แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 433 เพิ่งแยกไปไม่กี่นาที / บทที่ 434 เหลืออายุไขเพียงครึ่งปี
บทที่ 433 เพิ่งแยกไปไม่กี่นาที
สวี่อี้ชัดเจนอยู่ในใจ สายลับคนนั้นตายไปแล้วอย่างแน่นอน แม้แต่ศพเขาก็เคยเห็นมาแล้ว ไม่มีใครจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้เลย
เป็นเพราะเยี่ยหวันหวั่นต้องการช่วยชีวิตเขาไว้ ถึงได้ตั้งใจพูดอะไรแบบนี้
ดังนั้น ความจริงเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่รู้ว่าเขาถูกปรักปรำหรือไม่ แต่กลับเลือกที่จะเชื่อเขา
ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเธอลุกออกมาทันเวลา เขาคงต้องเสียขาทั้งสองข้างไปแล้ว คนทั้งตระกูลสวี่คงต้องมาลำบากกับเขาด้วย
สวี่อี้ยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น แววตาที่มองจ้องหญิงสาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแน่วแน่มั่นคง นัยน์ตาซ่อนประกายแห่งความเกรงกลัว เอ่ยตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “คุณหนูหวันหวั่น คุณคือว่าที่นายหญิงของตระกูลซือ เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่ผมควรทำอยู่แล้ว!”
ได้ฟังคำตอบของสวี่อี้ เยี่ยหวันหวั่นเผยสีหน้าแปลกใจอยู่หลายส่วน
น้ำเสียงของสวี่อี้…คือการยอมรับสถานะของเธอแล้ว…
ไม่คิดเลยว่าภายใต้การกระทำที่ไม่ได้คิดก่อน เพราะเรื่องราวในครั้งนี้ ท่าทีของสวี่อี้ที่มีต่อเธอจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้เธอตัวคนเดียวอยู่ในบ้านตระกูลซือ หากมีคนอย่างสวี่อี้สามารถสนับสนุนเธอด้วยความจริงใจ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอ
อย่างไรแล้วสวี่อี้ไม่เพียงเป็นคนสนิทที่สุดของซือเยี่ยหาน เขายังเป็นตัวแทนของตระกูลสวี่ที่อยู่ข้างหลังอีกด้วย
หากได้รู้ว่า สวี่ฉางคุนพ่อของสวี่อี้ดูแลรับใช้ข้างกายนายท่านผู้เฒ่ามานานสามสิบปี สร้างคุณความดีมานับไม่ถ้วน บารมีของตระกูลสวี่มีสูงกว่าผู้อาวุโสที่เป็นสายเลือดทางตรงบางคนเสียอีก…
บรรดาผู้อาวุโสเพิ่งจะกลับไปได้ไม่นาน คุณหมออัจฉริยะซุนในที่สุดก็เร่งรีบมาถึงจนได้
คุณหญิงย่ารีบสั่งให้คนเชิญเขาขึ้นมา “หมอซุน คุณรีบช่วยดูอาการของเจ้าเก้าหน่อย ก่อนหน้านี้เขาอยู่ดีๆ ก็หมดสติไป เพิ่งจะฟื้นเมื่อครู่นี้เอง!”
บนเตียงใหญ่สีเทา ชายหนุ่มได้ยินเสียงประตูถูกผลักเข้ามา เลิกคิ้วขยับเล็กน้อย เมื่อได้เห็นคนที่เขามาแล้วสีหน้าพลันกลับมาเย็นชาเหมือนน้ำแข็งดั่งเช่นเคย
ดวงตามืดมนของชายหนุ่มฉายแววความหงุดหงิดอยู่หลายส่วน “หวันหวั่นล่ะ?”
คุณหญิงย่ามองหลานชายอย่างจนใจ นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ไม่สนใจสุขภาพของตัวเอง สิ่งแรกที่ทำคือคิดถึงหวันหวั่น คนเขาเพิ่งจะแยกไปไม่กี่นาทีเองไหมล่ะ?
เวลานี้เอง เสียงฝีเท้า ‘ตึกๆๆ’ ดังขึ้นมา เยี่ยหวันหวั่นส่งพวกสวี่ฉางคุนกลับไปหมดแล้ว ก็รีบเดินขึ้นตึกมา
ได้เห็นเยี่ยหวันหวั่นแล้ว คุณหญิงย่าก็กล่าวอย่างโล่งใจ “เอ๊ะ มาแล้วนี่ไง! ตอนนี้ให้หมอซุนตรวจอาการหลานได้หรือยัง?”
