Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 313 ฆ่าดีหรือไม่?
บทที่ 313 ฆ่าดีหรือไม่?
การบุกรุกของจักรวรรดิต้าฉันทําให้ทุกคนในสํานักหมอกเมฆาวิตกกังวลกันถ้วนหน้า
เยี่ยฉวนสั่งการด้วยตนเองพร้อมส่งหน่วยสอดแนมไปรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับกองกําลังทหารของจักรวรรดิต้าฉัน เขาเพิ่มค่ายกลและอาณาเขตวิเศษอื่นๆ นอกเหนือจากค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์และค่ายกลอสุรกายประจัญบาน อีกทั้งยังเพิ่มจุดตรวจตราและกับดักหลายต่อหลายชั้น
ณ ชายแดนเทือกเขาหมอกเมฆา ทัพหน้าของจักรวรรดิต้าฉันที่เดินทัพอย่างมีชัยตัดสินใจหยุดพักเพื่อรอกองทัพใหญ่อันทรงพลังที่กําลังติดตามมา สองวันล่วงไปกองกําลังหลักก็เร่งรุดมา ถึงในที่สุด กำลังพลอันแข็งแกร่งกว่าสองแสนนายประจําการที่เมืองผิงหยวนซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ บริเวณเชิงเขา
เมืองผิงหยวนตั้งอยู่ในหุบเขาขรุขระล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน มีทางเข้าออกเพียงหนึ่งเดียวที่ขนาบข้างด้วยบ้านเรือนหลายหลังไกลออกไปไม่ถึงร้อยเมตรเป็นที่ตั้งของป่าทึบ ผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลเชื่อมต่อกันจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
เมืองเล็กแห่งนี้มีชาวเมืองเพียงแค่หนึ่งถึงสองพันคน หากแต่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจนถือได้ว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในบริเวณนี้ บรรพบุรุษของผู้คนส่วนมากอพยพมาจากชายแดนทางใต้หรือที่อื่นๆ บ้างยังชีพด้วยการล่าสัตว์ บ้างทําการค้าขายสมุนไพรชนิดพิเศษในเทือกเขาหมอกเมฆา และบ้างประกอบอาชีพใช้แรงงาน พวกเขาดํารงชีวิตอย่างยากล่าบาก เมื่อทหารกว่าสองแสนนายหลั่งไหลเข้ามาอย่างกะทันหันจึงแออัดจนแม้แต่น้ําหยดเดียวก็ไม่อาจแทรกซึมผ่าน
เย็นวันนั้นเมื่อกองทัพแข็งแกร่งปักหลักในเมืองแขกที่ไม่ได้รับเชิญจึงมาเยือนป่าละแวกนั้น
เยี่ยฉวนยืนมองค่ายทหารไกลๆจากบนเนินเขาสูงด้วยสายตาเย็นเยียบ ข้างหลังของเขาคือหลงเอ่อร์น้อย ปีศาจเพลิง ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินและผู้ติดตามคนอื่นๆ
เมื่อกองทัพจักรวรรดิต้าฉันเข้าประชิดชายแดน เยี่ยฉวนไม่ได้หลับหูหลับตาป้องกันหากแต่ เริ่มเปิดฉากจู่โจมอย่างเหนือความคาดหมาย เขาตรงไปยังรอบนอกของเทือกเขาหมอกเมฆาเพื่อสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกองทัพฝ่ายศัตรูด้วยตนเอง ชายหนุ่มไม่ได้พาศิษย์สํานักหมอกเมฆามามากมาย มีเพียงผู้ติดตามมากฝีมือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
อาจเป็นเพราะความเร่งรีบทําให้สถานที่ที่กองทัพจักรวรรดิต้าฉันเลือกตั้งค่ายนั้นคับแคบเกินไป กระโจมแต่ละหลังอยู่ชิดกันมากทั้งยังมีทหารเดินพลุกพล่านอยู่โดยทั่ว ชาวเมืองต่างซ่อนตัวอยู่ในบ้านด้วยความหวาดกลัว บางคนหลบหนีขึ้นไปบนเขาทันทีที่ได้ยินข่าว
“คุณชายผู้ประเสริฐ เราทําให้พวกเขาประหลาดใจเล่นด้วยการเผาค่ายแห่งนี้ดีหรือไม่? ฮิๆๆ” ปีศาจเฒ่าหัวเราะเสียงแหลม แววตาสีเขียวทอประกายชั่วร้าย
กําลังพลสองแสนอาจทําให้คนธรรมดาตะลึงงันเมื่อได้ยิน แต่ในสายตาของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินกลับมองว่ามีเพียงแค่สองแสนเท่านั้น การกลืนกินโลหิตแก่นแท้และปราณหยางของทหารสองแสนนายอาจทําให้มันบรรลุขั้นมหาปราชญ์ฝึกหัดได้ไม่ยาก!
