แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 227 เขาไม่ได้อยากฟังเลยสักนิด / บทที่ 228 หัวหน้าผู้ดูแลวังหลวงถูกซื้อตัว
บทที่ 227 เขาไม่ได้อยากฟังเลยสักนิด
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าสามารถกลับไปได้แล้ว พละกำลังก็ฟื้นคืนขึ้นมาทันที
วัดไข้เสร็จแล้ว ก็มีชายชราเข้ามาจับชีพจรให้เธออีก หลังจากมั่นใจว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว ซือเยี่ยหานก็สั่งให้สวี่อี้ขับรถไปส่งเธอกลับบ้านจริงๆ
น่าจะเป็นเพราะความคิดถึงบ้าน เพราะเป็นคนสองภพ ในที่สุดก็จะได้พบหน้าพ่อแม่ เธอจึงรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากล้มละลาย พ่อกับแม่ก็ไปพึ่งพาน้าชาย ตอนนี้จึงอาศัยอยู่ที่บ้านของน้าชาย
น้าชายชื่อเหลียงเจียหาวเป็นคนธรรมดาไม่ได้มีความสามารถอะไร จบจากมหาวิทยาลัยธรรมดา ไม่มีความสามารถพิเศษ ไม่ได้มีความดีความชอบอะไร ตอนแรกแม้แต่เงินแต่งงานก็เป็นพ่อกับแม่ของเธอช่วยจัดการให้ ส่วนเรือนหอก็เป็นทรัพย์สินภายใต้ชื่อของพ่อกับแม่เธอ
ภายใต้ความช่วยเหลือของพ่อกับแม่ในช่วงหลายปีมานี้ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตได้อย่างชุ่มชื่น น้าหญิงก็มาเป็นคุณนายแม่บ้านเต็มตัว ตั้งใจดูแลบ้านคอยรับส่งลูกสาวไปโรงเรียน
หากว่าเธอจำไม่ผิดละก็ เหลียงซือหานลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงของเธอปีนี้น่าจะขึ้น ม.หก และสอบเอนทรานซ์พร้อมกับเธอในปีนี้
เหลียงซือหานมีนิสัยหยิ่งยโสและเอาแต่ใจ ชอบเปรียบเทียบกับเธอในทุกๆ ด้าน ขอเพียงเธอมีของเล่นใหม่ ก็จะคิดหาวิธีเพื่อให้ได้มาเช่นกัน
คุณแม่รักและตามใจน้องชายของตัวเองคนนี้มาตั้งแต่เล็ก จึงรักและเอ็นดูหลานสาวมากเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วของขวัญที่ให้เธอ ก็จะเตรียมเผื่อเหลียงซือหานด้วยชิ้นหนึ่ง แทบจะรักและเอ็นดูเหลียงซือหานเสมือนเป็นลูกสาวอีกคนหนึ่ง ถึงขนาดทำให้เธอรู้สึกอิจฉาจนทะเลาะกับคุณแม่อยู่หลายครั้ง
หลังจากเกิดเรื่อง สิ่งแรกที่แม่คิดถึงก็คือไปพึ่งพาน้องชายคนสนิท…
เยี่ยหวันหวั่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ในใจ ไม่นานรถก็แล่นมาถึงพื้นที่คฤหาสน์แห่งหนึ่ง
สิ่งแวดล้อมและความร่มรื่นของพื้นที่คฤหาสน์ไม่เลวเลย ทุกตึกจะมีประตูหน้าบ้านส่วนตัว และสวนหย่อมเล็กๆ ของตัวเองด้วย
แม้จะยังอยู่ไกลแต่ก็สามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างอันคุ้นเคยได้ เยี่ยหวันหวั่นรีบบอกให้สวี่อี้หยุดรถ
ขณะที่กำลังลงรถ สวี่อี้ที่นั่งอยู่ที่นั่งด้านหน้าหันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าเศร้าโศก
เยี่ยหวันหวั่นถูกสายตาคู่นั้นจ้องมองจนรู้สึกขนลุก “พ่อบ้านสวี่ นายมีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่า?”
ทำหน้าเหมือนมีเรื่องสำคัญอยากจะพูดแบบนั้นหมายความว่าอะไร?
สวี่อี้ยังคงจ้องเธอด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณหนูเยี่ย ผมยังตัวคนเดียว ยังไม่ได้แต่งงานเลย…”
เยี่ยหวันหวั่น “แล้ว?”
สวี่อี้ “อย่างน้อยขอให้ผมได้มีชีวิตอยู่ถึงวันที่ได้แต่งภรรยาได้ไหมครับ?”