ซือเยี่ยหาน “เข้ามา”
คำพูดนี้ชัดเจนว่าพูดกับเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปที่ข้างเตียงอย่างว่าง่าย
หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นมาแล้ว ทั้งตัวของซือเยี่ยหานเหมือนมีออร่าบางอย่างที่มองไม่เห็นได้จางหายไปดูผ่อนคลายลง เขาหลับตายอมให้ซุนไป๋เฉ่าและลูกศิษย์ใหญ่ของเขาทำการตรวจต่างๆ
ผ่านไปนาน…
“เป็นยังไงบ้างหมอซุน?” คุณหญิงใหญ่เห็นสีหน้าของหมอซุนไม่ค่อยดีเท่าไร พลันรู้สึกตื่นตกใจ
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ข้างๆ หันมองซุนไป๋เฉ่าพลางคิ้วขมวดย่น
ชาติก่อนเนื่องจากซือเยี่ยหานเจ็บหนักถึงได้อาการสาหัส ในชาตินี้อาการของเขาจะดีขึ้นบ้างไหม?
ซุนไป๋เฉ่าส่ายหน้า ถอนหายใจยาวเฮือก กล่าวว่า “ร่างกายของคุณชายเก้า…เริ่มเลวร้ายลงไปแล้ว…เกรงว่า…จะไม่ค่อยดีเท่าไร…”
“เลวร้ายลง? นี่…นี่มันหมายความว่าไง?” คุณหญิงย่าตกใจจนดึงสร้อยลูกประคำในมือขาดตกกระเด็นเต็มพื้น
ซุนไป๋เฉ่าสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวจริงจัง “ผมเคยบอกไว้นานแล้ว สุขภาพของเขาเป็นเหมือนชั้นวางปลอมๆ ภายนอกดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ภายในขาดดุลเสียหายเกินไปแล้วจริงๆ ไม่เพียงไม่อาจฟื้นฟูให้กลับมาได้ แต่กลับถูกใช้เกินกำลังอย่างต่อเนื่องวันแล้ววันเล่า แม้แต่กำลังสุดท้ายที่เขาจะทนได้ยังถูกใช้จนหมด อาการเจ็บป่วยที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ปะทุออกมาเอง สภาพของเขาในตอนนี้เป็นเพียงปัญหาเรื่องช้าเร็วของเวลา…”
……………………………………………………………..
บทที่ 434 เหลืออายุไขเพียงครึ่งปี
ซุนไป๋เฉ่าส่ายศีรษะ ถอนหายใจยาว “อวัยวะทั้งห้าเสียหาย เลือดลมอ่อนแอ ตอนนี้เขาอาจจะแค่หมดสติไปบ้างบางที ต่อไประบบภูมิคุ้มกันจะแย่ลงเรื่อยๆ ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ อวัยวะก็จะค่อยๆ หยุดทำงาน…”
“เป็น…เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร…” คุณหญิงย่ายิ่งฟังใบหน้าก็ยิ่งซีดขาว เอ่ยถามอย่างร้อนใจ “หมอซุน คุณบอกว่าถ้าเจ้าเก้ารักษาตัวอย่างดีก็จะดีขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
ซุนไป๋เฉ่าตอบอย่างจนปัญญา “ถูกต้อง ผมเคยพูดอย่างนั้น คุณสมบัติยาของคุณชายเก้ามีขีดจำกัด ต้องอาศัยการบำรุงรักษาไปอย่างช้าๆ แต่ว่าการดูแลสองคำนี้ สำหรับคนอื่นนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับคุณชายเก้ากลับเป็นเรื่องยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก
ร่างกายของเขามีโรคเดิมอยู่แล้ว อาการนอนไม่หลับไม่เพียงทำให้เขาไม่อาจนอนหลับพักผ่อน แต่กลับเป็นการซ้ำเติมเข้าไปอีก ครั้งนี้ เขาไม่ฟังคำเตือนของผม ใช้ร่างกายหนักเกินไปแบบนี้จนสร้างความเสียหายกับร่างกายเป็นครั้งที่สอง และไปกระตุ้นให้โรคเก่ากำเริบ!
อันที่จริงที่เขาสามารถยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้แล้วเพิ่งจะล้ม ก็นับว่าดีกว่าที่ผมคิดไว้แล้ว ตอนแรกจากการคำนวนของผม มีโอกาสที่จะกำเริบขึ้นตั้งแต่หลายเดือนก่อน…”
คุณหญิงย่าพยายามข่มตัวเองให้ตั้งสติ นิ้วมือสั่นระริก เอ่ยถาม “หมอซุน คุณช่วยบอกฉันชัดๆ ตอนนี้อาการป่วยของเจ้าเก้ายังรักษาได้หรือเปล่า? อาการสาหัสขนาดไหนกันแน่?”
