Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 225 คุณชายจัยเหนี่ยว

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 225 คุณชายจัยเหนี่ยว อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 225 คุณชายจัยเหนี่ยว

กระแสลมจากฝ่ามือของมู่หรงจัยเพิ่งพุ่งตรงมายังเยี่ยฉวนราวกับคลื่น!

ภายในห้องโถง โท่วป่าเซียง เฟิงเหริน และเหล่ายอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋เผยสีหน้าเคร่งเครียดและตกตะลึงอยู่ภายในการฝึกตนอันน่าทึ่ง ทั้งที่ยังเยาว์ของมู่หรงซุ้ยเฟิงช่างสมคําร่ําลือเสียจริง! ไม่แปลกใจว่าเหตุใดตระกูลมู่หรงจึงเป็นตระกูลแรกที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในหมู่ขุนนางชั้นสูงแห่งจักรวรรดิต้าฉัน

สํานักผู้ฝึกตนทั้งหมดล้วนวางตัวห่างเหินและสูงส่งมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล อีกทั้งยังมองตระกูลมู่หรงในแง่ร้าย พวกเขามองว่าคนในตระกูลที่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกเป็นเพียงเหล่าขุนนางศักดินาที่รวบรวมทรัพย์สมบัติต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น จนกระทั่งสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในช่วงร้อยปีให้หลัง ตระกูลเหล่านี้เริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นขณะที่สํานักผู้ฝึกตนต่างค่อยๆเสื่อมโทรมลงทุกวัน

การได้ประจักษ์พลังที่แท้จริงของมู่หรงซุ้ยเฟิงกับตาทําให้ยอดฝีมือจากสํานักผู้ฝึกตนหลายคนตกตะลึง ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาต้องมองตระกูลเหล่านี้เสียใหม่!

เยี่ยฉวนที่โยกตัวหลบซ้ายทีขวาที่เริ่มถอยร่นออกมา

กระแสลมจากฝ่ามือของซุ้ยเฟิงนั้นเปรียบเสมือนคลื่นที่มีความเร็วเทียบเท่ากับสายลม ทว่าความเร็วของเยี่ยฉวนก็ไม่น้อยหน้า เขารักษาระยะห่างจากฝ่ามือของซุ้ยเฟิงหนึ่งช่วงแขนเสมอ

ในการประลองตัวต่อตัวระหว่างขั้นซิวฉือระดับห้าและขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับห้า เยี่ยฉวนอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อกับจัยเฟิง แต่ร่างกายที่แปรเปลี่ยนไปหลังขัดเกลาโลหิตมังกรปีศาจและก่อรวมยันต์มังกรปีศาจสําเร็จทําให้เขา สามารถใช้เคล็ดวิชาขั้นสูงได้อย่างเชี่ยวชาญมากขึ้น

มู่หรงซุ้ยเฟิงชะงักฝีเท้าก่อนเผยสีหน้าซีดเผือด ไม่น่ามองเมื่อเห็นเยี่ยฉวนใช้เคล็ดวิชาที่ไม่คุ้น

การโจมตีด้วยฝ่ามือครั้งแรกพลาดเป้าเพราะเยี่ยฉวนหลบได้ทัน ส่วนการโจมตีครั้งที่สองไม่พลาด แต่กลับไปไม่ถึงเยี่ยฉวนทําให้เขารู้สึกคับข้องใจเกินทน

“ความเร็วของท่านนับว่าไม่เลว แต่ยังช้าเกินกว่าจะไล่จับสายลมได้สมชื่อ* หากข้าเป็นท่านคงไม่มีหน้ามาโอ้อวดเช่นนี้หรอก เปลี่ยนชื่อเป็นจัยเหนี่ยวเห็นทีจะเหมาะกว่า” นายน้อยมู่หรง จากนี้ไปให้ข้าเรียกท่านว่าคุณชายจัยเหนี่ยวดีหรือไม่?”

“จัยเฟิง แปลว่า ไล่จับสายลม

“จัยเหนี่ยว แปลว่า ไล่จับนก

คุณชายจัยเหนี่ยวอย่างนั้นหรือ?

ฝูงชนที่มุงดูอยู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา บ้างถึงกับหัวเราะคิกคัก

เยี่ยฉวนได้เปลี่ยนคุณชายจัยเฟิงผู้น่าเกรงขาม และไร้เทียมทานในสายตาของผู้อื่นเป็นคุณชายไล่จับนกเสียแล้ว!

