาบางลงเผยให้เห็นสถา ปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตาของตัวพระราชวังถึงกระนั้นแสงสว่างจากดว งอาทิตย์ก็ไม่สามารถส่องเข้ามาภายในวังรองอันมืดสนิทนี้ได้ ประหนึ่งปาก ของยักษ์กินคนที่เข้าไปภายในแล้วไม่อาจกลับออกมาได้ตลอดกาล

 

กลุ่มคนที่จับมือเรียงแถวเดินมาจนถึงหน้าประตูวัง ฝีเท้าของทุกคนหยุดชะงักชั่วครู่ขณะกวาดสายตาสํารวจขึ้นลงอย่างระมัดระวัง

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะเดินเข้าไปแล้ว จับข้าแน่นๆ นะขอรับ!”

 

จ้าวต้าจอหลับตาปีไม่กล้ามองรูปปั้นอสรพิษครึ่งคนที่เฝ้าอยู่สองฝั่งของ ประตูวัง ขาสั่นจนไม่กล้าก้าวเข้าไปภายในเสียทีครั้นเยี่ยฉวนบีบมือกระ ตุ้นเตือนอีกครั้งเขาจึงรวบรวมความกล้าอย่างเต็มเปี่ยมพร้อมสูดลมหายใจ กก่อนเดินเข้าไปครู่เดียวขบวนสํานักหมอกเมฆาที่จับมือกันจึงหายลับเข้า ประตูวังไป

 

ทันทีที่เข้ามาด้านใน ความรู้สึกประหลาดพลันก่อตัวขึ้นในใจของทุกคน

 

ประตูเข้าวังเสมือนเครื่องคั่นกลางระหว่างโลกสองใบครั้นก้าวผ่านเข้าไป ทุกสรรพเสียงภายนอกกลับเงียบกริบบรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยหมอก สีเทาซึ่งปกคลุมไปทั่วบริเวณทัศนวิสัยด้านหน้าถูกหมอกหนาทึบบดบังจน หนทางเลือนรางอากาศบิดตัวเป็นคลื่นด้วยกระแสลมที่หมุนวนอยู่รอบกาย นอกจากนี้ยังมีฟองสบู่ขนาดใหญ่จํานวนมากผุดขึ้นจากใต้ดินพวกมันเปล่ง แสงสีรุ้งจางๆทําให้สถานที่แห่งนี้ดูงดงามราวโลกใต้ผืนมหาสมุทรในเทพนิยาย

 

บรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาเงยหน้ามองฟองสบู่เหล่านั้นด้วยตะลึงในค วามงาม ผู้ที่เดินอยู่ท้ายขบวนยื่นมืออีกข้างออกไปสัมผัสพื้นผิวของมันอย่าง หลงใหลเป๋าะ! ทันใดนั้นฟองสบู่กลับแตกกระจายพร้อมกับร่างของเขาที่สั่นสะท้านเมื่อฟองสบู่ที่แตกค่อยๆขยายตัวและครอบลงบนตัวเขา จากนั้นจึงกระชากให้หายวับไปทันที่ท่ามกลางเสียงอุทานอย่างตระหนกของมิตรสหาย

 

“ระวัง! นี่ไม่ใช่ฟองสบู่แต่เป็นโลกแห่งความว่างเปล่า หากเผลอสัมผัสจน ถูกมันกลืนกินเราอาจติดอยู่จนไม่สามารถหาทางออกได้”

 

เสียงเตือนของศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนดังกังวานอยู่ในโสตประสาทของทุกค นอย่างแจ่มชัด!

 

ครู่นี้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเยี่ยฉวนสัมผัสสถานการณ์ภายในห้องโถงของวังรองได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเมื่อเข้ามาด้านในและประสบพลังร้า ยกาจของฟองสบู่เหล่านี้กับตาหนังศีรษะก็คันยุบยิบขึ้นมาทันใดมือขวาส ลัดออกจากมือของจ้าวต้าลื่อมาจับบริเวณไหล่แทนส่วนมือซ้ายกุมมือน้อยๆของจูซื้อเจียไว้แน่นด้วยเกรงว่าทั้งสองจะหายวับไปต่อหน้าต่อตา!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด