Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 289 เบาะแสของปีศาจ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 289 เบาะแสของปีศาจ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 289 เบาะแสของปีศาจ

“ใครน่ะ?”

เยี่ยฉวนร้องถามด้วยความรุนงง ผู้ใดมาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้? มือสังหารที่สํานักคู่อร์ส่งมาหรืออย่างไร?

“คนบ้า นี่ข้าเอง!”

น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่จูซือเจียจะผลักประตูเข้ามา นางหลบเลี่ยงทหารลาดตระเวนมาตลอดทางกระทั่งมาถึงที่นี่อย่างโล่งใจ หญิงสาวโผล่หน้าเข้ามาดูว่าเยี่ยฉวนกําลังทําสิ่งใด ทว่าใบหน้าสะสวยแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม เงาร่างหนึ่งพุ่งเข้าใส่ทําให้นางฟาดฝ่ามือออกไปตามสัญชาตญาณ

“โครม!”

จูซือเจียถูกแรงปะทะบังคับให้ถอยร่นไป ร่างนั้นกระโดดข้ามนางและพุ่งหนีออกทางประตูก่อนหายวับไปในชั่วพริบตา ตามด้วยเยียฉวนที่เดินเข้ามาใกล้

“ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

จูซือเจียตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยไม่คาดคิดว่าจะพบยอดฝีมือในที่แห่งนี้ ร่างนั้นแผ่ออร่าที่แข็งแกร่งกว่านางมากและมีรูปร่างละม้ายคล้ายสตรี มิหนําซ้ำยังทิ้งกลิ่นหอมอ้อยอิ่งไว้ในอากาศ

สตรีที่มีขั้นการฝึกตนสงส่งเร้นกายอยู่ในห้องนี้ยามราตรี… เกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่?!

จูซือเจียจับจ้องเยี่ยฉวนด้วยลางสังหรณ์ไม่สู้ดีก่อนกวาดสายตามองโดยรอบอย่างระแวดระวังนางสัมผัสได้ว่าเขากําลังปกปิดบางสิ่งอยู่เป็นแน่ หญิงสาวพบเส้นผมของสตรีหลุดร่วงบนเตียงหลายเส้น มิหนําซ้ำผ้านวมและที่นอนยังช่มเหงื่อเป็นวงกว้าง

สีหน้าของจูซือเจียแปรเปลี่ยนทันใด นางจ้องเยี่ยฉวนด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวขณะรอฟังคําอธิบายที่สมเหตุสมผล!

“เจียเจีย หากข้าบอกว่ามีศิษย์หญิงตกหลุมรักข้าจึงลักลอบเข้ามาในห้องกลางดึกและเปลือยกายรอบนเตียง เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?” เยี่ยฉวนกล่าว

“คนโกหก! ยังกล้าโกหกกันอีก! สํานักเรามีศิษย์หญิงพรรค์นั้นอยู่ด้วยรึ? จะมีศิษย์หญิงคนใดที่ขั้นการฝึกตนสูงส่งไปกว่าข้าอีก?!” จูซือเจียจ้องเยี่ยฉวนเขม็ง ยิ่งครุ่นคิดมากเท่าใดยิ่งขุ่นเคืองมากเท่านั้น

“จริงดังเจ้าว่า ไม่มีศิษย์หญิงที่มีฝีมือน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ ฉะนั้นแขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้ต้องไม่ใช่คนในสํานักอย่างแน่นอน แต่ทั้งภายในและภายนอกในยามนี้เต็มไปด้วยกับดักมากมาย แล้วจะมีผู้ใดสามารถบุกรุกเข้ามาได้อีก?” เยี่ยฉวนถามตัวเองด้วยท่าที่ฉงน

“อย่ามาทําไขสือ! เยี่ยฉวน เจ้าอธิบายทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นจะดีกว่า!” จูซือเจียยังไม่ยอมให้อภัย

