แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 487 จะรับไว้พิจารณา / บทที่ 488 อาการป่วย
บทที่ 487 จะรับไว้พิจารณา
ไม่รู้เป็นเพราะได้ยินน้ำเสียง ‘แน่ใจว่าต้องตาย’ ของซือเยี่ยหานหรือเปล่า เยี่ยหวันหวั่นคิ้วขมวด
เธอรู้ว่าซือเยี่ยหานไม่ได้คิดอยากมีลูก ถึงอย่างไรในชาติอดีตเธอกับซือเยี่ยหานแต่งงานกันมาหลายปีขนาดนั้นก็ยังไม่มีลูก
เป็นเพราะตัวเองอายุไม่ยืน ก็เลยไม่อยากมีใช่ไหม?
ชาตินี้ พวกเขาแม้แต่แต่งงานก็ยังไม่ได้แต่ง
ด้วยภูมิหลังตัวตนในตอนนี้ของเธอ มาเป็นแฟนสาวของซือเยี่ยหานก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลซือไม่พอใจมากแล้ว หากว่ามาเป็นนายหญิงของตระกูลจริงๆ คงได้กลายเป็นเป้าให้โจมตีได้อย่างไม่ต้องสงสัย…
ชาติก่อน หากไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอหนีตามกู้เยว่เจ๋อกระตุ้น ซือเยี่ยหานบางทีคงไม่แต่งงานกับเธอเร็วขนาดนั้นล่ะมั้ง?
ฝืนบังคับเธอแต่งงานก่อนเวลาอันเหมาะสม นำมาซึ่งการต่อต้านจากคนทั้งตระกูล…
จำได้ว่าชาติก่อนตอนพวกเขาหย่ากัน ร่างกายของซือเยี่ยหานใกล้มอดดับแล้ว ความขัดแย้งในครอบครัวกลายเป็นเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขได้ แต่ละอำนาจฝักฝ่ายแก่งแย่งช่วงชิง ภายในตระกูลซือเกิดความอลหม่านวุ่นวาย ยังถูกโจมตีโดยกองกำลังที่ไม่รู้จักภายนอกด้วย…
ชาตินี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เธอจึงไม่คาดหวังให้ช่วงเวลานี้เดินทับซ้ำรอยเดิมของรถคว่ำ[1] ปล่อยให้สิ่งต่างๆ พัฒนาไปถึงขั้นนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องลูกเลย
ไม่ว่าจะด้วยสุขภาพของซือเยี่ยหานตอนนี้ หรือตัวเธอเอง ล้วนไม่สามารถแบกรับการมาถึงของชีวิตน้อยๆ คนหนึ่งได้
เยี่ยหวันหวั่นสีหน้าเคร่งขรึม “ฉันเองก็ไม่อยาก…”
แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาข้างกาย ใบหน้าของซือเยี่ยหานคล้ายกับแช่อยู่ในชั้นน้ำค้างแข็ง
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพึมพำ “ด้วยสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ ไม่เหมาะจะมีลูกอยู่แล้ว นี่เป็นการไม่รับผิดชอบต่อชีวิตน้อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น อาการของคุณก็เห็นๆ กันอยู่ หรือว่านอกจากจะให้ฉันเป็นแม่หม้ายแล้ว ยังอยากให้ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอีกเหรอ?”
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นหยุดเล็กน้อย แล้วพูดต่อไปว่า “ถ้าเกิด…”
หลังจากพูดมาสองคำนี้แล้ว เยี่ยหวันหวั่นเงียบไปนานไม่พูดต่อ
นัยน์ตาของซือเยี่ยหานที่เงียบสงัดดั่งสระน้ำลึกมีระลอกคลื่นจางๆ มองไปทางหญิงสาว เฝ้ารอคำพูดต่อไปของเธอเงียบๆ
ความจริงเยี่ยหวันหวั่นรู้สึกผิดอยู่บ้างที่พูดออกมาเมื่อครู่ พอถูกสายตาของชายหนุ่มจดจ้องอยู่ตลอด จึงทำได้เพียงกระแอมเสียง พูดสิ่งที่ยังพูดไม่จบต่อ “ถ้าเกิด…ถ้าเกิดคุณหายดีแล้ว อาจจะรับไว้พิจารณาก็ได้”
วินาทีที่คำพูดของหญิงสาวจบลง ราวกับแสงจันทร์เย็นสะท้อนสระน้ำในดวงตาของชายหนุ่มวาบไหวอย่างรุนแรง และแตกเป็นเสี่ยงๆ…
แววตานั้นมองจดจ้องเธอราวกับไม่อยากจะเชื่อ คล้ายกับต้องการมองลึกลงไปในจิตวิญญาณของเธอ…
เยี่ยหวันหวั่นหัวใจสั่นไหว เอามือปิดดวงตาคู่นั้นของซือเยี่ยหานที่ทำให้คนว้าวุ่นอย่างอธิบายไม่ถูก กล่าวเร่งรัด “ดังนั้นน่ะ ไม่อนุญาตให้คุยกับฉันแล้ว รีบนอนเถอะ!”