วิญญาณร้ายเริ่มนับถือเยี่ยฉวนอย่างแท้จริงหลังยึดครองส่านักเครื่องนิลและสํานักเบญ จลักษณ์ได้สําเร็จ มันจึงเรียกอีกฝ่ายว่า คุณชายผู้ประเสริฐ ด้วยความจริงใจ
“ยังก่อน เราอาจทําให้พวกเขาประหลาดใจเล็กน้อยได้ แต่การเผาค่ายยังเร็วเกินไปและไม่ ง่ายขนาดนั้น ก่อนอื่นมาดูกันว่าผู้บัญชาการกองทัพของพวกเขาเป็นใคร!” เยี่ยฉวนปรบมือ พร้อมสั่งให้ปีศาจเพลิงและคนอื่นๆรอเวลา ทว่าตัวนิ่มหลายร้อยตัวกลับผุดขึ้นมาจากป่าเบื้องหลังและมุ่งหน้าไปยังเมืองเล็กที่เชิงเขาภายใต้ความมืดมิดยามราตรี
กองกําลังของศัตรูมงานยุ่งล้นมือแต่กลับเป็นระเบียบไม่วุ่นวายสมกับที่ได้รับการฝึกซ้อมมาเป็ นอย่างดี มิหนําซ้ํายังมีออร่าทรงพลังแผ่ออกมาบ่งบอกว่ามียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย หากพวกเขารับรู้ อนบุกเข้าไปโดยตรงอาจถูกฆ่าตายก่อนจะได้รู้ตําแหน่งกระโจมของผู้บัญชาการ เยี่ยฉวนจึงใช้กํา ลังพลและจุดแข็งของตนเองอย่างรอบคอบ
อาณาเขตป้องกันที่ประตูทางเข้าหลักและค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์ในสํานักหมอกเมฆานับเป็น ปราการด่านสุดท้าย พวกเขาจึงจําเป็นต้องหาวิธีรับมือระหว่างเส้นทางบนภูเขาด้วยหากต้องกา รมีชัยเหนือกองทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ซึ่งทักษะพิเศษเฉพาะตัวของบรรดาสัตว์อสูรถือเป็นคลังแสงชั้นดีของเยี่ยฉวน!
ยามพลบค่ํา เสียงเซ็งแซ่ของเหล่าทหารค่อยๆเงียบลงในที่สุด
ต่อให้ร่างกายหลอมขึ้นจากเหล็กก็ต้องอ่อนล้าจากการควบม้าเดินทางไกลด้วยความเร็วสูงสุดมาทั้งวัน นายทหารพากันหลับใหลอยู่ในกระโจม แต่แน่นอนว่ามีทหารยามหลายนายที่ยังเดินลาดตระเวนรอบค่ายพร้อมคบไฟในมือ
ก่อนรุ่งสาง บรรดาทหารที่ทําหน้าที่เฝ้ายามเริ่มกระจัดกระจาย มีบางคนที่ยังยืนหยัดประจําตำแหน่งพร้อมดาบในมือ แต่ส่วนใหญ่ล้วนผล็อยหลับพิงกําแพง ก้อนหิน หรือต้นไม้ แรกเริ่มพวกเขาคงอยากพักสายตาเพียงชั่วครู่เท่านั้นแต่ทนฝืนความง่วงงุนไม่ไหว บางคนถึงกับกรนเสียงดังออกมา
สายลมเย็นเฉียบพัดพาใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นปลิวว่อนไปตามถนนหนทาง
ร่างสูงปรากฏกายขึ้นในตรอกมืดอย่างเงียบเชียบเสียจนไม่มีทหารยามรู้สึกตัวแม้แต่คนเดียว เขานั่งรอให้ทหารถือคบเพลิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่านไปจึงก้าวออกจากตรอก ร่างนั้นเคลื่อนกายไกลออกไปสิบเมตรในชั่วพริบตาก่อนจะหายวับไปในแสงสลัวยามค่ําคืน
เยี่ยฉวนใช้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามลอบเข้ามาในเมืองเล็กที่มีการอารักขาอย่างแน่นหนาด้วยตนเอง
เป้าหมายหลักในคืนนี้คือการตามหาผู้บัญชาการกองทัพ เพื่อดูว่าผู้นําในการบุกรุกครั้งนี้มีลักษณะอย่างไร และสอดส่องสถานการณ์ภายในเท่านั้น จากนั้นรอให้ศัตรูเข้ามาในเทือกเขาค่อยสกัดกั้นและโต้กลับอย่างรุนแรงก็ยังไม่สาย!