“ก็ได้เจียเจี้ย ข้าจะตอบเจ้าตามตรง แท้จริงแล้วสตรีผู้นี้เป็นจอมมารหญิงผู้น่าเกรงขาม นางเกิดถูกตาต้องใจก้อนผลึกมนุษย์ร่างเล็กที่ข้าบังเอิญพบในอาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์เข้าจึงดิ้นรนอย่างสิ้นหวังตามประสาวิญญาณของผู้ล่วงลับที่ยังไม่แตกสลายไป ข้าไม่รู้ว่านางปรากฏกายกลางดึกเช่นนี้ได้อย่างไร นางฉวยโอกาสยามข้าหลับใหลพยายามจะสังหารข้า เจียเจีย เคราะห์ดีที่เจ้ามาทันเวลา ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ได้พบหน้ากันอีก” เยี่ยฉวนตอบ ชายหนุ่มไม่อยากโกหกและไม่อยากทําร้ายความรู้สึกของจูซือเจีย แต่บางเรื่องก็อยู่เหนือการควบคุมของเขาและยังไม่ถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะเผยความจริงออกไป

“งั้นหรือ? นางคงเกือบทับเจ้าตายหลังโรมรันกันสามร้อยรอบบนเตียงสิท่า!” จูซือเจียเย้ยหยัน นางไม่เชื่อเรื่องเล่าไร้สาระของเยี่ยฉวนเลยแม้แต่น้อย

สัญชาตญาณของหญิงสาวแม่นย่าเป็นพิเศษกับเรื่องพรรค์นี้ เยี่ยฉวนแทบจะดิ้นหนีไปทางไหนไม่ได้เลย

ขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าวุ่นวายและหนักอึ้งดังขึ้นท่ามกลางความมืด มีกลุ่มคนกําลังตรงมาอย่างเร่งรีบ

ท่าไม่ดีแน่! สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียถูกจับได้อย่างนั้นหรือ?!

หัวใจของเยี่ยฉวนสั่นระรัวพลางเผยสีหน้าเคร่งเครียด บัดนี้เขาไม่มีเวลาอธิบายให้จูซือเจียฟังอีกแล้ว ชายหนุ่มรีบคิดหาทางออกจนหัวหมุน เขาจะทําอย่างไรหากหงจือเซียถูกพบเข้าและไม่สามารถยับยั้งการโจมตีจากสํานักอสูรเมฆาได้อีกต่อไป?

“ศิษย์พี่ใหญ่ขอรับ มีข่าวร้าย ศิษย์พี่ใหญ่…”

เสียงตะโกนของเจ้าอ้วนดังขึ้นขณะนํากลุ่มทหารอารักขาไปยังห้องพักของเยี่ยฉวนอย่างเร่งรีบ “ศิษย์พี่ใหญ่ ข่าวร้ายขอรับ เราพบศพทหารอารักขาจํานวนหนึ่งบริเวณเชิงเขา ต้องมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งลอบเข้ามาและเพ่นพ่านอยู่ในสํานักขณะนี้เป็นแน่”

เจ้าอ้วนเผยสีหน้าตึงเครียดและหวาดระแวง

ทหารอารักขาที่ประจําการหน้าทางเข้าสํานักถูกสังหาร เป็นสัญญาณว่าจักรวรรดิต้าฉันหรือสํานักอสรเมฆาถ่าลังจะบุกโจมตีเร็วๆ นี้ ตอนนี้พวกเขาอาจส่งมือฉมังมาสอดแนมสถานการณ์แล้วก็เป็นได้

“เกิดขึ้นเมื่อใด?” เยี่ยฉวนเอ่ยถามเสียงต่ำ

“เมื่อครู่นี้เองขอรับ ศพยังไม่แข็งตัว อาวุโสหยางเทียนกวงนําคนของเราออกไล่ล่าแล้ว แต่ข้ากังวลว่า…” เจ้าอ้วนยังพูดไม่จบแต่ความหมายของประโยคนั้นชัดเจน แขกไม่ได้รับเชิญที่ลักลอบเข้ามายามดึกได้ย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดา ต่อให้หยางเทียนกวงจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสชั้นนอกและทะลวงผ่านสภาวะตีบตันแล้ว แต่เขาก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นซิวฉือและไม่มียอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋อยู่ในกลุ่มแม้แต่คนเดียว หากเขาไล่ตามผู้บุกรุกไม่ทันก็คงไม่น่าเป็นห่วง แต่หากต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอาจส่งผลร้ายมากกว่าดี

“เจียเจีย เจ้ากลับไปส่งต่อคําสั่งซะ ห้ามผู้ใดเข้าออกสําานักโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า!”