ซือเยี่ยหานยกมือขึ้นมากุมมือเล็กของหญิงสาวที่ปิดตาของตนอยู่ ย้ายมาวางที่หัวใจของตน
การเต้นของหัวใจกลางฝ่ามือดูเหมือนจะ…เร็วมาก…
ผ่านไปพักหนี่ง ในช่วงค่ำคืนเงียบสงัด เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มพลันดังขึ้น “ได้”
ตอนที่ชายหนุ่มพูดหน้าอกยกกระเพื่อมสั่นไหวอยู่เล็กน้อย ฝ่ามือของเยี่ยหวันหวั่นวางอยู่ที่หน้าอกของชายหนุ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เยี่ยหวันหวั่นเอียงศีรษะไปมองใบหน้าที่หลับใหลของชายคนนั้น ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
คุณจะเชื่อฟังขนาดนี้เลยเหรอ นอนหลับไปแบบนี้จริงๆ เหรอ…
ตอนนี้ดีเหลือเกิน กลายเป็นเธอที่นอนไม่หลับแทน…
………………………………………………………..
บทที่ 488 อาการป่วย
เช้าวันถัดมา
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเงาคนข้างกายแล้ว
ซือเยี่ยหานตื่นแล้วเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นหยิบโทรศัพท์มาดู เกือบจะเที่ยงแล้ว คาดว่าคงเป็นเพราะเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับ วันนี้ถึงได้ตื่นสาย
เยี่ยหวันหวั่นนั่งเหม่ออยู่บนเตียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลูบเส้นผมแล้วลุกจากเตียง
ตอนที่เดินผ่านห้องหนังสือ เยี่ยหวันหวั่นเห็นสาวใช้สองคนยืนอยู่หน้าประตูกำลังแอบกระซิบกระซาบ
“จริงหรือโกหกเนี่ยะ เธอเพิ่งจะส่งเข้าไป คุณชายเก้าก็ดื่มทันทีเลยเหรอ?”
“ใช่สิ ตอนนั้นคุณชายเก้ากำลังจัดการงานเอกสารอยู่ คิดว่าคงจะค่อนข้างยุ่งยาก หน้าตาท่าทางน่ากลัวมาก เดิมทีฉันเตรียมจะถอยออกไปรอสักพักค่อยเข้าไป ผลคือ คุณชายเก้าเรียกฉันไว้ บอกให้ฉันยกยาเข้าไป แล้วยกดื่มทันทีไม่โอ้เอ้เลย…”
“ไม่ใช่มั้ง! เธอโชคดีเกินไปแล้ว!”
ห่างไปไม่ไกล เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแล้วก็รู้สึกได้ว่า ในที่สุดคนบางคนก็ได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องกินยาตรงเวลาอีก เรื่องสำคัญที่สุดคือการนอนก็สามารถรับประกันได้ ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นต้องทำให้ได้ก็คือปรับจิตใจให้สงบนิ่ง ขี้หงุดหงิด ใจร้อน เหนื่อยล้าล้วนเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง ซึ่งทั้งหมดนี้จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
พูดไปแล้วล้วนเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมากๆ เพียงแค่แต่ละเรื่องเป็นเรื่องยากผิดปกติสำหรับซือเยี่ยหาน
ตอนนี้เหลือเพียงเรื่องที่จัดการยากที่สุด ก็คือหลีกเลี่ยงการเหนื่อยล้า
ซือเยี่ยหานไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น จึงทำทุกอย่างด้วยตัวเอง นี่เป็นเหตุสุดวิสัยและโดยพื้นฐานแล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยสาเหตุนี้ ซือเยี่ยหานถึงเหนื่อยล้าทุกวันจนร่างกายทรุดโทรม ชาติก่อนทั้งชีวิตถูกใช้ไปจนเกลี้ยง
ช่วยไม่ได้ อำนาจยิ่งมาก หน้าที่ความรับผิดชอบก็ยิ่งมาก ซือเยี่ยหานอยู่ในตำแหน่งนั้น จำเป็นต้องแบกรับเรื่องเหล่านี้ หากจะให้เขาละมือออกทันทีและละทิ้งทุกสิ่ง เห็นได้ชัดว่าคงจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้จริง
สรุปแล้วต้องทำอย่างไรให้เขาไม่ใช้พลังกายใจมากขนาดนั้นนะ?
เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่นอกประตู มองดูซือเยี่ยหานที่ไอค่อกแค่ก รู้สึกหนักใจขึ้นมา
เรื่องนี้เธอยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาได้ชั่วขณะ ทำได้เพียงพยายามรบเร้าให้เขาพักผ่อนอย่างสม่ำเสมอ รอครั้งหน้าที่ซุนไป๋เฉ่ามาตรวจอาการให้ซือเยี่ยหานอีกครั้ง ดูอาการเขาอีกทีค่อยว่ากัน…
……
เพียงพริบตาก็มาถึงวันตรวจนัดตามปกติ
เยี่ยหวันหวั่น คุณหญิงใหญ่และซือเยี่ยหานมาถึงที่พักส่วนตัวของซุนไป๋เฉ่า ทำการตรวจวินิจฉัยทุกด้านให้ซือเยี่ยหาน
จากวันที่ซุนไป๋เฉ่ายืนยันว่าซือเยี่ยหานจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงครึ่งปีเวลานี้ก็ได้ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน
เยี่ยหวันหวั่นอยู่เป็นเพื่อนคุณหญิงใหญ่ อารมณ์ซับซ้อนรออยู่ด้านนอกห้องตรวจ
“คุณย่า อย่าร้อนใจไปเลยนะคะ ช่วงเวลานี้คุณเก้ากินยาพักผ่อนตรงเวลา อารมณ์ก็มั่นคงมากขึ้น ไม่แน่อาจช่วยให้ดีขึ้นก็ได้” เยี่ยหวันหวั่นปลอบใจ
คุณหญิงใหญ่รู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เยี่ยหวันหวั่นอยู่ดูแลข้างกายหลานชายมาโดยตลอด ตบหลังมือของเธอพลางอุทานทอดถอนใจ “ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น…”
สวี่อี้ที่อยู่ด้านข้างก็จ้องประตูโลหะห้องตรวจไม่ละสายตา ด้วยจิตใจหนักอึ้งเช่นกัน
ช่วงเวลานี้เขาได้เห็นกับตาตัวเองว่าเยี่ยหวันหวั่นทุ่มเทกายใจช่วยปรับเรื่องสุขภาพของคุณชายเก้าอย่างไรบ้าง ทว่าสุขภาพของคุณชายเก้าที่ใช้ไปจนเกลี้ยงไม่ใช่เรื่องที่แก้ไขได้เพียงวันสองวัน อีกทั้งร่างกายเริ่มทรุดโทรมแล้วด้วย จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะกู้กลับมาได้ในเวลาอันสั้น
ผลการตรวจวินิจฉัยรอบนี้เกรงว่าจะยังคงไม่ดีเช่นเดิม
และที่แย่ยิ่งกว่าคือ อาการป่วยของคุณชายเก้าได้ถูกแต่งสีตีไข่ล่วงรู้ไปถึงหูของผู้อาวุโสเกือบทั้งตระกูลแล้ว เกรงว่าคงจะปิดบังเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้…
หลังจากรอมานานหนึ่งชั่วโมงเต็ม ประตูโลหะตรงหน้าก็ถูกเปิดออกสักที
ซือเยี่ยหานใบหน้าซีดเซียวเดินออกมาจากข้างใน
“คุณเก้า!” เยี่ยหวันหวั่นรีบเข้าไปประคองเขา
เมื่อคืนอุณหภูมิลดต่ำลง ซือเยี่ยหานตากลมเย็นเพียงเล็กน้อย ตื่นเช้ามาก็เป็นหวัดเสียแล้ว
ภูมิต้านทานในร่างกายของเขาลดต่ำลงอย่างรวดเร็วจริงๆ…
………………………………………………………..
[1] ทับซ้ำรอยเดิมของรถคว่ำ หมายถึง การทำซ้ำในสิ่งที่ผู้อื่นทำพลาด โดยไม่รับไว้เป็นบทเรียน
คอมเม้นต์