Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 287 ดั้นดันจากแดนไกลเพื่อพบหน้า
บทที่ 287 ดั้นดันจากแดนไกลเพื่อพบหน้า
เยี่ยฉวนเริ่มวางกับดักมังกรที่ปากถ้ำหลังล่าถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้รอยแยกแห่งกาลเวลาและพื้นที่ภายในถ้ำค่อนข้างเสถียรไร้ความผันผวนใดๆ หากแต่การเตรียมรับมือสถานการณ์คับขันไว้ล่วงหน้าย่อมดีกว่า ไม่เช่นนั้นวิญญาณร้ายทรงพลังจากดินแดนโบราณอาจผ่านรอยแยกมายังถ้ำพุทธดรรชนีโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเทือกเขาหมอกเมฆาอาจต้องเผชิญกับหายนะแม้แต่สํานักหมอกเมฆาก็ไม่อาจตั้งรับได้ทันการณ์
แม้กับดักมังกรจะไม่สามารถสกัดกั้นวิญญาณชั่วร้ายภายในถ้ำได้อย่างสมบูรณ์แต่อย่างน้อยก็ ช่วยถ่วงเวลาให้ผู้คนเตรียมรับมือ
“คุณชาย ข้าเกรงว่ากับดักนี้จะไร้ประโยชน์” หลัวเต่อขมวดคิ้วเมื่อเห็นเยี่ยฉวนวางกับดัก
อสูรน้อยที่หลบหนีออกมาจากถ้ำพุทธดรรชนีย่อมรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งและความน่าสะพรึงกลัวของวิญญาณร้ายเหล่านั้นเป็นอย่างดี แม้แต่ยอดฝีมือขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดยังไม่อาจยับยั้งพวกมันได้โดยล่าพังนับประสาอะไรกับกับดักธรรมดาๆที่สร้างขึ้นอย่างเร่งรีบนี้
“นี่เป็นเพียงกับดักง่ายๆ เพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในถ้ำเท่านั้น”เยี่ยฉวนตอบ
“คุณชาย ข้าเกรงว่าเรื่องนั้นก็ทําได้ยากเช่นกัน”
ปีศาจเฒ่ามั่นศีรษะพร้อมเผยรอยยิ้มขมขึ้น มันเข้าใจความคิดของเยี่ยฉวนแต่มันเป็นไปไม่ได้ “วิญญาณชั่วร้ายเก่าแก่บางตนมีความสามารถเฉพาะตัวแต่กําเนิดจึงสามารถเร้นกายจากกระแสจิตของผู้คนและการตรวจจับได้ พวกมันมีหนทางมากมายที่จะผ่านกับดักไปโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้”
“เช่นนั้นเจ้ามีทางอื่นหรือไม่หลัวเต่อ?” เยี่ยฉวนถาม
“พอมีขอรับ เมื่อโอสถทลายหยางสิ้นฤทธิ์ลง เถาวัลย์จะแตกหน่อปกคลุมทั่วเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะอีกครั้งซึ่งเป็นโอกาสเหมาะในการออกสํารวจ หากโชคเข้าข้างข้าอาจดักจับและดูดกลืนพลังชีวิตของพวกวิญญาณร้ายได้สักตนสองตนฮิๆๆ!”
ปีศาจเฒ่าหลัวเต๋อหัวเราะอย่างคึกคะนองเมื่อวาดภาพการได้ดูดกลืนโลหิตและปราณหยานของวิญญาณร้ายแห่งถ้ำพุทธดรรชนี
โอสถทลายหยางได้ทําลายพรรณไม้และเถาวัลย์บนเทือกเขาหยินจนหมดสิ้น แต่พวกมันสามารถงอกงามขึ้นใหม่ได้ตราบใดที่หลัวเต่อยังมีชีวิตอยู่ หากมีผลึกแก้วเพียงพอสําหรับเป็นแหล่ง
เถาวัลย์ก็ปกคลุมทั่วภูเขาได้ภายในเวลาไม่นานและจะกลายเป็นเครื่องตรวจจับวิญญาณชั้นเลิศ
“เข้าใจแล้ว หลงเอ๋อร์น้อย พาหลัวเต่อไปพบจซื้อเจียหลังกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาจัดหาสิ่งที่มันต้องการให้ครบถ้วน จงทําให้เถาวัลย์เจริญเติบโตทั้งเทือกเขาโดยเร็วที่สุดไปกันเถอะ!”