เมื่อไม่นานมานี้เขายังพูดว่านายท่านเป็นคนมีหลักการมีบรรทัดฐาน คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงข้ามคืน เขาก็ยอมอนุญาตให้เยี่ยหวันหวั่นกลับมาแล้ว
วันนี้ตอนที่ออกมา เพื่อความไม่ประมาท เขาได้แนะนำให้นายท่านส่งคนมาด้วยมากกว่านี้จะได้ดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่ก้าวเดียว แต่นายท่านกลับส่งเขามาเป็นคนขับรถเพียงคนเดียว
นี่หมายความว่า ไม่คิดจะจับตาการเคลื่อนไหวของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว
แต่ว่าหากคนหายไป เขาก็จะเป็นคนแรกที่ซวย!
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแบบนี้ก็กระตุกริมฝีปาก “ถ้านายไม่ไว้ใจ จะตามฉันไปด้วยก็ได้นะ!”
“ได้จริงๆ เหรอครับ?” สวี่อี้ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่น “ได้สิ อย่างมากก็แค่ถูกพ่อแม่ฉันเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนฉันเท่านั้นเอง!”
สวี่อี้ “…ผมว่าผมรอคุณอยู่ในรถดีกว่าครับ!”
เยี่ยหวันหวั่นมองขอบฟ้า เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “วางใจเถอะ ฉันไม่หนีหรอก เพราะว่า ฉันก็ยังไม่อยากตาย…หากว่ามีสักวันได้รับอิสระล่ะก็…ฉันอยากจะเลี้ยงดูหนุ่มน้อยหน้าขาวสักร้อยแปดสิบคน เปิดฮาเร็มสักสามพันแห่ง…”
สวี่อี้ “…!!!”
โอ่ย! คุณหนูของผม! อย่าพูดจาน่ากลัวแบบนี้ได้ไหมครับ?
ที่สำคัญคือยังจะมาพูดแบบนี้ให้เขาได้ยินอีก!
เขาไม่ได้อยากฟังเลยสักนิด!
เยี่ยหวันหวั่นเป็นไข้ไม่สบายจนเผาสมองพังไปแล้วใช่ไหม?
เยี่ยหวันหวั่นมองสวี่อี้ที่ตกใจจนตัวแข็งทื่อ หยักมุมปากยิ้ม เธอรู้ว่าสวี่อี้ไม่กล้าบอกซือเยี่ยหาน จะให้สวี่อี้รู้เรื่องพวกนี้ก็ไม่เป็นไร อย่างไรแล้วเธอจะเสแสร้งหรือเปล่า ลูกน้องของซือเยี่ยหานพวกนี้ก็ไม่มีทางเชื่อเธอ
…………………………………
บทที่ 228 หัวหน้าผู้ดูแลวังหลวงถูกซื้อตัว
เยี่ยหวันหวั่นแววตาเป็นประกายมองไปทางสวี่อี้ ได้เวลาหาพรรคพวกแล้ว…
ภายใต้สายตาหวาดกลัวสุดขีดของสวี่อี้ เยี่ยหวันหวั่นก็เอ่ยออกมาด้วยท่าทางตรงไปตรงมา “พ่อบ้านสวี่ ฉันก็ไม่ได้อยากปิดบังนาย สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดตอนนี้ ความจริงก็เพื่อรักษาชีวิตรอด เพียงแต่การรักษาชีวิตของฉัน ก็เป็นการรักษาชีวิตนายด้วย
ฉันรู้ว่าซือเยี่ยหานได้มอบหมายหน้าที่ให้นายเป็นคนดูแลเรื่องทุกอย่างของฉัน หากว่าฉันเกิดปัญหาอะไรขึ้น คนแรกที่ซวยก็คือนาย ดังนั้น พวกเรามาร่วมมือกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
สวี่อี้มองหญิงสาวตรงหน้าที่เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี “ร่วมมือ? หมายความว่าอย่างไรครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตาลง “ฉันไม่อยากโผล่ไปที่สวนจิ่นหยวนผิดเวลา จนเจอซือเยี่ยหานฆ่าคนเหมือนคราวก่อนอีก นายอยู่ข้างกายซือเยี่ยหานมานานหลายปี เข้าใจกฎต้องห้ามของเขาดีที่สุด หากในช่วงเวลาสำคัญ นายสามารถเตือนฉันได้ เลี่ยงไม่ให้ฉันไปยั่วโมโหเขา ฉันคิดว่าแบบนี้ดีทั้งต่อฉันและนายด้วย นายคิดว่าไง?”
คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ทว่ากลับทำให้สวี่อี้ระแวงหวาดกลัว
นี่ไม่เท่ากับให้เขาเป็นไส้ศึกหรอกเหรอ!?