เยี่ยฉวนคํารามขณะรีบผลุนผลันออกไป หลงเอ๋อร์น้อยที่พักอยู่ใกล้เคียงส่งเสียงคํารามตอบรับก่อนแปลงกายเป็นมังกรปีศาจและรีบพุ่งตัวออกมาเช่นกัน หนึ่งคนหนึ่งมังกรพลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ข่าวจากจ้าวต้าจื่อน่าตกใจยิ่ง เขาจึงจําเป็นต้องสอบสวนให้ชัดแจ้ง มิหนําซ้ำเจ้าอ้วนยังโผล่มาได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นเยี่ยฉวนคงหมดสิ้นหนทางที่จะอธิบายกับจูซือเจีย

“ฮึ่ม! หนนี้รอดตัวไปได้นะ ข้าจะคิดบัญชีเจ้าภายหลังแน่!”

จูซือเจียขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนกระทืบเท้าออกไปอย่างหัวเสีย

เจ้าอ้วนสับสนด้วยไม่รู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้น แต่สายตาดุดันของจูซือเจียเพียงปราดเดียวทําให้เขาได้แต่ยิ้มและไม่กล้าปริปากเอ่ยถาม

“ยิ้มอะไรเจ้าอ้วน เวรกรรมจริงๆ! เหตุใดเจ้าต้องมาพร้อมข่าวร้ายตลอดกันนะ?!”

จูซือเจียเคาะหัวเจ้าอ้วนก่อนจากไปอย่างฉุนเฉียว โกรธก็ส่วนโกรธ แต่นางรู้ดีว่าเรื่องนี้สําคัญและร้ายแรงเพียงใด หญิงสาวรีบนําผู้คนเสริมแนวป้องกันเพื่อเตรียมตั้งรับการโจมตีไม่ว่าจากจักรวรรดิต้าฉันหรือสํานักอสูรเมฆา ทิ้งเจ้าอ้วนให้สับสนและหดหู่กับความโชคร้ายของตนอยู่ภายใน

เยี่ยฉวนขี่หลังมังกรปีศาจน้อยออกจากสํานักและตามออร่าของหยางเทียนกวงไปทางทิศตะวันออก

หยางเทียนกวงนอนพิงก้อนหินใหญ่อยู่บนพื้นเย็นเฉียบข้างลําธารห่างไกล ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด ศพของศิษย์สํานักหมอกเมฆากระจัดกระจายอยู่โดยรอบ ทหารอารักขาอีกสองคนที่เหลือรอดอยู่ในสภาพโชกเลือดไม่ต่างกัน

หลังจากพบเบาะแสของแขกไม่ได้รับเชิญ หยางเทียนกวงตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยส่งเจ้าอ้วนไปรายงานศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนขณะนําทหารอารักขาเจ็ดนายออกไล่ล่าอีกฝ่ายด้วยตนเอง ความมากประสบการณ์ทําให้เขาไล่ตามศัตรูทันในเวลาไม่นาน เคราะห์ร้ายที่ขั้นการฝึกตนของอีกฝ่ายเหนือชั้นกว่าพวกเขาทั้งหมด แขกไม่ได้รับเชิญบาดเจ็บสาหัสหลังการต่อสู้อันดุเดือดขณะที่กองกําลังของหยางเทียนกวงล้มตายเป็นจํานวนมาก

“โฮก!” เสียงคํารามทรงพลังดังขึ้นในอากาศก่อนเยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์จะบินร่อนลงมาจากเบื้องบน

“พวกเจ้าพาอาวุโสหยางกลับสํานักเดี๋ยวนี้!”

เยี่ยฉวนออกค่าสั่งกับทหารอารักขาทั้งสองเสียงต่ำหลังตรวจดูอาการของหยางเทียนกวงและห้ามเลือดให้แล้ว จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกกับหลงเอ่อร์เพื่อไล่ล่าผู้บุกรุกตามรอยเท้าและออร่าที่หลงเหลืออยู่ข้างลําธาร วันนี้เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีรอดไปได้แน่!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด