Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 223 คุณชายจุยเฟิง
บทที่ 223 คุณชายจุยเฟิง
แท่นบูชาโบราณที่ตั้งอยู่สุดห้องโถงสูงขึ้นเรื่อยๆอักขระโบราณที่ทําจากหินก้อนใหญ่ส่อง ประกายเตะตาผู้คน กระแสพลังงานที่ไม่อาจบรรยายเข้าปกคลุมท้องฟ้าและกระจายเสียงของ ฝูงชนราวกับดังแว่วมาจากที่ไกลๆให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่ใต้ผืนน้ําที่มองไม่เห็น
โลงศพหินยังคงถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทว่าแสงเรืองรองสีขาวค่อยๆ ปรากฏขึ้นภายใต้ม่านหมอกสีเทาราวกับว่าสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ภายในกําลังจะเผยออกมา
4ผู้คนในห้องโถงใหญ่พากันรุมล้อมรอบแท่นหินและจ้องมองด้วยสายตากระหายอยากพวกเขารู้ดีว่าอาณาเขตป้องกันของโลงศพหินนี้ย่อมฝ่าไปไม่ง่ายแต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดอยากยอมแพ้
มรดกแห่งอาณาจักรสวรรค์อยู่ตรงหน้าแล้ว!
หลังผ่านการนองเลือด การเข่นฆ่า และซากศพกองพะเนินนับไม่ถ้วนทั้งยังเอาชีวิตแทบไม่รอด ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับขุมทรัพย์ที่แท้จริงมาถึงจุดนี้จะมีผู้ใดอยากยอมแพ้เล่า?
โท่วป่าเซียงหายใจหนักหน่วงขณะที่อาวุโสเฟิงเหรินแห่งสํานักเบญจลักษณ์เตรียมลงมือ เขาโยกกายซ้ายขวาอย่างต่อเนื่องพร้อมพลังงานที่พุ่งสูงราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยอดฝีมือทุก คนในห้องโถงกระชับอาวุธสังหารพร้อมเคลื่อนไหวทว่ากลับไม่มีผู้ใดพุ่งไปข้างหน้าแม้จะผ่านไปครู่ใหญ่
ถึงจะต้องการสมบัติในโลงหินมากเพียงใดก็ไม่มีผู้ใดโง่เขลาพวกเขาต่างเฝ้ารอให้ใครสักคน ก้าวไปข้างหน้าเพื่อสลายหมอกพิษอันน่าสะพรึงกลัว
ไม่มีผู้ใดในห้องโถงยอมขยับเขยื้อนต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างระแวดระวังและตื่นตัวเมื่อ สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น
บรรยากาศอันตรายเข้าปกคลุมทั่วห้องโถงเช่นเดียวกับบนกระดานหมากราชาปีศาจ เพียงแต่อันตรายใหญ่หลวงในครั้งนี้ไม่ได้มาจากอาณาเขตป้องกันของอาณาจักรสวรรค์หากแต่มาจากตัว พวกเขาเอง หรือนี่จะเป็นกลไกการป้องกัน กชั้นหนึ่ง… ผู้สร้างอาณาจักรสวรรค์อาจคาดการณ์ไว้แล้วว่าผู้บุกรุกในรุ่นต่อๆ มาจะฆ่า ฟันกันเองเพื่อแย่งชิงสมบัติ
ทุกคนค่อยๆ เคลื่อนที่เข้าล้อมรอบแท่นบูชา เยี่ยฉวนและพรรคพวกที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งจึงโดดเด่นขึ้นมาเป็นพิเศษ
แววตาของหลิวหงทอประกายมุ่งร้าย นางปราย ตามองเยี่ยฉวนพลางยกยิ้มมุมปาก “เอ๊ะ คุณชายเยี่ย… ไม่คิดว่าจะได้พบท่านที่นี่”
“ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้พบเจ้าเช่นกันหงหง ยินดีด้ วยที่ได้ต้นขาใหม่มากอด”
เยี่ยฉวนสงบนิ่ง เขาไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับ หลิวหงมากนักแต่ก็ไม่กลัวนางเช่นกัน ชายหนุ่มเพียงแค่ถอนหายใจก่อนกล่าวต่อ “โบราณว่า คลื่นลูกหลังย่อมกระทบคลื่นลูกหน้าและคลื่นลูกหน้าจะได้ซัดเข้าชายฝั่ง คนเราก็มักจะได้หน้า แล้วลืมหลังเช่นกัน… ได้ต้นขาใหม่แล้วก็ลืมต้นขาเก่าที่เคยกอดมาหลายปีจนหมดสิ้นเฮ้อ…”
เหล่ายอดฝีมือที่กลุ้มรุมอยู่รอบแท่นบูชาเผย สีหน้าประหลาด บางคนถึงกับหัวเราะคิกคักออก มาอย่างอดไม่ได้หลิวหงตามรังควานชายหนุ่ม ในชุดคลุมสีม่วงไม่หยุดหย่อน นางเอาแต่หัวเราะ อย่างอ่อนหวานและเอนกายซบอีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้งซึ่งไม่ต่างอะไรกับการกอดต้นขา
“ไอ้สารเลว เจ้า…”
หลิวหงที่ไม่เคยสนใจเสียงวิจารณ์ของผู้อื่น เริ่มหมดความอดทนและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วย ความชิงชังเยี่ยฉวนไม่ได้เอ่ยคําสาปแช่งใดแต่ คําพูดของเขากลับเหลือทนยิ่งกว่าการถูกก่นด่าเสียอีกต้นขาใหม่ต้นขาเก่าอะไรกัน?! พูดจาราว กับว่าเขาและนางมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมานานหลายปีและตอนนี้นางกําลังทําตัวสําส่อนอย่างไรอย่างนั้น!