เยี่ยฉวนออกคําสั่งและนําทั้งสองมุ่งหน้ากลับสู่สานักหมอกเมฆา
เวลาล่วงไปหลายวันแล้ว เยี่ยฉวนเร่งฝีเท้าขึ้นด้วยไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดในสํานักหรือไม่ทั้งสามข้ามภูเขาและลําธารนับไม่ถ้วนกระทั่งถึงสํานักหมอกเมฆาในยามพลบค่ําเยี่ยฉวนโล่งใจอยู่ ภายในเมื่อเห็นทางเข้าสํานักยังอยู่ในสภาพปกติและเหล่าศิษย์สัญจรเข้าออกอย่างเป็นระเบียบทําให้รู้ว่าจักรวรรดิต้าฉันและสํานักอสูรเมฆายังไม่เปิดฉากจู่โจม
เยี่ยฉวนลงมือทํางานหลังจากพักผ่อนได้ครู่หนึ่ง เขาวางค่ายกลอสุรกายประจัญบานซ้อนทับลงไปโดยมีค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์เป็นรากฐาน
ชายหนุ่มอัญเชิญตัวนิ่ม อินทรีสีทอง และสัตว์อสูรอื่นๆ ที่จับมาจากเทือกเขาและปล่อยพวกมันแยกย้ายไปตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมภายในสํานักหมอกเมฆาหากเป็นภพชาติก่อนในยามที่เขายังรุ่งโรจน์เพียงค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์ก็เกินพอในการบดขยีและสังหารศัตรูแต่ในเมื่อเขาเพิ่งบรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับหนึ่งจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องระมัดระวังให้มาก เยี่ยฉวนจําเป็นต้องพึ่งพากองทัพสัตว์อสูรและค่ายกลสารพัดชนิด เขาถึงกับสั่งให้จซื้อเจียเร่งกลั่นยาเม็ดชนิดพิเศษและมอบโอสถทลายหยางให้นางศึกษาดูว่าสามารถกลั่นยาพิษร้ายแรงชนิดเดียวกันได้อีกหรือไม่
หนึ่งราตรีผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว…
รุ่งเช้า สายฝนโปรยปรายมอบความชุ่มชื้นให้แก่ผืนดินในเทือกเขาหมอกเมฆา บรรดาศิษย์พากันตื่นขึ้นจากการฝึกตนและเปิดประตูหน้าต่างออกจึงพบว่าทั้งสํานักปกคลุมไปด้วยสีเขียวชอุ่มเถาวัลย์นานาพรรณแตกหน่อขึ้นทุกหนแห่งโดยเฉพาะบริเวณประตูทางเข้า ทุกสิ่งแปรเปลี่ ยนไปในชั่วข้ามคืนหน่อไม้สีเขียวอ่อนเจริญงอกงามแม่ในแถบแห้งแล้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีหญ้าแม้แต่ใบเดียว!
ปีศาจเฒ่าหลัวเต๋อเริ่มแสดงทักษะเฉพาะตัวโดยเปลี่ยนทั้งสํานักหมอกเมฆาให้กลายเป็นเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะ เขาสามารถเจริญเถาวัลย์ได้ทุกชนิดตราบใดที่ได้รับพลังงานจากก่อนผลึกเพียงพอเถาวัลย์เหล่านี้ไม่เพียงเป็นหูตาชันยอดหากแต่ยังสามารถป้องกันการรุกล้ําจากศัตรูที่แข็งแกร่งได้อีกด้วยหลังจากเพาะพันธุ์เถาวัลย์ปีศาจจํานวนมากการแปลงโฉมสํานักอสูรเมฆาให้กลายเป็นอาณาจักรสัตว์อสูรที่แท้จริงก็ไม่ไกลเกินเอื้อม!
ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อที่เยี่ยฉวนพบโดยบังเอิญทําให้เขาพึงพอใจอย่างเหลือเชื่อ เหล่าเถาวัลย์ปีศาจและหลัวเต๋อช่วยเสริมความแข็งแกร่งของค่ายกลอสุรกายประจัญบานขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างไม่ต้องสงสัย!