“ไอ้หนู เจ้า…”

มู่หรงซุ้ยเฟิงเดือดดาลจนแทบคลั่ง เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลิวหงจึงเกลียดเยี่ยฉวนนักฝีปากของชายผู้นี้คมกริบยิ่งกว่าใบมีดและเชือดเฉือนใจคนฟังเหลือเกิน

มู่หรงซุ้ยเฟิงโกรธจัด เขาพุ่งไปข้างหน้าพร้อมฟาดฝ่ามือออกอีกครั้งหมายจะตบเยี่ยฉวนต่อหน้าทุกคนดังที่กล่าวไว้! ความเร็วในครั้งนี้เพิ่มขึ้นอีกทั้งฝ่ามือยังทิ้งภาพติดตาไว้ทางซ้ายและขวาจนยากจะคาดเดาทิศทาง มู่หรงจัยเพิ่งเรียนรู้จากความผิดพลาดหลังจู่โจมล้มเหลวถึงสองครั้งติด บัดนี้เขาไม่กล้าประมาทเยี่ยฉวนที่มีขั้นการฝึกตนธรรมดาอีกต่อไป

“ศิษย์พี่ใหญ่ระวัง หลบเร็วเข้า!”

จซื้อเจียกรีดร้อง นางไม่เข้าใจว่าเหตุใด เยี่ยฉวนจึงไม่อัญเชิญวิญญาณร้ายเฮยกุ้ยและภูตทะเลสาวจากโคมบงกชสีคราม แม้จะไม่รู้อะไรมากนัก แต่นางเคยเห็นเยี่ยฉวนอัญเชิญอสรพิษครึ่งคน ตุ๊กตาหุ่นกระบอก และสัตว์อสูรอื่นๆมาต่อสู้ในกระดานหมากราชาปีศาจมาแล้วจูซือเจียรู้ว่าเยี่ยฉวนมีไพ่ตายซ่อนอยู่ แต่หากไม่นําออกมาใช้ตอนนี้แล้วจะเก็บไว้ใช้ตอนไหนกัน?!

“ฮ่าๆๆ คิดจะหลบงั้นรึ? ไม่มีทาง!”

มู่หรงซุ้ยเฟิงระเบิดหัวเราะลั่น การโจมตีของ เขารวดเร็วราวกับสายลม ประหนึ่งฝ่ามือนับร้อยจู่โจมเข้ามาพร้อมกันในกระบวนท่าเดียวอย่างไม่อาจคาดเดาได้ สิ้นเสียงฝ่ามือของเขาก็ปะทะเข้าที่ไหล่ของเยี่ยฉวนอย่างรุนแรง ร่างของจัยเฟิงเพียงแค่สั่นไหวในขณะที่ร่างของเยี่ยฉวนกระเด็นไปไกลและโซซัดโซเซหลังตกลงบนพื้น!

“ฮ่าๆๆ บ้าไปแล้วไอ้หนู! ยังจะสู้ต่ออีกรึ? คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นเลยหรือ?!” อุ้ยเฟิงกล่าวออกอย่างดุดันพลางขบกรามแน่นและเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด ยิ่งนึกถึงที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่า “คุณชายจัยเหนี่ยว” ไฟโทสะก็ยิ่งพลุ่งพล่าน

“ว่ากันตามตรง ข้าไม่ได้คิดว่าข้าแข็งแกร่งมากนัก เพียงแต่คิดว่าข้าแข็งแกร่งกว่าท่านไปหน่อยเท่านั้นเอง ท่านแพ้แล้วคุณชายจัยเหนี่ยว คิดดูให้ดี หากแซ่ของท่านไม่ใช่มู่หรงแล้วควร เป็นแซ่อะไร? อย่าตอบว่าแซ่เยี่ยล่ะ ไม่เช่นนั้นตระกูลของข้าคงต้องอับอายขายหน้าเป็นแน่” เยี่ยฉวนเย้ยหยันขณะค่อยๆสงบ พลังปราณที่ปั่นป่วนภายในร่างและปรายตามองปกเสื้อของมู่หรงจุ้ยเฟิง… ซึ่งมีจักจั่นทองคําตัวจ้อยเกาะอยู่!

วินาทีที่ทั้งสองปะทะกัน เยี่ยฉวนปล่อยให้จัยเฟิงตบลงบนไหล่พลางลอบอัญเชิญจักจั่นทองคําหกปีกออกมา หากดูผิวเผินเขาอาจเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ํา ทว่าเขาได้ทิ้งเครื่องจักรสังหารเอาไว้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว!

