Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 297 หลักแหลมเกินไป

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 297 หลักแหลมเกินไป อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 297 หลักแหลมเกินไป

โท่วป่าเซียงและชายสวมหน้ากากเร่งรุดกลับไปยังทางเข้าสํานักเบญจลักษณ์ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ตามด้วยศิษย์ชั้นเลิศกลุ่มใหญ่

สิ่งแรกที่ปรากฏต่อสายตาคือซากศพกองพะเนิน!

ศพที่ซูบซีดแห้งกรังเหล่านี้แลดูมีอายุหลายร้อยปีหากแต่ยังสวมใส่เสื้อคลุมรบของสํานักเครื่องนิล มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเหล่าศิษย์ที่คอยอารักขาประตูทางเข้าอยู่เบื้องหลัง

“ฝีมือผู้ใดกัน?! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

โท่วป่าเซียงตะโกนลั่น

เขาตระหนักถึงอันตรายของม่านแสงสีแดงทันทีที่เข้าใกล้ ท่ามกลางป่าทึบภายนอกมีเงาของผู้คนกําลังขยับเคลื่อนไหว ทว่ายังไม่อาจกะประมาณจํานวนศัตรูทั้งหมดที่ดักซุ่มอยู่ได้

ไร้เสียงตอบรับจากภายนอก มีเพียงลมหนาวพัดหวีดหวิวทําให้ศิษย์สํานักเครื่องนิลสันสะท้าน และขนลุกเกรียวโดยไม่อาจหักห้าม

“ทหารอารักขา เผาป่านั่นเสีย!” โท่วป่าเซียงสั่งการแข็งกร้าว

กองทหารอารักขาผลุนผลันลุกขึ้นและจุดไฟที่ปลายลูกธนู ธนูเพลิงนับสิบพุ่งแหวกอากาศทันใด

ทุกคนต่างเพ่งสายตาเฝ้ารอการปรากฏตัวของผู้ที่เร้นกายในหมู่ไม้ แต่แล้วกลับต้องผิดหวังตกตะลึง และหวาดกลัวในขณะเดียวกัน

ธนูเพลิงปะทะกับม่านแสงสีแดงจนเกิดระลอกคลื่นก่อนกระเด้งกลับมาด้วยความเร็วสูงโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว

อาณาเขตที่ทําหน้าที่ป้องกันประตูหลักสามารถตอบโต้การโจมตีจากภายในได้อย่างไร?

กองทัพสํานักเครื่องนิลเผยสีหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดหวั่น แม้แต่โท่วป่าเซียงและทูตแห่งโลกันตร์ยังแปรเปลี่ยนท่าทีทันใด

“ท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐ มีผู้ใช้เคล็ดวิชาชั้นเลิศย้อนกลับการทํางานของอาณาเขตนี้ ยอดฝีมือ… นี่เป็นการกระทําของยอดฝีมืออย่างแท้จริง!”
แววตาของทูตแห่งโลกันตร์ลุกโชน เขาเงยหน้าขึ้นส่งสัญญาณให้บริวารล่าถอยและเข้าห้อมล้อมรอบกาย

สีหน้าของโท่วป่าเซียงมืดหม่นลงก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ําสลับดําทมิฬแลดูน่าสยดสยอง

เขาบุกโจมตีสํานักเบญจลักษณ์ทุกวิถีทางด้วยความยากลําบากและสูญเสียเลือดเนื้อไปมากมายกระทั่งจวนยึดครองได้สําเร็จแล้ว แต่กลับมีผู้ยึดเส้นทางถอยทัพและกักขังเขาไว้ที่นี่ จะมีสิ่งใดย่าแย่ไปกว่านี้อีกเล่า? สํานักของเขาสูญเสียพลังชีวิตไปมากมายในการสํารวจอาณาจักรสวรรค์ หากไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้ กองทัพสํานักเครื่องนิลต้องถูกกวาดล้างเป็นแน่!

ผู้ใดช่างปรากฏกายมาได้เวลาเหมาะเจาะและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้?

จักรวรรดิต้าฉันหรือสํานักอสูรเมฆาผู้ไร้เทียมทานอย่างนั้นหรือ?