เยี่ยฉวนเริ่มมีความมั่นใจในสงครามครั้งใหญ่ที่กําลังใกล้เข้ามา…
เป็นอีกวันที่ทุกคนต่างชุลมุนวุ่นวายรวมถึงเยี่ยฉวน เขาตระเวนไปทั่วสํานักหมอกเมฆาเพื่อตรวจสอบทุกรายละเอียดในค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์และค่ายกลอสุรกายประจัญบานทั้งเส้นทางบนภูเขาหน้าผาหรือแม้แต่หน่อไผ่ บัดนี้เครื่องจักรสงครามแห่งสํานักหมอกเมฆาพร้อมประจันหน้าในสมรภูมิรบเต็มที่
ยามราตรีที่ผู้คนเข้าสู่ห้วงนิทรา เยี่ยฉวนพาร่างกายที่อ่อนล้าไปยังยอดเขามังกรสวรรค์และล้มตัวลงบนเตียงนอน
เขาทั้งต่อสู้และมีงานล้นมือไม่หยุดหย่อนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนเหนื่อยเจียนตาย
เมื่อคิดดูแล้ว เขาไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเลยตั้งแต่ย่างเท้าเข้าไปในอาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์จนถึงตอนนี้ชายหนุ่มใช้แรงกายแรงใจและพลังชีวิตไปกับการสร้างค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์การาบปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินรวมถึงการสร้างค่ายกลอสุรกายประจัญบานจนหมดสิ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด เยี่ยฉวนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะหมายจะหลับสักงีบทว่านิ้วมือกลับสัมผัสถึงผิวกายเนียนละเอียดและยืดหยุ่น ไม่ผิดแน่… นี่คือต้นขาเปลือยเปล่าของสตรีเขาสัมผัสจากความหนาและความยาวได้ว่าสัดส่วนนั้นพอเหมาะพอดี… เป็นต้นขาที่ทําให้หัวใจของผู้คนสั่นระรัวได้ไม่ยาก
มีหญิงสาวนอนทอดกายเปลือยเปล่ารอคอยเขาอยู่บนเตียงท่ามกลางความมืดตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบ!
“เจียเจียหรือ?”
เยี่ยฉวนร้องเรียกออกมาโดยไม่รู้ตัวพร้อมกระโจนเข้าใส่อย่างตื่นเต้น เขากอดรัดเรือนร่างเย้ายวนและพรมจูบไปทั่วทันที!
เยี่ยฉวนที่เหนื่อยล้าแทบสิ้นสติเมื่อครู่กลับมีกําลังวังชาขึ้นมาราวกับร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานไร้ขีดจํากัด เขากดอีกฝ่ายลงใต้ร่างและลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวทว่ากลับรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็วเรือนกายเย้ายวนในอ้อมกอดมีสัดส่วนโค้งเว้าหากแต่ส่วนสูงไม่ใช่จซื้อเจีย ยิ่งไป กว่านั้นด้วยวิสัยของนางไม่มีทางเปลื้องผ้าทอดกายให้เขากอดก่ายเช่นนี้เป็นแน่ แม้จะแลดูใจกล้ากระฉับกระเฉง และมีชีวิตชีวา แต่นางทั้งประหม่าอายและหัวโบราณกว่าใครเมื่อเป็นเรื่องระหว่างหนุ่มสาว
“จอเซีย นั่นเจ้าหรือ? เจ้าจริงๆ หรือ…” เยี่ยฉวนฉุกคิดถึงหงจือเซียขึ้นมาแม้จะไม่อยากเชื่อแต่แล้วน้ำเสียงที่คุ้นเคยกลับค่อยๆ ดังขึ้นข้างหู
“ฮิม! เชิญไปหาศิษย์น้องหญิงของเจ้าเถอะ เพิ่งจ่าข้าได้หรือไร?!”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยช่วยให้แน่ใจว่าคนที่อยู่ใต้ร่างคือสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียจริงๆนางดันด้นมาถึงสํานักหมอกเมฆาอย่างเงียบเชียบและนอนรอเขาอยู่บนเตียงเป็นเวลานานสตรีพรหมจรรย์ผู้บริสุทธิ์ สูงส่ง และสันโดษนั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็งเสมอมานางไม่แยแสแม้แต่องค์รัชทายาทห ลีก่วงซ่านผู้เพียบพร้อมทว่ายามตกหลุมรักกลับหลงใหลเยี่ยฉวนสุดหัวใจนางปรารถนาจะหลอมละลายในอ้อมกอดอบอุ่นแข็งแรงของเขา
หญิงสาวไม่อาจสลัดรสสัมผัสหอมหวานของการผสานการฝึกตนด้วยคัมภีร์มังกรปีศาจไปได้หลังกลับไปยังสํานักอสูรเมฆาไม่กี่วันที่ผ่านมา หงจือเซียรู้สึกว่าหนึ่งวันช่างแสนยาวนานราวกับหนึ่งปีนางจึงลอบใช้เครื่องเคลื่อนย้ายเดินทางมาพบเยี่ยฉวนที่สํานักหมอกเมฆาอย่างร้อนใจ!
คอมเม้นต์