เยี่ยหวันหวั่นคนนี้ กล้าเกินไปแล้ว!
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองสวี่อี้ ย่อมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร จึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ หนึ่ง ฉันไม่ได้บอกให้นายเปิดเผยความลับอะไร สอง ฉันไม่ได้บอกให้นายไปทำเรื่องอะไรที่เป็นผลร้ายกับเจ้านายของนายสักหน่อย ต่อให้ซือเยี่ยหานจะรู้เรื่องนี้ ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับนายเลย…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางหยุดไปครู่หนึ่ง กรอกตาแล้วพูดต่อไปว่า “ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้มากว่าฉันจะได้เป็นนายหญิงในอนาคตของตระกูลซือ เป็นว่าที่นายหญิงของนาย นับแค่ตอนนี้ ฉันก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ซือเยี่ยหานพาไปเจอคุณหญิงย่า ภายภาคหน้าหากว่านายบังเอิญไปทำอะไรให้ซือเยี่ยหานโกรธ หรือก่อเรื่องเดือดร้อนอะไร ฉันที่เป็นภรรยาก็ช่วยพูดให้ได้นะ ทำให้ตำแหน่งของนายมั่นคง ใช้ชีวิตไร้กังวล ต่อให้วันไหนฉันจะทะเลาะกับซือเยี่ยหาน ฉันก็จะไม่เลือกทะเลาะในเวลางานของนาย…”
ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของเยี่ยหวันหวั่น สวี่อี้ก็ตกใจอีกครั้ง
ไม่ใช่แค่ตกใจ เรียกว่าตกตะลึงจนพูดไม่ออกเลย
ผู้หญิงคนนี้พูดจาหว่านล้อมใจคนเก่งเหลือเกิน เพียงชั่วพริบตา ก็ทำให้เขาหวั่นไหวได้จริงๆ!
แต่ว่า…ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ เหมือนตัวเองเป็นหัวหน้าผู้ดูแลวังหลวงที่กำลังโดนนางสนมของฮ่องเต้ซื้อตัว…
“พ่อบ้านสวี่ นายเก็บไปคิดดูก็แล้วกัน” เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็ลงรถไป
ถ้าหากอีกฝ่ายคือหลิวอิ่ง เธอไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้กับเขาแน่
แต่ว่า สวี่อี้ไม่เหมือนกัน สวี่อี้เป็นคนที่รู้จักเอาตัวรอด ปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ได้ดี และยังเป็นคนที่ใกล้ชิดกับซือเยี่ยหานมากที่สุด หากเธอสามารถได้รับความช่วยเหลือจากสวี่อี้จริงๆ การใช้ชีวิตในวันข้างหน้าก็จะราบรื่นขึ้นมาก
สวี่อี้นั่งอึ้งอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ มองยังทิศทางที่เยี่ยหวันหวั่นจากไป แล้วจมสู่ภวังค์แห่งความคิด…
ลงรถมาแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็อาศัยความทรงจำหาคฤหาสน์ของน้าชายจนเจอ
ยืนหน้าประตูคฤหาสน์อยู่นาน เธอจึงตัดสินใจแอบย่องเข้าไปทางประตูหลังของสวนดอกไม้
เธอไม่อยากทำให้คนอื่นตกใจ เพียงแต่มองดูพวกเขาอยู่ไกลๆ อยากรู้ว่าพวกเขามีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง
คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งจะเข้ามา เธอก็ได้เห็นเงาร่างอันคุ้นเคยของคุณแม่
เยี่ยหวันหวั่นรีบหลบไปอยู่หลังพุ่มไม้ทันที แอบมองลอดพุ่มไม้ด้วยความระแวดระวังไปยังทิศทางที่แม่อยู่
เห็นเพียงคุณแม่ที่เคยมีใบหน้างดงาม บัดนี้ดูแก่ขึ้นไม่น้อย ร่างกายซูบผอมราวกับเพียงลมพัดก็หอบร่างไปด้วยได้แล้ว เวลานี้เขากำลังยกตะกร้าผ้าใบใหญ่ออกมาผึ่งแดดข้างนอก
เยี่ยหวันหวั่นมองผ่านๆ ก็รู้แล้วว่า เสื้อผ้าเหล่านั้นไม่ได้มีเพียงของพ่อกับแม่ เห็นชัดเจนว่าชุดสีชมพูนั่นเป็นชุดกระโปรงของเหลียงซือหาน แล้วก็เสื้อสูทสีน้ำเงินและกระโปรงสีแดงสดนั่น ก็น่าจะเป็นเสื้อผ้าของน้าชายและน้าสะใภ้…
…………………………………
คอมเม้นต์