โท่วป่าเซียงหนักใจขึ้นทุกวินาที เขาปัดความคิดเรื่องจักรวรรดิต้าฉันและสํานักอสูรเมฆาทิ้งไป แม้จักรวรรดิต้าฉันจะทรงอานาจและรุ่งเรืองเพียงใด แต่เทือกเขาหมอกเมฆาอยู่ไกลจากเมืองหลวงมากอีกทั้งยังไม่มีเมืองใหญ่ในรัศมีใกล้เคียงหนึ่งพันลี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะซ่อนการเคลื่อนไหวให้พ้นสายตา ส่วนสํานักอสูรเมฆาที่มียอดฝีมือจํานวนมากและสามารถสยบทั้งเทือกเขาหมอกเมฆาให้ราบคาบได้นั้นไม่จําเป็นต้องทําเช่นนี้ พวกเขาสามารถบดขยี้ทุกสิ่งได้ในพริบตาเดียว

หากไม่ใช่ทั้งจักรวรรดิต้าฉันและสานักอสูรเมฆาแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้? หรือว่า…

โท่วป่าเซียงฉุกคิดถึงเด็กหนุ่มคู่แค้น… เยี่ยฉวน แม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อแต่คิดทบทวนแล้วก็ไม่อาจเป็นใครอื่นไปได้ เขาสูดหายใจลึกก่อนตะโกนออก “เข้ามาเยี่ยฉวน เจ้ากล่าสังหารทั้งกองทัพแต่ไม่กล้าโผล่หัวออกมางั้นหรือ?!”

เยี่ยฉวนเดินออกมาจากหลังต้นไม่ใหญ่พลางปรบมือให้

“คาดเดาได้ถูกต้องรวดเร็วเช่นนี้ช่างชาญฉลาดสมเป็นเจ้าสํานัก ที่กล่าวกันว่าท่านเจ้าสํานักผู้ยิ่งใหญ่มีความหลักแหลมยิ่งและเป็นเจ้าสํานักที่น่าอัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์คงไม่เกินจริง!” เยี่ยฉวนกวาดตามองโท่วป่าเซียงและคนอื่นๆ ก่อนหยุดสายตาลงที่ชายชราสวมหน้ากากครู่หนึ่ง เขากล่าวออกอย่างไม่ยินดียินร้าย “เคราห์ร้ายที่ท่านฉลาดและเจ้าแผนการเกินไปจนมองไม่เห็นกําไรง่ายๆตรงหน้า หลงลืมเรื่องพื้นฐานใส่ใจเรื่องเล็กน้อยและละเลยสิ่งสําคัญ ท้ายที่สุดคงไม่พันจุดจบอันน่าสังเวช อนิจจา…อาภัพโชคเสียจนน่าเวทนา…”

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะพลางทอดมองโท่วป่าเซียงอย่างเห็นใจ ทว่าแววตากลับทอประกายวรูบไหว ด้วยจิตสังหารแรงกล้าเมื่อมองดูชายชราสวมหน้ากาก ชายผู้นี้คือทูตแห่งโลกันตร์อย่างไม่ต้องสงสัย! ในที่สุดเขาก็หยุดอีกฝ่ายเอาไว้ได้ ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกคุ้นเคยกับชายชราอย่างไม่มีเหตุผล ราวกับเคยพบพานที่อื่นนอกเหนือจากหอพยัคฆ์ขาว เยี่ยฉวนมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสบดวงตายาวเรียวเฉยเมยคู่นี้

ร่างอื่นๆ ทยอยเผยตัวออกมาจากป่าทึบ

ปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งเดินออกมายืนอยู่เบื้องหลังเยี่ยฉวน ตามด้วยภูตทะเลไห่ลี่ลี่และอสรพิษครึ่งคนทั้งสิบสอง ปิดท้ายด้วยจูซื้อเจียและเหล่าศิษย์ชั้นเลิศแห่งสํานักหมอกเมฆากว่าหนึ่งพันราย ทั้งหมดติดอาวุธครบมือและเปี่ยมล้นด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

“สํานักหมอกเมฆา พวกมันคือสํานักหมอกเมฆา!”

“บัดซบเอ๊ย… โผล่หัวมาได้อย่างไรกัน?”