หลิวหงที่โกรธจัดกําลังจะยกกระบี่บินขึ้นฟาด ฟันด้วยจิตสังหาร ทว่าเหลือบไปเห็นสายตาของชายหนุ่มชุดม่วงที่มองมาเสียก่อนจึงต้องแสร้งทําเป็นเปราะบางพลางบีบน้ําตา “คุณชายเยี่ยท่านจะรังแกข้าเกินไปแล้วศิษย์พี่ใหญ่ผู้ทรงเกียรติแห่งสํานักหมอกเมฆาฉวยโอกาสข่มเหงข้ายามที่ท่านพ่อติดอยู่ในอาณาจักรสวรรค์โดยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเช่นนี้หรือ?”
นี้! นางมารร้าย… เชิญเจ้าเสแสร้งให้พอใจ!”
เยี่ยฉวนเย้ยหยัน เขามองหลิวหงทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แวบแรก นางกําลังพยายามยืมมือผู้อื่นเพื่อ สังหารเขา แน่นอนว่าชายหนุ่มชุดคลุมสีม่วงข้างกายกล่าวออกด้วยน้ําเสียงเย็นเยียบ “ไอ้หนู ตบตีตัวเองสามร้อยครั้งและขอโทษแม่นางหลิวแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปไม่เช่นนั้น…”
สายตาของชายหนุ่มชุดม่วงฉายแววเหยียด หยามเมื่อมั่นใจแล้วว่าเยี่ยฉวนอยู่เพียงขั้นซิวฉือ ระดับห้าเขารู้สึกว่าการลดตัวลงไปสู้กับเยี่ยฉวนเป็นการหมิ่นเกียรติตนเองอย่างมากและ ไม่มีค่าพอเป็นคู่สนทนาเสียด้วยซ้ํา
“ไม่เช่นนั้นจะทําไม?” เยี่ยฉวนถามด้วยรอยยิ้ม ยียวน
“ไม่ยาก หากเจ้าอยากตายนักข้าจะทําให้เจ้า ได้สมหวัง” สีหน้าของชายหนุ่มชุดคลุมสีม่วงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกพลางแผ่จิตสังหารแรงกล้า
“คุณชายจัยเฟิง ไอ้เด็กเหลือขอนี่เป็นศิษย์พี่ ใหญ่แซ่เยี่ยผู้ทรงเกียรติแห่งสํานักหมอกเมฆา
ท่านจะทําร้ายเขาต่อหน้าธารกํานัลเช่นนี้ไม่ได้นะ เจ้าคะ อย่าลดตัวไปอยู่ระดับเดียวกับเขาและลืมมันไปเสียดีกว่า”
หลิวหงน้ําตาคลอเบ้าราวกับทุกข์ใจแสนสาหัส แลดูน่าสมเพชคําพูดสวยหรูของนางแท้จริงแล้วนั้นอาบไปด้วยยาพิษ“เด็กนี่ทั้งน่ารังเกียจและแข็งกระด้างสมควรถูกโยนเข้าไปในโลงศพหินที่สุด! มาดูกันว่าหลังจากร่างกายของเขาถูกหมอกพิษกัดเซาะถึงกระดูกแล้วจะสํานึกผิดและกลับตัวกลับใจหรือไม่แต่ถ้าหากท่านทําร้ายเขาจะเป็นการเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวหากพลั้งมือสังหารไปคงเป็นเรื่องใหญ่โตไปถึงพวกผู้อาวุโสสํานักหมอกเมฆาแน่คุณชายจุยเฟิงช่างมันเถอะเจ้าค่ะอย่าเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับคนพรรค์นี้เลย”
ปากของหลิวหงบอกให้ช่างมันไปเสียทว่าถ้อยคําของนางกลับแฝงความชั่วร้ายเอาไว้ สีหน้าของยอดฝีมือหลายคนแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินความหมายกํากวมในประโยคเหล่านั้น
คุณชายจัยเฟิงเพียงแค่ต้องการให้เยี่ยฉวนทุบที่ตนเองสามร้อยครั้ง แต่คําพูดของหลิวหงบอกเป็นนัยๆว่าเท่านั้นยังไม่เพียงพอนางต้องการโยนเยี่ยฉวนลงไปในโลงศพหินให้หมอกพิษกัดกร่อนถึงกระดูกช่างร้ายกาจและโหดเหี้ยมเหลือ เกิน! นางเกลียดชังเยี่ยฉวนมากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?!