ค่ายทหารที่ตั้งขึ้นอย่างลวกๆ นี้เป็นเพียงบ้านไม้สองชั้นหลังเล็กที่สว่างไสวด้วยตะเกียงน้ํามัน เยี่ยฉวนแอบย่องเข้าไปอย่างระมัดระวัง มีทหารจํานวนมากอารักขาอยู่ภายนอก ส่วนภายในห้องฝึกตนชั้นสอง มีเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะหนาหนักนั่งตัวตรงอยู่ ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมมิดชิดจนเห็นเพียงแค่ดวงตา เขายังคงไม่หลับใหลแม้จะเป็นเวลากลางดึก หากแต่กําลังพินิจุดแผนที่เทือกเขาหมอกเมฆาขนาดใหญ่ โดยมีบัณฑิตวัยกลางคนอายุราวห้าสิบปีไว้เคราแพะสีเหลืองยืนอยู่เคียงข้างเสมือนเป็นที่ปรึกษา
“ท่านแม่ทัพ ยามนี้ดึกมากแล้ว ท่านควรพักผ่อนเสียก่อน การดูแลร่างมังกรของท่านให้ดีเป็นสิ่งสําคัญที่สุด” บัณฑิตวัยกลางคนอ้าปากหาว นัยน์ตาของเขาปรือปรอยด้วยความง่วง ทว่าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะกลับไม่มีร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย
“ถังอี้เซียน หากเจ้าเหนื่อยก็ไปพักก่อนเถิด ข้าขอดูอีกสักพัก
แม่ทัพผู้นี้แลดูเยาว์วัยนักแต่น้ําเสียงของเขากลับแหบพร่าและให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราวกับว่าเยี่ยฉวนเคยได้ยินมาก่อน “ข้าได้รับโอกาสนี้มาอย่างยากลําบาก นี่เป็นเจตจํานงของสวรรค์ แม่ทัพผู้นี้จะนํากองทัพเข้าสู่เทือกเขาหมอกเมฆาและทําลายสํานักหมอกเมฆาให้ราบเป็นหน้ากลอง!”
น้ําเสียงของแม่ทัพหนุ่มฟังดูสงบเยือกเย็นทว่าดวงตากลับทอประกายกล้า จิตสังหารแฝงอยู่ในทุกถ้อยค่าประหนึ่งเคียดแค้นชิงชังสํานักหมอกเมฆามาช้านาน!
เยี่ยฉวนไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงเกลียดชังสํานักของเขาได้ถึงเพียงนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นผู้บัญชาการกองทัพข้าศึกที่ขนานนามกันว่าแม่ทัพโลหิตกล้าผู้โดดเด่นด้านการสังหารหมู่ไม่ผิดแน่ หากเยี่ยฉวนปลิดชีพแม่ทัพในตอนนี้จะทําให้กองกําลังสองแสนนายกลายเป็นมังกรไร้หัวทันที ขวัญกําลังใจของพวกเขาจะหดหายและอาจต้องล่าถอยก่อนจะได้เข้าสู่เทือกเขาหมอกเมฆาเสียอีก
“ฆ่าเลยดีหรือไม่?
เยี่ยฉวนที่เร้นกายอยู่ในความมืดเกิดลังเลขึ้นมา
เดิมที่เป้าหมายในค่ําคืนนี้คือการรวบรวมข่าวกรองเท่านั้น เขาไม่ได้เตรียมการมาจู่โจมรวดเร็ว ถึงเพียงนี้ แต่ในยามนี้มีแม่ทัพและที่ปรึกษาอยู่ในห้องฝึกตนเพียงสองคน ขั้นการฝึกตนของแม่ ทัพโลหิตกล้าไม่ต่ํานัก เยี่ยฉวนสัมผัสได้เลือนรางว่าเด็กหนุ่มเป็นยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ ระดับสูง แต่ระดับของชายที่ปรึกษานั้นไม่คู่ควรให้พูดถึงเสียด้วยซ้ํา เขามีโอกาสสูงที่จะสังหารอีก ฝ่ายได้หากอัญเชิญปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน จักจันทองคํา และสัตว์อสูรอื่นๆออกมาทันที หากไม่รีบลงมืออาจไม่มีจังหวะเหมาะเช่นนี้อีกแล้ว!
คอมเม้นต์