“เรื่องนี้…” ซุนไป๋เฉ่าเหลือบมองไปทางซือเยี่ยหานทีหนึ่งอย่างลังเล
ในฐานะของหมอ คำพูดบางคำก็ไม่สะดวกที่จะพูดต่อหน้าคนไข้
ตั้งแต่ต้นจนจบซือเยี่ยหานไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลย นิ่งเงียบราวกับที่พวกเขากำลังพูดถึงไม่ใช่ร่างกายของเขา หรือว่าจะเป็นหรือตายสำหรับเขาแล้วไม่สำคัญ
ได้ยินดังนั้น ซือเยี่ยหานเอ่ยขึ้นอย่างเฉยชา “ไม่เป็นไรครับ หมอซุนพูดมาตรงๆ ได้เลย”
ซุนไป๋เฉ่าเองก็รู้ว่านิสัยของหัวหน้าตระกูลผู้นี้ดี จึงตอบออกไปตามตรง “จากการวินิจฉัยของผม หากเป็นแบบนี้ต่อไป คุณชายเก้าอย่างมาก…ก็อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปี”
อะไรนะ…ครึ่งปี?!
ได้ฟังคำบอกเล่าของซุนไป๋เฉ่า คุณหญิงย่าพลันหน้ามืดจนเกือบจะหมดสติไป
แม้แต่ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างก็เปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง
มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินครึ่งปี? เป็นไปได้อย่างไร!
ในชาติที่แล้ว ซือเยี่ยหานมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่พวกเขาหย่ากัน ยิ่งไปกว่านั้นในชาตินี้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ สถานการณ์น่าจะดีกว่าชาติก่อนสิถึงจะถูกต้อง ทำไมถึงสาหัสจนถึงขั้นนี้ได้?
ผิดพลาดตรงไหนกันแน่?
เยี่ยหวันหวั่นพยายามย้อนนึกถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยอย่างสุดชีวิต เนิ่นนาน ถึงได้ค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร…
ในชาติก่อน ซือเยี่ยหานยื้อเวลาไว้ได้นานก็ยังไม่ตาย ทว่าในหลายปีนั้น เพราะอวัยวะของเขาหยุดทำงาน จึงต้องเข้าผ่าตัดติดต่อกันหลายต่อหลายครั้ง
ซือเยี่ยหานเป็นหัวหน้าตระกูลซือ เป็นเสาหลักของวงศ์ตระกูลซือทั้งหมด ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาเขาไว้ย่อมไม่สนว่าต้องแลกด้วยอะไร ต่อให้ต้องเปลี่ยนอวัยวะทั้งหมดในร่างเขาก็ไม่ลังเลที่จะยื้อชีวิตเขาไว้
ในชาติก่อน เธอไม่สนใจสถานการณ์ของซือเยี่ยหานเลย รู้เพียงแต่ว่าซือเยี่ยหานต้องเข้าผ่าตัดบ่อยๆ แต่ว่า “การผ่าตัด” สามคำนี้ในเวลานั้นสำหรับเธอแล้วก็เป็นเพียงคำเย็นชาธรรมดาสามคำ ไม่มีความหมายอะไร ยิ่งไปกว่านั้นน้อยครั้งมากที่ซือเยี่ยหานจะเผยท่าทางอ่อนแอให้เธอเห็น จนแทบไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
แต่ว่า ความจริงแล้วตอนนั้นร่างกายของเขาคงจะเจ็บปวดไปทั้งร่าง และในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปียังต้องเข้าทำการผ่าตัดติดต่อกันหลายครั้ง
เพราะว่าร่างกายอ่อนแอเกินไป อวัยวะของเขาจึงเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว ต่อให้เพิ่งจะเปลี่ยนอันใหม่ และโชคดีที่ข้ามผ่านปฏิกิริยาต่อต้านอวัยวะใหม่ไปได้ อาจจะผ่านไปปีหรือสองปีอวัยวะที่เพิ่งเปลี่ยนก็เริ่มเสื่อมถอยต้องเปลี่ยนใหม่ ทำการผ่าตัดอีกครั้ง…
ความเจ็บปวดเช่นนี้ เธอแค่คิดก็ทนรับไม่ไหวแล้ว
ต้องใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวดทรมานกับการผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีที่สิ้นสุด ไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า
แต่ว่า ซือเยี่ยหานในชาติก่อนฝืนยื้อเวลาได้นานขนาดนั้นจากที่มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปี…
……………………………………………………………..
คอมเม้นต์