เยี่ยฉวนไปสังหารบุคคลอันเป็นที่รักหรือข่มขืนนางหรืออย่างไรถึงได้เคียดแค้นจนยืมมือผู้อื่นฆ่าเขาเช่นนี้?
ยอดฝีมือทั้งหมดในห้องโถงที่จ้องโลงศพหินอยู่พร้อมใจกันหันไปมองด้วยความฉงนและประหลาดใจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านได้กระทําเรื่องเลวร้ายเกินอภัยกับนังแพศยาหลิวหงหรือไม่?” จซื้อเจียถามด้วยความสับสนก่อนหน้านี้หลิวหงใช้สารพัดวิธี ล่อลวงเยี่ยฉวนไม่ว่าจะเป็นถ้อยคําหวานซึ้งและการเกี้ยวพาราสีนับไม่ถ้วนเกิดอะไรขึ้นในอาณาจักรสวรรค์? หรือศิษย์พี่ใหญ่ไม่เพียงทําให้โท่วป่าเซียงเนียวแปดเปื้อนในป่าหินหากแต่ยังทํา สิ่งนั้น กับหลิวหงอีกด้วย?!
“เจียเจีย เจ้าคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเห็นอะไรในตัวเศษสวะพรรค์นี้? คิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นจ ริงๆ หรือ?” เยี่ยฉวนตอบคําถามของนางด้วยคําถามซื้อเจียเงียบ นางไม่อาจตอบคําถามแรกได้เพราะคงมีแต่ภูตผีที่รู้ว่าเขาเห็นอะไรในเศษสวะอย่างหลิวหงบางทีเขาอาจชอบผู้หญิง ง่ายๆ ราคาถูกเหมือนบุรุษตาต่ําคนอื่นก็เป็นได้ส่วนคําถามที่สองนั้นตอบยากเสียยิ่งกว่า 3694
จซื้อเจียเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงบนกระดานหมากราชาปีศาจว่านางเผลอตกหลุมรักศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนผู้ร้ายกาจเข้าแล้วแต่ถึงกระนั้นนางกลับรู้สึกเหมือนไม่รู้จักเขาเลย นางไม่เคยล่วงรู้พลังที่แท้จริงของเขาและบ่อยครั้งที่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“เจ้าพูดถูกแม่นางหลิวเราไม่ควรลดตัวลงไป ชอยู่ระดับเดียวกับมันศิษย์พี่ใหญ่ผู้ทรงเกียรติแห่งสํานักหมอกเมฆาอันยิ่งใหญ่อย่างนั้นรึ? โอ๊ย… ข้ากลัวเหลือเกิน!
คุณชายจัยเฟิงหัวเราะเยาะพร้อมความเหยียด หยามฉายชัดในแววตาน้ําเสียงของเขาแปรเปลี่ ยนทันใด”พ่อหนุ่ม ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าไม่ต้องทําร้ายตนเองแต่ช่วยไปเปิดฝาโลงนั่นให้พวกเราดูทีว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในหากไม่กล้าเดินหรือขยับไม่ได้ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
คุณชายจุยเฟิงเดินตรงเข้ามาใบหน้าของเขาฉาบด้วยรอยยิ้มแต่จิตสังหารกลับปกคลุมหนา แน่นขึ้นทุกขณะ
คุณชายจัยเฟิงเข้าใจคําพูดของหลิวหงว่านางต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือฆ่าเยี่ยฉวนแต่เขา ไม่สนใจสํานักหมอกเมฆาอันเก่าแก่ที่อาจน่าเกรงขามสําหรับเหล่าจอมยุทธ์ไร้สังกัดกลับไม่ อยู่ในสายตาของเขาการตัดคอศิษย์พี่ใหญ่ของสํานักที่ไม่สลักสําคัญสําหรับจัยเฟิงจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก!
คอมเม้นต์