หมู่ศิษย์สํานักเครื่องนิลเกิดโกลาหลด้วยความตื่นตระหนก

สํานักเครื่องนิลสูญเสียความแข็งแกร่งไปอย่างมากในการสํารวจอาณาจักรสวรรค์แห่งมังกรปีศาจ อีกทั้งยังสูญเสียกําลังพลจากการปะทะกับสํานักเบญจลักษณ์ บัดนี้หลงเหลือศิษย์ที่สามารถต่อสู้ได้เพียงแปดร้อยคนเท่านั้น จํานวนนับว่าไม่น้อยหากแต่อ่อนล้าและได้รับบาดเจ็บสาหัส สภาพเช่นนี้จะต่อกรกับสํานักหมอกเมฆาเต็มกําลังได้อย่างไร? ซ้ําร้ายอีกฝ่ายยังมีผู้ที่สามารถย้อนกลับการทํางานของอาณาเขตได้อีกด้วย

“ไอ้เด็กเวร! เป็นเจ้าจริงๆ สินะ!”

โท่วป่าเซียงขบกรามแน่น เขาอยากเขวี่ยงหม้อสัมฤทธิ์บนบ่าบดขยเยี่ยฉวนให้แหลกละเอียดเป็นเนื้อบดแทบขาดใจ ทว่ากลับข่มโทสะของตนไว้พร้อมเอ่ยคํา “ไอ้หนู เจ้าทําข้าแปลกใจมากทีเดียว รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราต้องการโจมตีสํานักเบญจลักษณ์วันนี้?”

โท่วป่าเซียงสับสนุนงงอยู่ภายใน หากไม่ได้คําตอบกระจ่างแจ้งคงไม่อาจตายตาหลับเป็นแน่

“โท่วป่าเซียงเพียว” เยี่ยฉวนตอบ

“อะไรกัน เซียงเนียว นาง… นางบอกเจ้างั้นรึ? จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร?”

โท่วป่าเซี่ยงแทบกระอักเลือด เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะถูกขายโดยบุตรสาวในไส้เช่นนี้ แต่เมื่อไตร่ตรองดูก็พบว่าเป็นไปไม่ได้เพราะนางไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับแผนการนี้อย่างจําเพาะเจาะจง ไม่มีทางที่นางจะแพร่งพรายเรื่องใดออกไปได้

“โท่วป่าเซียงเพียวไม่จําเป็นต้องบอกข้าหรอก ไม่ว่าใครก็รู้หากพบนางเข้า”

เยี่ยฉวนหยุดครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกราบเรียบ “ท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐ ท่านหลักแหลมมาก…มากพอจะใช้บุตรสาวเป็นเครื่องมือ น่าเสียดายที่ท่านหลักแหลมเกินไปจนเปิดโปงแผนการตัวเองเข้าอย่างง่ายดาย ท่านต้องการเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ผลลัพธ์นั้นย้อนกลับไปทําลายตัวท่านและสํานักของท่าน”

“ไอ้หนู เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” โท่วป่าเซียงรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย

การหมายหมั้นโท่วป่าเซียงเพียวกับศิษย์สายตรงและขับไล่นางออกจากสํานักเป็นเพียงอุบาย เพื่อสร้างความเกลียดชังและหวาดระแวงแก่เยี่ยฉวน ทั้งยังเป็นการเบี้ยยงเบนความสนใจให้เขาเตรียมตั้งรับการลอบโจมตีจากสํานักเครื่องนิลขณะที่พวกเขาบุกโจมตีสํานักเบญจลักษณ์แทน เขาแทบไม่คาดฝันว่าเยี่ยฉวนจะมองทุกสิ่งออกทะลุปรุโปร่ง

โท่วป่าเซียงชื่อเสียงระบือลือไกลในเทือกเขาหมอกเมฆามานานหลายปีและประจันหน้ากับยอดฝีมือมานับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยพบเจอนักวางแผนที่เหนือชั้นเฉกเช่นเยี่ยฉวนมาก่อน บัดนี้ สํานักเครื่องนิลถูกกักขังอยู่ในสานักเบญจลักษณ์โดยไร้การป้องกัน ไอ้เด็กเหลือขอจะยอมพลาดโอกาสทองเช่นนี้ไปหรือ?

หัวใจของโท่วป่าเซียงหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก สถานการณ์เลวร้ายที่สุดพลันผุดขึ้นในห้วงคํานึงอันโหดร้าย…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด