Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 334 ถูกพายุต้อนให้จนมุม
บทที่ 334 ถูกพายุต้อนให้จนมุม
ทันทีที่เยี่ยฉวนกลับถึงสํานักหมอกเมฆาจึงเข้าสมาธิฝึกตนอย่างสันโดษอีกครั้ง ส่วนจูซื้อเจียและปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินหยุดพักผ่อนร่างกายสองวันก่อนเริ่มโจมตีเป็นครั้งที่สอง
ฝ่ายสํานักหมอกเมฆาซึ่งมีหัวเรือใหญ่คือศิษย์พี่หญิงจูซื้อเจียและปีศาจเฒ่าหลัวเต่อได้วางกลยุทธ์เบี่ยงเบนความสนใจและพยายามโจมตีป้อมปราการอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงแรกผลลัพธ์เป็นไปด้วยดี พวกเขาสามารถสังหารยอดฝีมือชั้นเลิศจากฝ่ายตรงข้ามได้หลายราย ทําให้จํานวนทหารที่ยืนหยัดปกป้องฐานที่มั่นลดน้อยลงเรื่อยๆ จากเดิมที่มีทหารประจําการกว่าสามพันนายตอนนี้เหลือเพียงแปดร้อยนายเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นทหารแก่ ผู้อ่อนแอ เจ็บป่วย และทุพพลภาพ หลายครั้งที่คนเหล่านี้เห็นเพียงเงาของฝ่ายตรงข้ามก็ยอมจํานนโดยไม่ต่อต้านหรือขัดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้น
หลังการต่อสู้ยึดเยื้อไปถึงครึ่งเดือน ในที่สุดสํานักหมอกเมฆาก็ได้รับชัยชนะ พวกเขาทําลายฐานที่มั่นรวมถึงปราการทุกท่านที่ฝ่ายศัตรูสร้างขึ้นจนพังราบ จํานวนนักโทษที่จับกุมได้ก็เกือบถึงหนึ่งหมื่นคนแล้ว พวกเขาสามารถรุกคืบไปจวนถึงย่านเมืองเก่าผิงหยวนอันเป็นค่ายหลักของกองทัพจักรวรรดิต้าฉันเต็มที่ เหล่าศิษย์ชั้นเลิศผู้มีหน้าไม้เศียรมังกรในมือกระหน่ํายิ่งและไล่ล่าศัตรู กระทั่งกองทัพเคลื่อนเข้าไปในเขตอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
ครั้นสํานักหมอกเมฆาใกล้พลิกกลับมาชนะอีกครา ศิษย์ทุกคนต่างรู้สึกยินดีและฮึกเหิมไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะจาวตาจ่อที่โอ้อวดยิ่งขึ้นไปอีก บรรยากาศโดยรวมเต็มไปด้วยความครื้นเครง
ตรงกันข้าม กองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉันกลับตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สํานักหมอกเมฆากดดันพวกเขาให้ยอมรับชะตากรรมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เวลานี้ยังพอรับมือได้บ้าง ทว่าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปเห็นทีคงต้องยอมล่าถอยและพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์เสียแล้ว
ขณะที่ทุกคนมีพลังใจเต็มเปี่ยม แต่จิตใจของจูซื้อเจียยังเต็มไปด้วยความกังวล กระทั่งนางอดทนเก็บงําความรู้สึกนั้นไม่ได้จึงไปตามตัวปีศาจเฒ่าหลัวเต่อและเคาะประตูเรียกเยี่ยฉวนในคืนหนึ่ง
ด้านในห้องนอน เยี่ยฉวนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่อย่างนั้น เปลือกตาทั้งสองปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะอย่างสม่ําเสมอ ดูเหมือนเขาคงเข้าสู่สมาธิฝึกตนจนผล็อยหลับไปและท่องอยู่ในโลกแห่งภวังค์จิตไม่รู้ตื่น
บรรยากาศในห้องมีกลิ่นหอมเจือจางลอยกรุ่น เมื่อผู้คนสูดดมจึงสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายและสดชื่น บนโต๊ะไม้ตัวเล็กซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างเตียงนอนมีเตาเผาถ่านขนาดย่อมซึ่งมีไฟลุกโชนอยู่ สนับแขนโลหะซึ่งอีกฝ่ายน่าจะเก็บมาจากสนามรบถูกวางอยู่เหนือเตาเผาและปล่อยให้ไฟเผาไหม้ ควันสีเข้มม้วนตัวลอยขึ้นสู่ด้านบน
“เอ๊ะ! คุณชายผู้ประเสริฐ อย่าบอกนะว่านี่คือ…”
ปีศาจเฒ่าหลัวเต๋อตกตะลึงเล็กน้อยขณะสังเกตเห็นสนับแขนซึ่งกําลังถูกเปลวไฟแผดเผาชิ้นนั้น
มันอาจเข้าใจได้หากเยี่ยฉวนใช้วิธีโยนเข้าไปในเตาหลอมเพื่อขัดเกลา ทว่าเหตุใดเขาถึงได้ย่างมันด้วยไฟอ่อนๆ เช่นนี้?
“ถูกแล้วหลัวเต๋อ นี่คือสนับแขนที่เจ้าได้รับมาจากการทําสงคราม”
เยี่ยฉวนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ขณะอธิบายต่อไปด้วยน้ําเสียงราบเรียบ “ที่จริงแล้วสมบัติชิ้นนี้ไม่ใช่สนับแขนที่ทําจากโลหะธรรมดา ทว่าทําขึ้นจากชิ้นส่วนของเครื่องหอมหยก ตํานานกล่าวว่าทุกสรรพสิ่งล้วนมีต้นกําเนิดอันน่าอัศจรรย์ มนุษย์มีต้นตระกูล… มังกรมีบรรพบุรุษ… แม้แต่พฤกษานานาพันธุ์ยังมีพันธุ์ดั้งเดิม เครื่องหอมหยกนี้เกิดจากยางของต้นไม้พันธุ์ดั้งเดิมที่ควบแน่น เพียงหนึ่งหยดสามารถคงอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ มีคุณสมบัติเสริมสร้างรากฐานให้มั่นคง ปลอบประโลมวิญญาณ และกําจัดปีศาจร้ายที่กลืนกินจิตใจ”
หลังทําการพิจารณามานานนับเดือน ในที่สุดเยี่ยฉวนก็สามารถมองเห็นวัสดุแก่นแท้ที่ใช้ผลิตสนับแขนชิ้นนี้ และตระหนักถึงคุณสมบัติของมันว่าเป็นอย่างไร
แท้จริงแล้วเครื่องหอมหยกไม่อาจจัดประเภทให้เป็นสมบัติล่าค่า ทว่าคุณสมบัติของมันยากที่จะเอามาเทียบกับอาวุธสังหารขนาดใหญ่หลายชนิด นับตั้งแต่เขาทําการย่างเครื่องหอมนี้ด้วยไฟอ่อน เมื่อเวลาผันผ่านไปครึ่งเดือนกลิ่นหอมละเอียดของมันกลับให้อารมณ์แตกต่างไปอีกระดับหนึ่ง พลังปราณซึ่งหมุนวนอย่างบ้าคลั่งราวพายุมรสุมปรากฏขึ้นภายในจุดตันเถียน เป็นสัญญาณ บ่งบอกว่ายันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่ใกล้ควบแน่นเต็มที่ ทั้งยังเห็นสัญญาณของการบรรลุสู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่สามอีกด้วย!
ปกติแล้วยันต์กลืนกินสวรรค์หนึ่งใบจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ฝึกตนถึงหนึ่งหมื่นแปดพันจิน ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้คือยันต์ใบใหม่จะมีลักษณะเช่นไรกันแน่?
จิตใจของเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยความคาดหวังกับการพัฒนาครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
“ต้นไม้พันธุ์ดั้งเดิมเช่นนั้นหรือ? อื่ม… ข้าพอคุ้นเคยว่าภายในถ้ําพุทธดรรชนีมีต้นไม้นี้อยู่ ทว่า มันมีขนาดใหญ่กว่ามากนัก ทั้งยังสั่งสมบารมีจนกระทั่งกลายรูปร่างเป็นมนุษย์ ผู้คนต่างเรียกขาน ว่าราชินีแห่งไม้หอม” ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อกล่าวพลางขมวดคิ้วเมื่อครุ่นคิดถึงความทรงจําอัน ยาวนานของตน
“เครื่องหอมที่สั่งสมบารมีจนกลายร่างเป็นมนุษย์กระนั้นรี?!”
เยี่ยฉวนผุดลุกขึ้นยืนทันที “หลัวเต่อ เจ้าแน่ใจหรือไม่? ถ้าพุทธดรรชนีที่เจ้าเคยอยู่มีต้นไม้ชนิดนี้ด้วยหรือ?”
“คุณชาย นั่นเป็นข่าวลือที่ข้าได้สดับรับฟังมาเพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่ได้มองเห็นด้วยตาแต่ อย่างใด นอกจากนี้มันยังนานมาแล้ว ข้าจํารายละเอียดไม่ค่อยถนัด” ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อตอบกลับ พลางหลุบตาลงต่ําด้วยความเคอะเขิน
ในดินแดนรกร้างกว้างใหญ่แห่งนี้ มันเป็นวิญญาณชั่วร้ายเก่าแก่ที่สามารถเรียกลมฝนได้ อีกทั้งเคล็ดวิชาเถาวัลย์ร่ายระบํายังเป็นพรสวรรค์แต่กําเนิดซึ่งมีความแข็งแกร่งมหาศาล ตอนอาศัยอยู่ในโลกภายนอกความสามารถของเขาสูงส่งไร้ที่ติ ทว่าสมัยอาศัยอยู่ในถ้ําพุทธดรรชนี ความสามารถเหล่านี้กลับไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงด้วยซ้ํา ราชินีไม้หอมเป็นวิญญาณร้ายที่สั่งสมพลังปราณ และบารมีจากธรรมชาติจนมีวรยุทธ์ท้าทายสวรรค์ มันซึ่งเป็นเพียงปีศาจตัวจ้อยจึงไม่อาจหาญพอที่จะติดต่อกับนางได้
“ถ้ําพุทธดรรชนี ราชินีไม้หอม…”
เยี่ยฉวนพึมพําทวนชื่อทั้งสองให้แม่นยํา ความคิดที่ต้องการเข้าไปสํารวจภายในตัวถ้ํา พุทธดรรชนี้ลุกโชนขึ้น
ตอนที่เดินทางสํารวจจนค้นพบทางเดินที่อาจนําไปสู่ดินแดนลึกลับในถ้ําพุทธดรรชนีซึ่งตั้งอยู่ บนเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะ เขาเคยคิดเข้าไปสํารวจเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าปีศาจหลัวเต่อที่ว่าทระนงตนเป็นเลิศยังไม่อาจหาญพอที่จะกลับเข้าไปภายใน แม้ขั้นการฝึกตนสูงส่งถึงเพียงนี้แต่มันยังกล่าวว่าไม่มากพอที่จะอุดซี่ฟันของวิญญาณชั่วร้ายตนอื่น ดังนั้นหากเยี่ยฉวนจะเข้าไปสํารวจภายในเห็นที่ต้องบรรลุตั้งแต่ระดับกึ่งปราชญ์ขึ้นไปเสียก่อน
“ศิษย์พี่ใหญ่ สถานการณ์ตอนนี้มีข้อบกพร่องบางประการ…”
จูซื้อเจียเอ่ยขึ้นขัดบทสนทนาของทั้งสองและรายงานสถานการณ์ล่าสุดทันที “เวลานี้ฝ่ายเราได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังรุกคืบไปจนเกือบถึงค่ายหลักของกองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉันแล้ว ป้อมปราการทั้งหมดถูกทําลายราบคาบ เราสามารถจับกุมเชลยได้นับหมื่นคน ตอนนี้ศิษย์ร่วมสํานักต่างปีติยินดีไม่น้อย หากแต่ข้าตะหงิดใจว่าอาจมีบางสิ่งผิดปกติ สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ดูราบรื่นเกินไป ต่อให้พวกเขาหวาดกลัวหน้าไม่เศียรพยัคฆ์เพียงใด แต่แนวป้องกันรวมถึงแผนต้านทานของพวกเขากลับอ่อนแอจนน่าสงสัย”
“เจียเจีย เจ้ากําลังคิดว่าอีกฝ่ายเตรียมวางแผนการบางอย่างใช่หรือไม่?” เยี่ยฉวนกล่าวด้วยน้ําเสียงเคร่งขรึม
หลังองค์ชายหลีก่วงซ่านประสบความพ่ายแพ้ยับเยินในครั้งที่แล้ว ตามจริงแล้วเขาควรพากองทัพของตนวกกลับมาโจมตีในทันที ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะยึดเวลาโจมตีกลับไปเรื่อยๆ ทั้งยังปล่อยป้อมปราการในแต่ละด่านซึ่งสร้างขึ้นด้วยความลําบากแรมเดือนให้ปราชัยโดยไม่คิดหาการตั้งรับที่เหมาะสม สิ่งนี้ถือว่าผิดวิสัยนัก
“ถูกแล้ว พวกมันต้องวางแผนอะไรบางอย่าง อาจเป็นการ
เคลื่อนไหวอย่างฉับพลันในภายหลัง หรือไม่ก็อาจรอคอยกําลังเสริมให้ตามมาสมทบ” จูซื้อเจียเอ่ยสนับสนุนความคิดของอีกฝ่าย สําหรับปีศาจเฒ่าหลัวเต่อแล้วขอเพียงได้สังหารมนุษย์เรื่องอื่นย่อมไม่สําคัญ แต่นางกลับรู้สึกวิตกกังวลยิ่ง
“ถังเซียนส่งข่าวลับใดๆ กลับมาบ้างหรือไม่?” เยี่ยฉวนเอ่ยถาม
“ชายผู้นั้นยังติดต่อสื่อสารกับเราไม่ขาดสาย ทว่าข้อมูลที่ได้รับจากเขาไม่ได้เป็นประโยชน์ใดทั้งสิ้น ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าสงสัยว่าเขาอาจถูกจับได้ หรือไม่องค์ชายหลีก่วงฮานอาจปิดบังแผนการลับจากทุกคนจนแม้แต่คนสนิทยังไม่อาจล่วงรู้ ขณะนี้พวกเขายังสงบเงียบ กังวลเพียงแต่ว่าเมื่อเริ่มเคลื่อนไหวทุกสิ่งจะรุนแรงประหนึ่งมรสุมฝนฟ้าคะนองที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง” จูซื้อเจียรู้สึกเคร่งเครียดยิ่ง หัวใจของนางยามนี้ราวถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันหนาทึบ
“เช่นนั้นข้าจะขึ้นไปยังยอดเขาสูงสุดของเทือกเขาหมอกเมฆาเพื่อตรวจสอบเสียหน่อย”
ครั้นกล่าวจบเยี่ยฉวนจึงทะยานขึ้นฟ้าก่อนร่อนลงยังตําแหน่งสูงสุดของสานักหมอกเมฆาและมองลงไปยังเบื้องล่าง
บนยอดสูงสุดตรงจุดที่เขายืนอยู่ เมฆสีดําทะมึนลอยต่ําเรียยอดเขา แสงสีนวลจากดวงจันทร์ส่องสลัวไปทั่วขอบฟ้า เยี่ยฉวนรู้สึกคล้ายก้อนเมฆด้านบนกําลังจะกดทับลงมา และอาจเกิดพายุมรสุมต้อนให้จนมุมในไม่ช้านี้…
คอมเม้นต์