หากเป็นผู้อื่นแม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าคงไม่กล้าเสี่ยงและไม่อาจทําเช่นนี้ได้ แต่เยี่ยฉวนทําได้! การจู่โจมด้วยฝ่ามือของมู่หรงจุยเฟิงทรงพลังมากจนทําลายได้แม้แต่เหล็กกล้า หากเยี่ยฉวนไม่ได้ขัดเกลาโลหิตมังกรปีศาจจนมีร่างกายแข็งแกร่งเป็นพิเศษคงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก

เสียงหัวเราะของมู่หรงซุ้ยเฟิงหยุดลงกะทันหัน ใบหน้าเขียวคล้ําก่อนแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดด้วยความอับอาย คําพูดของเยี่ยฉวนทําให้ความรู้สึกดื่มในชัยชนะเมื่อครู่มลายหายไปหมดสิ้น เขาประกาศไว้ว่าหากไม่สามารถตบหน้าเยี่ยฉวน ภายในสามกระบวนท่าได้อย่าเรียกเขาว่าแซ่มู่หรงอีก แม้ฝ่ามือของเขาจะตบโดนเยี่ยฉวนในครั้งที่สามแต่กลับเป็นตรงไหล่ ทําไม่ได้ตามคําคุยเช่นนี้จะไปสู้หน้าทุกคนได้อย่างไร?

ในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสความขมขึ้นหลังหยิ่งผยองมาหลายปี มู่หรงซุ้ยเฟิงผู้เก่งกล้าไร้เทียมทานในเมืองหลวงและคิดว่าตนเองเกิดมาพิเศษ เหนือผู้อื่นหน้าร้อนเป็นไฟด้วยความอัปยศ

“นายน้อยมู่หรง ปล่อยให้มันพล่ามอยู่ทําไม ฆ่ามันซะ!” หลิวหงก้าวมาข้างหน้าเพื่อช่วยจัยเฟิง จากความอับอายอย่างชาญฉลาด บัดนี้นัยน์ตาสวยที่เคยยั่วยวนให้ผู้อื่นหลงรักเต็มเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย

“ไอ้บัดซบ! ได้! เจ้าบังคับให้ข้าต้องทําเช่นนี้ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นพลังของเคล็ดวิชาวายุสังหารประจําตระกูลมู่หรง ลองลิ้มรสคมดาบวายุเสียหน่อยเป็นไง… นับว่าเป็นเกียรติของเจ้าแล้วที่ได้ตายด้วยใบมีดระดับสวรรค์!

คําพูดของหลิวหงปลุกผู้คนขึ้นจากภวังค์รวมถึงจุยเฟิงที่เปิดฉากโจมตีทันที ชายหนุ่มชักใบมีดที่ยาวครึ่งหนึ่งของความสูงของเขาออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าใส่เยี่ยฉวนฉับพลัน!

ใบมีดเล่มนี้ยาวกว่าใบมีดทั่วไปมาก ด้านสันมีดนั้นหนาและหนักขณะที่ด้านคมมีดบางเฉียบและคมกริบอีกทั้งยังโค้งเป็นรูปเคียวสังหาร อากาศในรัศมีร้อยเมตรกระเพื่อมและบิดเบี้ยว ทันทีที่มันถูกชักออกมาราวกับถูกปราณกระบี่ที่มองไม่เห็นฉีกทิ้ง กระบี่ของผู้คนในห้องโถงใหญ่สั่นระริกราวกับจะลื่นหลุดจากมือ
ใบมีดระดับสวรรค์!

จุยเฟิงกวัดแกว่งสมบัติที่ตกทอดกันมาในตระกูลมู่หรงอย่างเกรี้ยวกราด ตํานานกล่าวว่าใบมีดระดับสวรรค์เป็นอาวุธสังหารที่มหาปราชญ์ศาสตราวุธหลงเหลือไว้เมื่อหลายล้านปีก่อน ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันตกมาอยู่ในมือของบรรพบุรุษมู่หรงและกลายเป็นสมบัติล้ําค่าประจําตระกูลที่ใช้เข่นฆ่าผู้คนเพื่อก่อตั้งวงค์ตระกูลขึ้นได้อย่างไร”ทรงพลังยิ่ง! นี่คือใบมีดระดับสวรรค์ในตํานานงั้นหรือ?”เมื่อใบมีดระดับสวรรค์ปรากฏแล้วย่อมมี การหลั่งเลือดศิษย์สํานักหมอกเมฆาผู้นั้นตกที่นั่งลําบากเสียแล้ว!”

เหล่ายอดฝีมือที่เฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชาเริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาอีกครั้ง โท่วป่าเซียงเนียวเข้าไปยืนตรงหน้าบิดาทว่าไม่อาจเอ่ยคําใด นางทําได้เพียงใช้สายตาอ้อนวอนให้บิดาเคลื่อนไหวด้วยน้ําตาคลอเบ้า แต่โท่วป่าเซียงกลับมองไปทางอื่นราวกับไม่เห็นนาง เขาได้ช่วยเยี่ยฉวนไว้ที่ชายป่าหินครั้งหนึ่งแล้วและจะไม่มีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด